สหภาพยุโรป บรรลุข้อตกลง ห้ามขายเบนซิน และ ดีเซล ตั้งแต่ปี 2035
วันที่ 28 ตุลาคม 2022 สหภาพยุโรป ตกลงอย่างเป็นทางการในการห้ามขายรถยนต์สันดาป เบนซิน และ ดีเซล ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป ภายใต้ความร่วมข้อตกลงจากสถาบันหลักสามแห่งของสหภาพยุโรป
สถาบันหลักสามแห่งของสหภาพยุโรป ได้แก่ ฝ่ายบริหาร รัฐสภา และรัฐสมาชิกทั้งหมด ได้ตกลงในแผนการห้ามการขายรถยนต์สันดาป ICE ใหม่ตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป โดยอนุญาติให้ขายได้เพียงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์เท่านั้น เงื่อนไขดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธิ์ ” FIT FOR 55″
- Fit for 55 มีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยมลพิษที่ทำลายสภาพภูมิอากาศลง 55% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับระดับ 1990 และบรรลุความเป็นกลาง หรือ 100% ของสภาพอากาศภายในปี 2035
ดูเหมือนว่านี้จะเป็นตัวเร่ง ให้ยุโรปปรับตัวอย่างหนัก (ปัจจุบันกำลังปรับตัวอย่างหนักเช่นกัน) เพื่อทำให้เครื่องยนต์สันดาปหายไปโดยมีกรอบเวลา 12 ปี ถึงปี 2035
มีข้อยกเว้นบางประการเนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์เฉพาะกลุ่มที่ผลิตรถยนต์ 1,000 ถึง 10,000 คันต่อปี จะได้ยกเว้นอีกหนึ่งปี ถึงปี 2036 และ แบรนด์พิเศษ ที่ผลิตรถยนต์น้อยกว่า 1,000 คันต่อปี จะได้รับการยกเว้น
ก่อนที่จะก้าวไปสู่การปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป ต้องพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปให้สะอาดมากขึ้น ด้วยการเสริมไฮบริด หรือ ปลั๊กอินไฮบริดเข้าไป ภายในสิ้นทศวรรษนี้ หรือไม่ก็ผลิตไฟฟ้า BEV 100%
แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงเฉพาะในประเทศในสหภาพยุโรป แต่การตัดสินใจห้ามการขายรถยนต์ ICE ใหม่ ภายในปี 2035 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า จะมีผลต่อการขายรถยนต์ทั่วโลกของแบรนด์ยุโรปชั้นนำ
ปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์มากมายกำลังอำลา เครื่องยนต์สันดาปอย่าง Jaguar จะยกเลิกขาย ICE ขายในปี 2025 ในขณะที่แบรนด์เครือ Stellantis ทั้งหมด (Alfa Romeo, Peugeot, Citroën, Jeep ฯลฯ) จะเปิดตัว EV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนภายใน 7 ปี รวมทั้ง Ford, Volvo, Bentley และ Rolls-Royce , MINI ก็ไปใช้ไฟฟ้าเช่นกัน VW ประกาศเมื่อเร็วๆนี้ว่า จะผลิตเพียงรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2033
สหภาพยุโรปมีทั้งหมด 27 ประเทศ แต่อีกหลายๆ ประเทศอาจเข้าร่วมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อย่างเช่น แอลเบเนีย มอลโดวา สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ มอนเตเนโกร เซอร์เบีย ตุรกี และยูเครน
ตามที่รายงานโดย Automotive News Europe ฟรานส์ ทิมเมอร์แมนส์ กรรมาธิการด้านนโยบายการดำเนินการด้านสภาพอากาศของสหภาพยุโรป (EU’s Commission for Climate Action Policy) กล่าวว่า “ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาจับต้องได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้าสู่ตลาด ความเร็วที่การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นน่าทึ่งมาก”
Oliver Zipse ประธาน ACEA และ CEO ของ BWM กล่าวว่า “เราตอบรับเงื่อนไขดังกล่าว เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นนโยบายของสหภาพยุโรป ที่จะใช้พลังงานหมุนเวียน และ พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐฯ และ เอกชน”
ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต้องนำข้อบังคับนี้ไปใช้ในกฎหมายระดับประเทศ ไม่มีแผนห้ามขับรถเครื่องยนต์สันดาป แต่หวังว่าในอนาคตรถยนต์สันดาปจะแทนด้วยรถยนต์ไฟฟ้า
#FitFor55 | DEAL! We have just reached a provisional political agreement between the @EUCouncil and the @Europarl_EN on the CO2 emission standards for cars and vans
This is the first agreed proposal from the Fit for 55 package.#EU2022CZ
More ⬇️https://t.co/OrnHFUAKF4 pic.twitter.com/ncpeXTg1jY
— EU2022_CZ (@EU2022_CZ) October 27, 2022