ยอดขายรถยนต์ในยุโรป พฤศจิกายน 2024 กลุ่ม VW ยังคงเป็นผู้นำในตลาดยุโรป
ยอดขายรถยนต์ในยุโปร พฤศจิกายน 2024
- Volkswagen Group: 286,600 คัน (+2.8%)*
- Volkswagen: 117,900 คัน (+5.4%)
- Skoda: 68,100 คัน (+10.0%)
- Audi: 52,600 คัน (-14.7%)
- Seat: 17,700 คัน (-6.9%)
- Cupra: 20,100 คัน (+23.5%)
- Porsche: 9,400 คัน (+28.3%)
- Others: 600 คัน (0%)
- Stellantis: 142,400 คัน (-10.8%)*
- Peugeot: 52,800 คัน (+17.0%)
- Opel/Vauxhall: 28,500 คัน (-19.6%)
- Citroen: 25,100 คัน (-9.6%)
- Fiat: 17,100 คัน (-40.2%)
- Jeep: 10,600 คัน (-1.3%)
- Alfa Romeo: 4,300 คัน (-2.7%)
- DS: 2,800 คัน (-3%)
- Lancia/Chrysler: 900 คัน (-77.7%)
- Renault Group: 111,800 คัน (+9.2%)*
- Renault: 62,100 คัน (+13.2%)
- Dacia: 49,400 คัน (+4.8%)
- Alpine: 300 คัน (-19.6%)
- Toyota Group: 84,400 คัน (+12.0%)*
- Toyota: 77,800 คัน (+10.9%)
- Lexus: 6,600 คัน (+27.1%)
- Hyundai Group: 79,700 คัน (-10.5%)*
- Kia: 40,200 คัน (-8.4%)
- HYUNDAI : 39,600 คัน (-12.5%)
- BMW Group: 83,200 คัน (-4.3%)*
- BMW: 67,800 คัน (-2.9%)
- Mini: 15,400 คัน (-9.7%)
- Mercedes-Benz: 62,300 คัน (+0.1%)*
- Mercedes: 62,200 คัน (+4.3%)
- Smart: 100 คัน (-96.2%)
- Ford: 32,700 คัน (-15.6%)*
- Volvo Cars: 31,000 คัน (+16.8%)*
- Tesla: 26,200 คัน (-28.4%)*
- Nissan: 22,300 คัน (-11.9%)*
- SAIC Motor: 19,500 คัน (-3.4%*)
- Suzuki: 14,400 คัน (-8.5%)*
- Mazda: 12,400 คัน (-16.6%)*
- Jaguar Land Rover Group: 12,000 คัน (-6.3%)*
- Land Rover: 10,800 คัน (+2.9%)*
- Jaguar: 1,200 คัน (-47.8%)*
- Honda: 4,400 คัน (-19.6%)*
- Mitsubishi: 3,600 คัน (-25.6%)*
*เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2023
ภาพรวมยอดขาย
- ยอดขายรวม : มีการจำหน่ายรถยนต์ในยุโรปเดือนพฤศจิกายน 2024 ประมาณ 1.06 ล้านคัน ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
- การเปลี่ยนแปลงในแต่ละประเทศ:
- ฝรั่งเศส: ยอดขายลดลง 12.7%
- อิตาลี: ลดลง 10.8%
- เยอรมนี: เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5%
- สเปน: เพิ่มขึ้น 6.4% เป็นประเทศใหญ่ในสหภาพยุโรปเพียงแห่งเดียวที่มียอดขายเติบโต
แนวโน้มของระบบขับเคลื่อน
- รถยนต์ไฮบริดขึ้นนำ:
- ส่วนแบ่งตลาด: รถไฮบริดมีส่วนแบ่งตลาด 33.2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 27.5% ในเดือนพฤศจิกายนปี 2023
- การเติบโตปีต่อปี: เพิ่มขึ้น 18.5% ซึ่งทำให้ไฮบริดกลายเป็นระบบขับเคลื่อนที่ได้รับความนิยมสูงสุด
- รถยนต์เบนซินลดลง:
- ส่วนแบ่งตลาด: ลดลงเหลือ 30.6% จาก 32.5% ในปีก่อน
- ยอดขายลดลง: ลดลง 7.8% โดยฝรั่งเศสมีการลดลงสูงสุดถึง 31.5%
- รถยนต์ไฟฟ้า (EV):
- ยอดขายลดลง: ลดลง 9.5% เหลือ 130,757 คัน
- ส่วนแบ่งตลาด: ลดลงจาก 16.3% เหลือ 15%
- การลดลงสำคัญ:
- เยอรมนี: 21.8%
- ฝรั่งเศส: 24.4%
- ดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด:
- ดีเซล: ยอดขายลดลง 15.3% ส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 10.6%
- ปลั๊กอินไฮบริด: ลดลง 8.8% ส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 7.6%
ผลการดำเนินงานของผู้ผลิตรถยนต์
- แบรนด์ที่ทำผลงานได้ดี:
- Toyota: ยอดขายเพิ่มขึ้น 12.4% ถือว่าดีที่สุดในกลุ่ม
- VW Group: เพิ่มขึ้น 2.2%
- Renault: เพิ่มขึ้น 1.9% มียอดขายรวม 1,152,424 คัน
- แบรนด์ที่ยอดขายลดลง:
- Stellantis: ลดลง 7.4%
- Hyundai Motor Group: ลดลง 4.4%
- Ford: ลดลงมากถึง 17.3%
- Mazda: ลดลง 6.6%
- Jaguar: ลดลง 5.9%
บทสรุป
- กลุ่มที่เติบโต: แบรนด์ที่มีการเติบโต เช่น Skoda, Cupra, Toyota, และ Volvo แสดงถึงความสามารถในการดึงดูดผู้บริโภคด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เช่น เทคโนโลยีไฟฟ้า (EV) และดีไซน์ที่ล้ำสมัย
- กลุ่มที่ลดลง: แบรนด์อย่าง Tesla, Fiat, และ Mazda เผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันในตลาดที่มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น และการขาดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
- Tesla กับตลาด EV: การลดลงของ Tesla สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงในตลาดยุโรปที่มีคู่แข่งจากทั้งยุโรปและเอเชีย อย่างไรก็ตาม ตลาด EV โดยรวมยังคงเติบโตเมื่อไม่รวม Tesla
สรุปสถานการณ์ Tesla ในยุโรป
- ยอดขายที่ลดลงของ Tesla:
- เดือนพฤศจิกายน 2024: Tesla ส่งมอบรถยนต์เพียง 26,200 คัน ลดลง 10,000 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2023
- ยอดขายตั้งแต่ต้นปี (YTD): Tesla ทำยอดขายรวม 282,700 คัน ซึ่งลดลง 13.7% เมื่อเทียบกับ 327,600 คัน ในปี 2023
- การลดราคาครั้งใหญ่และการเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานในเบอร์ลินยังไม่สามารถหยุดการลดลงของยอดขายได้
- ผลกระทบต่อภาพรวมตลาด EV ในยุโรป:
- ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป (Battery Electric Vehicles – BEV) ลดลงเพียง 1.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
- หากไม่นับ Tesla เข้าร่วมการคำนวณ ตลาด BEV ของยุโรปจะเพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งแสดงถึงการเติบโตของแบรนด์ EV อื่น ๆ
- ความท้าทายจากการแข่งขัน:
- แบรนด์ EV อื่น ๆ ในยุโรปเริ่มแข็งแกร่งขึ้น และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น
- การลดลงของยอดขาย Tesla ในฝรั่งเศส (-24.4%) และเยอรมนี (-21.8%) บ่งชี้ว่า Tesla กำลังเสียส่วนแบ่งตลาดในสองตลาดสำคัญ
- สถานการณ์ Tesla ในตลาดโลก:
- ในสหรัฐอเมริกา ยอดขาย Tesla คงที่แม้ว่าจะมีการลดราคาและสิ่งจูงใจจากรัฐบาลกลาง รวมถึงการเพิ่ม Cybertruck เข้าสู่ตลาด
- มีความกังวลว่าหาก Tesla และฝ่ายการเมืองในสหรัฐฯ ผลักดันให้ยกเลิกสิ่งจูงใจด้าน EV จะส่งผลกระทบต่อยอดขายของ Tesla และตลาด BEV ทั้งหมด
การวิเคราะห์เชิงลึก
- “ปัญหาของ Tesla” ในยุโรป
- ตัวเลขชี้ให้เห็นว่า ปัญหาของ Tesla ไม่ใช่ปัญหาของตลาด EV โดยรวม แต่เป็นปัญหาเฉพาะตัวของ Tesla ในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในยุโรป
- ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป เช่น Volkswagen, Stellantis และ Hyundai ต่างเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาด EV ผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในท้องถิ่นได้ดีกว่า
- การลดสิ่งจูงใจ (Incentives)
- แม้ว่าสิ่งจูงใจในหลายประเทศในยุโรปจะลดลง แต่ Tesla กลับไม่สามารถเพิ่มยอดขายได้แม้จะปรับลดราคาลง
- ในทางกลับกัน แบรนด์ EV อื่น ๆ กลับสามารถเติบโตได้ ซึ่งบ่งชี้ว่า Tesla กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
- ภาพรวมของตลาด EV
- ตลาด EV ในยุโรปกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีการกระจายตัว (Diversification) มากขึ้น โดยไม่พึ่งพา Tesla เพียงอย่างเดียว
- การเติบโตของแบรนด์อื่น ๆ ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับตลาด EV ในระยะยาว
- ความกังวลในสหรัฐอเมริกา
- หากสิ่งจูงใจด้าน EV ในสหรัฐฯ ถูกยกเลิก อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ Tesla และตลาด BEV โดยรวม
- กลยุทธ์ของ Tesla ที่พึ่งพาการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายอาจเสี่ยงต่อความล้มเหลวในระยะยาว เนื่องจากตลาด EV จำเป็นต้องแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน (ICE) มากกว่าแข่งขันกันเอง