น้ำมันดิบร่วงหนัก! ประวัติศาสตร์น้ำมันดิบสหรัฐฯ ในรอบ 20 ปี
ประวัติศาสตร์ต้องจารึก อีกครั้งสำหรับการล่วงของราคาน้ำมันดับในสหรัฐอเมริกา นั้นคือการ “ติดลบ” เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าสาเหตุมาจาก COVID-19 เป็นหลัก การล็อคดาวน์ เมือง หรือรัฐ แม้แต่ประเทศ ทั่วโลก ผู้คนล้วนอยู่บ้าน การใช้งานน้ำมันลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
สำนักข่าว BBC เทียบให้เห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ต่างจากผู้ใช้รถยนต์สามารถใช้น้ำมันแบบฟรีๆ เพราะมันถูกมาก นี้คือข้อดีของผู้ใช้งาน แถมยังเป็นการช่วยให้น้ำมันออกจากคลังน้ำมัน เพราะค่าใช้จ่ายในการเก็บก็มีสูงพอตัว
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สาเหตุที่ราคาน้ำมันดิบล่วงอย่างต่อเนื่อง และทำสถิติล่วงลงดินอย่างรุนแรง คือการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นไปทั่วประเทศ ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง และภาคธุรกิจอื่นๆ ต้องหยุดชะงัก แม้แต่กิจกรรมการเดินทาง อีเว้นท์ ก็งดทั้งหมด การเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึง การทำงานที่บ้าน ผู้คนใช้รถยนต์เพียงอย่างเดียวคือไป Super market ทำให้ น้ำมันไม่หมดสักทีเพราะใช้กันน้อยมากๆ และจะเติมน้ำมันไปทำไมเมื่อน้ำมันไม่หมด
กราฟแสดงให้เห็นการร่วงหล่นของราคาน้ำมันดิบ โดยการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทะลุสถิติที่เคยมีในปี 2000 หรือ 20 ปีก่อนอย่างขาดลอย
- น้ำมันปิโตรเลียม ยังมีการใช้หน่วย บาร์เรล (barrel) โดยที่ 1 บาร์เรลเท่ากับประมาณ 159 ลิตร และ 1 บาร์เรล = 35 แกลลอนอังกฤษ (เท่ากับ159.11 ลิตร) ส่วนในสหรัฐอเมริกา 1 บาร์เรล = 42 แกลลอน (เท่ากับ 158.97 ลิตร)
Stewart Glickman นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า นี้ยังไม่ถึงจุดต่ำสุดของราคาน้ำมันดิบ ณ ตอนนี้ แต่ราคาจะล่วงลงกว่านี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน หากยังมีการล๊อคดาวน์อยู่
ข้อมูลจาก Rystad Energy ระบุว่า หากการซื้อขายน้ำมันดิบยังคงอยู่ที่ระดับ 20 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จะทำให้ผู้ผลิตและขุดเจาะน้ำมันกว่า 533 แห่งในสหรัฐอเมริกา ถึงขั้น ล้มละลาย ภายในปี 2021 แต่หากราคาถึง 10 $/ บาร์เรล จะทำให้ตัวเลขเพิ่ม 1,100 แห่ง
ปรากฏการณ์นี้อาจไม่ส่งต่อ ภูมิภาคอื่น ๆ เอเซีย ประเทศไทย ในรูปธรรม ณ ตอนนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2020 ทางโอเปค ออกมาประกาศให้ทั่วโลกลดกำลังการผลิตน้ำมันถึง 10% และถือเป็นครั้งแรกที่ลดการผลิตขนาดนี้นับตั้งแต่อุสาหกรรมเฟื้องฟู
ราคาน้ำมันที่ถูกลง เพราะความต้องการที่ลดลง และหากสถานการณ์เป็นแบบนี้ เรื่อยๆ เราคงได้เห็นการล้มสลายของธุรกิจผลิตน้ำมันอย่างแน่นอน นี้จะไม่ใช่เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
แม้ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า กำลังเปิดตัวหลายค่าย และเริ่มได้รับความนิยม แต่มันยากมากที่จะมาแทนน้ำมันในเร็วๆนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เรามองเห็น ณ ขณะนี้คือ น้ำมัน อาจไม่ใช่พลังงานหลักของมนุษย์อีกต่อไป เมื่อไฟฟ้ากำลังจะเริ่มมีบทบาท เหมือนในยุคการใช้น้ำมันแรกๆ ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน