Advertisement

Advertisement

14 แบรนด์ภายใต้ Stellantis ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในยุโรป ภายในปี 2026

14 แบรนด์ภายใต้ Stellantis ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในยุโรป ภายในปี 2026
Spread the love

Advertisement

Advertisement

Stellantis ประกาศความมุ่งมั้นที่จะผลิต และ จำหน่ายเฉพาะรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเฉพาะในยุโรปตั้งแต่ปี 2026 บริษัทยังวางแผนเพื่อลดคาร์บอนลง 50% ภายในสิ้นทศวรรษนี้ และ 100% ภายในปี 2038

Carlos Tavares ซีอีโอของ Stellantis อธิบายว่า เรากำลังขยายวิสัยทัศน์ และ ทลายข้อจำกัด เปิดรับแนวคิดใหม่ เพื่อพยายามเปลี่ยนแปลงในทุกมุมมอง เพื่อครอบครัว ชุมชน และ สังคมที่ดำเนินอยู่

Stellantis ในฐานะเป็นผู้นำกลุ่มรถยนต์ที่ใหญ่อันดับโลก กำลังกำหนดยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า BEV 100% ในยุโรป และ 50% ในสหรัฐอเมริกา ภายในสิ้นทศวรรษนี้

14 แบรนด์รถยนต์ ภายใต้ Stellantis จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า BEV กว่า 75 รุ่น (อีก 25 รุ่นเป็น ปลั๊กอินไฮบริด , ไฮบริด) เป้าหมายยอดขายกว่า 5 ล้านคัน ภายในปี 2030

สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา Stellantis กำลังวางแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 25 รุ่นภายในปี 2028 หนึ่งในนั้นคือ RAM EV กระบะไฟฟ้า คาดเปิดตัว ปี 2024

นอกจากกระบะไฟฟ้า ยังมีการเปิดตัวในกลุ่ม ‘Pure Off-Road UV’ และ SUV ซึ่งครอบคลุมแบรนด์ Jeep รวมทั้ง ‘Performance Muscle Car’ Dodge EV และป้าย Chrysler EV ในสไตล์ครอบครัวในปี 2025

4 แพลตฟอร์มแบตเตอรี่ไฟฟ้า ของ Stellantis เรียกว่า STLA Small, STLA Medium, STLA Large และ STLA Frame แพลตฟอร์มได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในแง่ของความยาว และ ความกว้าง รวมทั้งรองรับการติดตั้งขุมพลังที่หลากหลายทั้งไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด

  • แพลตฟอร์ม STLA Small รองรับการวิ่ง 482 กม./ชาร์จ ออกแบบสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก
  • แพลตฟอร์ม STLA Medium รองรับการวิ่ง 708 กม./ชาร์จ แทนที่แพลตฟอร์ม EMP2 ของ Stellantis ออกแบบสำหรับรถยนต์ขนาดกะทัดรัดและขนาดกลาง S
  • แพลตฟอร์ม TLA Large รองรับการวิ่ง 804 กม./ชาร์จ ออกแบบสำหรับรถยนต์ขนาดกลางและขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม
  • แพลตฟอร์มสุดท้ายอย่าง STLA Frame รองรับการวิ่ง 804 กม./ชาร์จ ออกแบบสำหรับรถยนต์กระบะ SUV ขนาดใหญ่ รถตู้เชิงพาณิชย์

Stellantis มีโรงงานแบตเตอรี่ของตัวเอง 5 แห่งกระจายอยู่ทั่วยุโรป และ อเมริกาเหนือ รวมถึงซัพพลายเออร์ภายนอก บริษัทคาดว่าต้นทุนของแบตเตอรี่จะลดลงมากกว่า 40% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังคาดว่า EVs จะมีต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวมที่ใกล้เคียงกันสำหรับรถยนต์สันดาปภายในภายในปี 2026

Source: Stellantis

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้