Foxconn กำลังสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก เริ่ม 342,000 บาท ขายไทย และ อินเดีย
ไทเป 1 ส.ค. (สำนักข่าวรอยเตอร์) รายงาน บริษัทร่วมทุนของ Foxconn กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ ด้วยแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และ ประเทศอินเดีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา หัวหน้าผู้บริหารของหน่วยกล่าว
แพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้า EV ของบริษัทไต้หวัน Mobility in Harmony Consortium จะใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 3 ที่นั่งมีราคาต่ำกว่า 10,000 – 20,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 342,000 – 685,000 บาท แจ็ค เฉิง ซีอีโอของ MIH กล่าวกับรอยเตอร์ ในการสัมภาษณ์
- Mobility in Harmony Consortium เป็นแพลตฟอร์มการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของ Foxconn
Foxconn กำลังเจราจากับบริษัทต่างๆ เพื่อเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบคันเล็ก โดยจะจัดแสดงที่ญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม 2023 แจ็ค เฉิง ซีอีโอของ MIH กล่าว รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กของบริษัท จะสามารถแข่งขันในด้านราคาได้อย่างดี โดยเฉพาะในตลาดอินเดีย และ ไทย ที่จะเป็นฐานในการผลิตเช่นกัน
นอกจากนี้เขาคาดว่าอินเดียจะมีความสำคัญต่อการเติบโตในระยะยาวของ MIH “คุณสร้างตลาดที่มีศักยภาพได้…ในอินเดียหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณมีโอกาสจำนวนมากในขณะนี้” เฉิงกล่าว พร้อมเรียกอินเดียว่ามีศักยภาพในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ตั้งแต่ปี 2022 Foxconn ได้ร่วมทุนกับบริษัทพลังงานของรัฐอย่าง PTT ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นที่ EV สร้างโรงงานรถยนต์ไฟฟ้ภายในประเทศ
Foxconn ก่อตั้ง MIH consortium จากซัพพลายเออร์ 2,600 รายเมื่อสองปีที่แล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิดที่สามารถเทียบเท่ากับระบบปฏิบัติการ Android ของ Google สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
Cheng ยอมรับว่า MIH “ยังไม่ประสบความสำเร็จ” แต่กล่าวว่าผลตอบแทนสำหรับซัพพลายเออร์ที่เข้าร่วมจะมาพร้อมกับคำสั่งซื้อ EV ใหม่หลายรุ่นที่เรียกว่า Project X แนวคิดคือการใช้แพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันที่มีต้นทุนต่ำ
MIH วางแผนที่จะเริ่มผลิต EV แบบ 3 ที่นั่งประมาณ 18 ถึง 24 เดือนหลังจากเปิดตัวต้นแบบในเดือนตุลาคม Cheng กล่าว EV 6 ที่นั่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2024 และรุ่น 9 ที่นั่งในปี 2025
ภายใต้สถาปัตยกรรม MIH Open Platform แพลตฟอร์มแยกส่วน สามารถปรับใช้กับแชสซีส์ของรถยนต์ไฟฟ้าได้หลากหลาย รวมทั้ง ใช้ในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์รูปแบบอื่นๆ
จุดเด่นของแพลตฟอร์ม MIH EV Open Platform
- มอเตอร์ขนาด 95 kW, 150 kW และ 200 kW สำหรับเพลาหน้า และ 150 kW, 200 kW, 240 kW และ 340 kW สำหรับเพลาหลัง
- ฐานล้อปรับขนาดความยาวระหว่าง 2.75 – 3.10 เมตรได้ แทร็คที่ปรับความกว้างจาก 1.59 เมตร ถึง 1.70 เมตร ส่วนความสูงถึงใต้้ท้องรถ ปรับได้ที่ 12.6 เซนติเมตร ถึง 21.1 เซนติเมตร
- สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้หลากหลายทั้ง ล้อหน้า / ล้อหลัง / สี่ล้อ
- รองรับแบตเตอรี่ที่หลากหลายรวมทั้ง Solid State
- ตัวถังใช้ระบบ mega cast เพื่อให้มีการใช้ชิ้นส่วนน้อยที่สุด
- รองรับ 5G และ 6G ในอนาคต พร้อมระบบซอฟต์แวร์อัพเดทแบบ OTA และระบบเชื่อมต่อแบบ V2X (vehicle-to-anything)