เปิดตัวในไทย KIA Carnival MY2023 รุ่นเริ่มต้น LX ราคา 1,892,000 บาท
เปิดตัวน้องใหม่! The Kia Carnival LX ครั้งแรก ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 66
KIA Carnival (MY2023) มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย
- รุ่น LX ราคา 1,892,000 บาท
- มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีขาว Snow Flake White และสีดำ Jet Black
- รุ่น EX ราคา 2,234,000 บาท
- มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Aurora Black Pearl และสีเทาดำ Panthera Metal
- รุ่น SXL ราคา 2,594,000 บาท
- มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Aurora Black Pearl สีเทาดำ Panthera Metal และสีฟ้า Astra Blue
โดยทางเกียจะจัดแสดงยนตรกรรม เกีย คาร์นิวัล ครบทุกรุ่นย่อยและทุกสีให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และสามารถทดลองขับได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 นี้ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ* สำหรับลูกค้าที่จองภายในงานและที่โชว์รูมเกียทุกสาขา ดังนี้
- การประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กม.
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชม. นาน 5 ปี
- ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
ขนาดตัวถัง
- ยาว 5155 มม.
- กว้าง 1995 มม.
- สูง 1775 มม.
- ระยะฐานล้อ 3090 มม.
เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 2,151 ซีซี TCI-VGT 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลัง 202 แรงม้าที่ 3800 รอบต่อนาที แรงบิตสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 1750 – 2750 รอบต่อนาที ความกว้างกระบอกสูง x ช่วงชัก 83×99.4 มม. กำลังอัด 16.0:1 ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีตพร้อมโหมด Manual
- ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายอากาศ
- ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรก
- ระบบกันสะเทือนหน้า แมคเฟอร์สันตรัท คอยล์สปริง / โช้คอัพแก็ส พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบกันสะเทือนหลัง มัลติลิงค์ คอยล์ฺสปริง / โช้คอัพแก็สพร้อมเหล็กกันโคลง
จุดเด่นของ เกีย คาร์นิวัล รุ่น LX (MY2023) รุ่น LX: ราคา 1,892,000 บาท
ข้อมูลทางเทคนิคเครื่องยนต์และมิติตัวรถ
- เครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ 2.2 ลิตร มาตรฐาน EURO5
- ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 45 กิโลกรัม-เมตร
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold
- ระบบเลือกการขับขี่ (Drive Mode): Normal Mode, Sport Mode, Eco Mode, Smart Mode
ดีไซน์ภายนอก
- โลโก้ Kia แบบใหม่บริเวณฝากระโปรงหน้า ดุมล้อ และ ไฟท้าย
- กระจังหน้าดีไซน์ใหม่
- ไฟหน้า LED แบบ Multi Focus Reflector พร้อม Daytime Running Light
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
- แร็คหลังคา
ดีไซน์ภายใน
- เบาะผ้าสไตล์ทูโทน สีน้ำตาล Saddle Brown ตัดขอบดำ สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 11 ที่นั่ง
- เบาะแถวที่ 4 แบบ Pop-Up Sinking ที่พับเก็บได้ราบเรียบและง่ายดาย เพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระ
- จุดชาร์จ USB จำนวน 6 จุดบริเวณคอนโซลด้านหน้า ด้านข้างของเบาะคู่หน้าและบริเวณที่นั่งแถวที่ 3
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิง
- หน้าจอ Infotainment พร้อมจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว
- ระบบวิทยุที่เชื่อมต่อผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
- ระบบที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger
ระบบความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน รวม 7 จุด: คู่หน้า ด้านข้างเบาะคู่หน้า บริเวณหัวเข่าของผู้ขับขี่ ม่านนิรภัยรอบคัน
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BAS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS) และระบบช่วยออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HAC)
- ระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง
- กล้องมองหลัง (Rear-view Monitor)
(กรุงเทพฯ, 17 มีนาคม 2566) บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เกีย ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เร่งขยายฐานกลุ่มลูกค้า ด้วยการเพิ่มรุ่นเริ่มต้นใหม่ของยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม รุ่นเรือธงอย่าง “เกีย คาร์นิวัล” เจเนอเรชันที่ 4 โดยนำมาจัดแสดงให้ผู้สนใจสัมผัสอย่างใกล้ชิด พร้อมข้อเสนอพิเศษภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 ณ บูธเกีย B1 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการขยายเครือข่ายโชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกและรองรับการบริการลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค
นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “สำหรับเกีย คาร์นิวัล เจเนอเรชันที่ 4 เป็นรถยนต์รุ่นเรือธงของ เกีย ในประเทศไทย ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการและเริ่มส่งมอบตั้งแต่ช่วงประมาณต้นปี 2564 ด้วยดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางและปรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยระบบอำนวยความสะดวกที่ครบครัน จึงสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ พิสูจน์ได้จากยอดส่งมอบในประเทศไทยแล้วร่วม 3,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัว และในโอกาสนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เกียได้มีการเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นเริ่มต้น เกีย คาร์นิวัล LX โดยมาพร้อมเครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร มาตรฐานยูโร 5 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ที่ยังคงให้สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่น ดีไซน์ภายนอกและภายในที่ทันสมัย พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และมีรถพร้อมส่งมอบในทันทีสำหรับล็อตแรก”
สำหรับ เกีย คาร์นิวัล LX มาพร้อมการปรับฟีเจอร์ให้เหมาะสมและตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยจะยังคงสมรรถะการขับขี่ที่โดดเด่นของเกีย คาร์นิวัล ด้วยเครื่องยนต์สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมด้วยระบบ Auto Brake Hold และโหมดการขับขี่ที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่ ดีไซน์ภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ไฟหน้าแบบ LED และ Daytime Running Right ผสานดีไซน์ภายในที่หรูหราและทันสมัยด้วยหน้าจอ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบวิทยุที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย อีกทั้งยังมีห้องโดยสารภายในที่กว้างขวางด้วยที่นั่งจำนวน 11 ที่นั่งที่สามารถปรับพับเบาะได้หลากหลายรูปแบบ สะดวกสบายด้วยที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger) พร้อมที่ชาร์จ USB รอบคันจำนวน 6 จุด และกระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ ทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน อาทิ ถุงลงนิรภัยและม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC) ระบบรักษาความเร็วคงที่ (Cruise Control) พร้อมด้วยกล้องมองหลัง (Rear View Monitor) และเซ็นเซอร์การถอยจอดด้านหลัง
“นอกจากกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าของเกียแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของเราในปี 2566 คือ การเร่งขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเกียมาตรฐานให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคมากยิ่งขึ้น รวมถึงเร่งปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโชว์รูมและศูนย์บริการให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์และโลโก้ใหม่ของของ เกีย ประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้แนวคิด The Opposite United โดยในปัจจุบันเรามีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ 18 แห่งทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายเพิ่มเติมอีก 2 แห่งภายในปีนี้ ได้แก่ เชียงใหม่ และ พิษณุโลก ทั้งนี้ เกียยังได้เพิ่มช่องทางการต่อต่อสื่อสาร ‘Kia Connect’ ซึ่งเป็นระบบจองคิวนัดหมายรับบริการที่ศูนย์เกียทุกแห่งในประเทศไทย ผ่าน Line Official Account : Kia Thailand เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการรับบริการต่างๆ อาทิ การเช็กระยะ การแจ้งซ่อมทั่วไป การขอเคลมประกันภัย หรือเคลมวารันตี เป็นต้น และยังเป็นช่องทางในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ของเกียอีกด้วย โดยระบบ ‘Kia Connect’ พร้อมให้บริการกับลูกค้าเกียทุกท่านแล้ววันนี้” นางสาวฬสนันท์ กล่าวเพิ่มเติม
รุ่น LX ราคา 1,892,000 บาท (NEW 2023)
- Tiger Nose ใหม่ ที่สอดรับกับไฟหน้า LED แบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ พร้อมไฟ Daytime-Running Light ดีไซน์ใหม่ที่เชื่อมกันอย่างลงตัว เสริมภาพลักษณ์สมาร์ทให้ครอบครัว
- เครื่องยนต์ Smartstream Diesel 2.2 ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้า มาตรฐาน EURO 5 ขับสนุก เคลื่อนตัวเต็มสูบ ประสิทธิภาพเกินร้อย
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
- เบรกมือไฟฟ้าเมื่อถึงที่หมาย หรือจอดรถทิ้งระยะ
- ระบบ Auto-Brake Hold ที่ช่วยเบรกชั่วคราวให้ ขับได้ง่ายขึ้นเยอะ
- ม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน ที่จะช่วยเสริมความปลอดภัย ให้อุ่นใจในยามฉุกเฉิน
- รองรับการเชื่อมต่อ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย ด้วยการทำงานบนแผงหน้าจอ Infotainment ขนาด 8 นิ้ว
รุ่น EX (MY22): ราคา 2,234,000 บาท
- มาพร้อมโลโก้ Kia ใหม่
- มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมจากรุ่น EX เดิม ดังนี้
- ระบบที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)
รุ่น SXL (MY22): ราคา 2,594,000 บาท
- มาพร้อมโลโก้ Kia ใหม่
- มีฟีเจอร์ที่เพิ่มเติมจากรุ่น SXL เดิม ดังนี้
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)
- หน้าจอแบบ Panoramic Display ที่มาพร้อมกับหน้าจอเรือนใหม่ดิจิตอล Digital Instrument Cluster ขนาด 12.3 นิ้ว
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ Blind-Spot View Monitor (BVM)