TESLA เตรียมตั้ง ออฟฟิศในไทย พร้อมนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งคัน ดันราคาลง เพิ่ม Supercharger
ยืนยันชัดเจนว่า Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐอเมริกา เตรียมสร้างออฟฟิตในประเทศไทย รายงานดังกล่าวมาจาก การจดทะเบียน บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ในเอกสารของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ ตั้งแต่ 25 เมษายน 2022 ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท วัตถุประสงค์ชัดเจนมาก เพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ที่เกี่ยวข้องกับเทสล่าประเทศไทย ได้แก่ คุณเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ / David Jon Feinstein คุณไวภา ตเนชา / Vaibhav Taneja คุณยารอน ไคลน์ / Ron Klein
แต่ตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจาก Tesla ว่าจะตั้งบริษัทแน่ชัดหรือไม่ หรือ ตั้งออฟฟิศตอนไหน แต่คาดว่าคงต้องใช้เวลา 1-2 ปี ในการดำเนินการ สำหรับรุ่น หรือราคายังคงเป็นปริศนา
ปัจจุบัน เทสล่าในไทย นำเข้า Grey Market ทั้งอังกฤษ และในจีน สำหรับเทสล่าในไทยด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 3 ล้านบาท มีโอกาศนำเข้าโดยตรงจากโรงงาน Tesla Giga Shanghai หากเป็นเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่ภาษีนำเข้าจะลดลงเหลือ 0% จากข้อตกลงการค้ และ ทำให้เทสล่ามีราคาถูกกว่าปัจจุบัน
การทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ผ่านการนำเข้าทั้งคัน (Completely Built Up: CBU) มาจำหน่ายในไทยของเทสล่า ลักษณะคล้ายๆ VOLVO ที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาขายในไทย ซึ่งมีราคาจำหน่าย 2 ล้านบาทขึ้นไป
เทสลา ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ Tesla Supercharger เครื่องชาร์จกระแสตรง 480V มีกำลังจ่ายไฟ 72kW , 150 kW , 250 kW
ปัจจุบันหากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาททั้งคัน จะลดภาษี 40% และราคาขายปลีก 2-7 ล้านบาท มีแบตเตอรี่ 30kWh ขึ้นไป ลดภาษี 20%
มาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศกำหนด 3 รูปแบบได้แก่
- การส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าชนิดใช้แบตเตอรี่หรือ BEV ภายในประเทศ
- การส่งเสริมการผลิต BEV เพื่อชดเชยการนำเข้า
- การผลิตและการใช้ชิ้นส่วน BEV สำคัญภายในประเทศ
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ต้องผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าในปี 2565-2566 โดยสามารถผลิตรถรุ่นใดก็ได้
- ลดอากรนำเข้าสูงสุด 40 % ระหว่าง 2565 – 2566
- ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ระหว่าง 2565 – 2568
- เงินหนุนระหว่างปี 2565 – 2568
- แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 70,000 บาท
- แบตเตอรี่สูงกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 150,000 บาท
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท
- ลดอากรนำเข้าสูงสุด 20 % ระหว่าง 2565 – 2566
- ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ระหว่าง 2565 – 2568
ต้องเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศ, ผลิตรถยนต์ชดเชยในปี 2567 เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ในปี 2565-2566 หากจำเป็นต้องขยายเวลา การผลิตชดเชยได้ถึง 2568 และจะต้องผลิตในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.5 เท่า (นำเข้า 1 คัน ผลิต 1.5 คัน)