Ford Ranger RAPTOR ราคา 1,699,000 บาท เรนเจอร์ แรฟเตอร์ 2019 ตารางผ่อนดาวน์
เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับกระบะสายพันธ์แกร่ง Ford Ranger RAPTOR เก๋าไม่กลัวทุกเส้นทาง! เพราะนี่คือ “ยอดยนตกรรมสายโหดจากอเมริกา” สัมผัสประสบการณ์ขับขี่กระบะยอดนิยมผ่าน Ford Ranger RAPTOR ได้แล้ววันนี้ทั่วประเทศ
FORD Ranger RAPTOR 2.0 Bi-Turbo ราคา 1,699,000 บาท
อุปกรณ์ที่ปรับปรุง
- ไฟหน้าโปรเจคเตอร์เลนส์แบบ Bi-LED
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง LKS
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCWS
- ระบบเบรกอัตโนมัติ ตรวจจับรถ และ คนเดินถนน AEB
- ช่อง USB กระจกหลัง
- สติ๊กเกอร์ลายกราฟฟิคที่ด้านข้างกระบะท้าย
พร้อมการเปลี่ยนแปลงดังนี้
- เครื่องยนต์ดีเซล Diesel 2.0 EcoBlue Bi-Turbo
- เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ลูกใหม่
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ปรับปรุงใหม่ ที่รองรับการลุยมากกว่าเดิม
- ช่วงล่างถูกปรับปรุงใหม่ รองรับการลุย Off-Road
- ความกว้างช่วงล้อ หน้า – หลัง ถูกขยายระยะเพิ่ม
- ตัวถังบึกบึนวงล้อกว้างขึ้น
- หน้าออกแบบใหม่อ้างอิงจาก F-150 RAPTOR มาบางส่วน
- ท้ายเหมือนเดิม แต่จะมีการปรับดีไซน์ไฟท้าย และ ตัวถังด้านข้างของกระบะท้ายให้บึกบึนขึ้น
ภายนอก Ford Ranger RAPTOR
แรงบันดาลใจจาก F-150 Raptor กันชนหน้ายึดติดกับเฟรมรถ แผงกันชนหน้าสี Super Alloy ไฟตัดหมอกแบบ LED พร้อมช่องรีดอากาศ บันได้ข้างอะลูมิเนียมออกแบบรองรับการระบายทราย โคลน ป้องกันหินกระแทกตัวถังรถ กันชนท้ายเสริมชุดตะขอเกี่ยว 2 ชุด เซนเซอร์ท้ายเสมอถัง ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง All-Terrain BF Goodrich ขนาด 285/70 R17 เส้นผ่านศูนย์กลางยาง 838 มิลลิเมตร กว้าง 285 มิลลิเมตร
ตัวถังให้เลือก 5 สีได้แก่
- สีเทา Conquer Grey ตัดด้วยสีเทา Dyno Grey (สีพิเศษเฉพาะ Ranger RAPTOR)
- สีน้ำเงิน Lightning Blue
- สีแดง Race Red
- สีดำ Shadow Black
- สีขาว Frozen White
ภายในห้องโดยสาร Ford Ranger RAPTOR
เบาะนั่งปรับได้แบบ 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง เบาะนั่งหุ้มด้วย Alcantara แดชบอรด์หน้าบุนุ่ม เดินตะเข็บด้ายสีน้ำเงิน โลโก้ RAPTOR บนแผงหน้าปัด แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift ผลิตจาก Magnesium แถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย On-Center Marker สลักตัวโลโก้ RAPTOR ที่ขอบพวงมาลัย ปุ่มสตาร์ท Push Start Button
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว รองรับ วิทยุ AM/FM CD MP3 ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 รองรับ Apple Car Play / Andriod Auto ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบนำทาง Navigation System ลำโพง 6 ตัว
Diesel 2.0 EcoBlue Bi-Turbo
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- สายพานไทม์มิ่งแบบจุ่มในน้ำมันเครื่อง Belt-in-oil Primary Drive
- ฝาครอบเครื่องยนต์ พร้อมโฟมดูดซับเสียง เพื่อลด NVH : Noise Vibration Hashness
- ฝาครอบ Compressor ระบายความร้อนด้วยน้ำ
- ลูกสูบอะลูมิเนียม มีการหล่อซ้ำที่ขอบแอ่งหัวลูกสูบ Bowl Edge Re-Melt
- ระบบกรองน้ำมันเกียร์ Sump Filtration and ULV
- ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ Off-Axis Variable-Displacement Vane Pump
- คลัตซ์แบบ Rollover One-way Clutch (OWC)
8 รูปแบบการขับขี่ ได้แก่
- Normal (รุ่น 2WD)
- Sport (รุ่น 2WD)
- Grass / Gravel / Snow (4WD)
- Mud / Sand (4WD)
- Baja (4WD)
- Rock / Gravel (4WD)
Ford Ranger RAPTOR (T6) ปิกอัพฟลูไซต์สายพันธ์ใหม่ในตระกูล Ranger กับการใช้งานแบบ Off-Road การออกแบบภายนอกเน้นความบึกบึนอย่างเต็มรูปแบบ
โครงสร้างช่วงล่าง
ช่วงล่างมีการใช้แซสซีส์จากวัสดุ HSLA : High-Strength Low-Alloy พร้อมเสริมความแข็งแกร่งแซสซีส์ด้านข้าง (Side Rails) แซสซีส์หน้าเพิ่มความแข็งแกร่งของจุดยึดหูซ็อคอัพขยายสูงขึ้น ช่วงล่างด้าน – หลังแบบวัตต์ลิงค์ Watt-Link Coil Over Shock ช็อคอัพ แบบ Position Sensitive Damping (PSD) วงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS
แชสซีส์ถูกปรับโครงสร้างใหม่เพื่อให้พร้อมเผชิญกับทุกความท้าทาย ไม่หวั่นแม้การทดสอบความทนทานในพื้นที่แห้งแล้งสุดๆ โครงสร้างทั้งหมดประกอบไปด้วยเหล็ก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรด เพื่อให้พร้อมรับทุกความโหด และเข้าถึงสมรรถนะขั้นสุด
ช่วงล่างของ เรนเจอร์ แร๊พเตอร์ ถูกสร้างมาเพื่อพิชิตทุกเส้นทางหฤโหด ประกอบกับอสุรกายโช้คสุดโหดอย่าง Fox Racing Shox จากอเมริกา เช่นเดียวกับที่ใช้ใน F-150 Raptor ที่พร้อมกำราบทุกเนิน ทุกการกระโดด และทุกอุปสรรคได้อย่างราบรื่น
Terrain Management System (TMS) ระบบปรับสภาพการขับขี่อัจฉริยะที่มาพร้อม 6 โหมดเพื่อตอบรับทุกประสบการณ์การขับขี่ โดยใช้ปุ่มบนพวงมาลัย ให้คุณควบคุมได้ดังใจไม่ว่าจะเป็นจากโหมดธรรมดา สู่โหมดสปอร์ต ,ลุยพื้นหญ้า, ฝ่าก้อนกรวด, ลุยหิมะ, โคลน, ทราย หรือหิน และ โหมดบาฮา (Baja off-road sport mode) ให้คุณมั่นใจพร้อมลุยทุกเส้นทางออฟโรด
Technology เรนเจอร์ แร็พเตอร์ อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC3, ระบบแผนที่นำทาง, รวมไปถึงระบบความปลอดภัยแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านถุงลมนิรภัย) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP), ระบบช่วยการทรงตัว ขณะลากจูง (TSC), ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (HLA), Load Adaptive Control (LAC) และ, ระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ (ROM)
ขอบคุณข้อมูล www.ford.co.th