VOLVO ขายรถยนต์ทั่วโลก 380,800 คันครึ่งปี 64 โตกว่า 41%
วอลโว่ คาร์ส ได้เปิดเผยรายงานทางการเงินช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ตามรายงานทางการเงิน ยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 105.275 พันล้านหยวน หรือประมาณ 536,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปี
กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ 9.878 พันล้านหยวน หรือประมาณ 50,000 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
โดยขาดทุน ประมาณ 738 ล้านหยวน หรือประมาณ 3,761 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก ของวอลโว่อยู่ที่ 380,800 คัน เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยอดขายรถยนต์ในตลาดจีนอยู่ที่ประมาณ 95,300 คัน เพิ่มขึ้น 44.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยอดขายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณ 63,800 เพิ่มขึ้น 47.4% ยอดขายในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 166,800 เพิ่มขึ้น 35.4 %.
ยอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน ได้แตะระดับสูงสุดครึ่งปีแรกในประวัติศาสตร์ 94 ปีของ Volvo แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางการขาดแคลนชิปในช่วงครึ่งปี 64 ส่งผลให้การผลิตรถยนต์ทั่วโลกตกต่ำ
Volvo มีเป้าหมายยอดขายทั่วโลกภายในปี 2564 กว่า 800,000 คัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขาดแคลนชิปทั่วโลก ตัวเลขดังกล่าวอาจจะไปไม่ถึง
Ye Shengji หัวหน้าวิศวกรและรองเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน คาดการณ์ว่าอุปทานชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์จะกลับมาเป็นปกติภายในกลางปี 2565
แต่ตามแผนของวอลโว่ ภายในปี 2568 เป้าหมายของบริษัทคือการเพิ่มระดับการขายเป็น 1.2 ล้านคัน และ ยอดขายครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของทั้งหมด จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่งาน “Volvo Car Technology Day” ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน วอลโว่ได้แสดงให้โลกเห็นถึงวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นบริษัท รถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2573 และ ก้าวเป็นผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม Volvo Cars ประกาศว่าบริษัทได้ลงนามในข้อตกลงกับบริษัทแม่ Geely Holding Group เพื่อเข้าซื้อหุ้น 50% ของ Geely ใน Daqing Volvo Car Manufacturing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในจีน และ Shanghai Volvo Car R&D Co., Ltd. การดำเนินการนี้จะรวมการผลิต การวิจัยและพัฒนา และการขายของ Volvo Cars ในประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ