เปิดราคา 2.58 ล้านบาทใน UAE NISSAN PATROL Y63 SUV 3 แถว 7 ที่นั่ง V6 3.5 เทอร์โบคู่ 425 แรงม้
วันที่ 3 กันยายน 2024 Nissan Patrol รุ่นใหม่ ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มาพร้อมเครื่องยนต์ V6 สองเครื่อง ได้แก่ เครื่องยนต์ 3.8 ลิตรแบบดูดอากาศตามธรรมชาติและเครื่องยนต์ 3.5 ลิตรเทอร์โบคู่ พร้อมการออกแบบใหม่ทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร
- มาโกโตะ อูชิดะ ประธานและซีอีโอของ Nissan Motor Co., Ltd. ได้เปิดตัวรถรุ่นเจนเนอเรชั่นที่ 7 ในงานพิเศษที่จัดขึ้นที่กรุงอาบูดาบี โดยมีราชวงศ์ บุคคลสำคัญ ผู้บริหารระดับสูงของ Nissan ทั่วโลก ตัวแทนจำหน่าย พันธมิตร สื่อมวลชน ลูกค้า และพนักงานเข้าร่วมงาน
- Patrol ใหม่ใช้ระบบส่งกำลังร่วมกับ Infiniti QX80
รุ่น 3.8L V6
- XE AED 239,900 หรือประมาณ 2.11 ล้านบาท
- SE T2 AED 258,900 หรือประมาณ 2.28 ล้านบาท
- SE TITANIUM AED 289,900 หรือประมาณ 2.55 ล้านบาท
- SE PLATINUM CITY AED 317,900 หรือประมาณ 2.80 ล้านบาท
3.5L V6 Twin Turbo
- LE-T1 AED 292,900 หรือประมาณ 2.58 ล้านบาท
- LE-T2 AED 314,900 หรือประมาณ 2.77 ล้านบาท
- LE TITANIUM AED 339,900 หรือประมาณ 3.00 ล้านบาท
- LE PLATINUM CITY AED 379,900 หรือประมาณ 3.35 ล้านบาท
Nissan เลือกตะวันออกกลางเป็นสถานที่เปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Patrol โดยรถรุ่นนี้ใช้แพลตฟอร์มใหม่เอี่ยมที่มีความยาวเพิ่มขึ้น 35 มม. (5,205 มม.) ความกว้างเพิ่มขึ้น 35 มม. (2,030 มม.) และระยะฐานล้อ 3,075 มม. เท่ากับรุ่นก่อนหน้า
สำหรับเครื่องยนต์ได้แก่
- เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.8 ลิตรแบบดูดอากาศเข้าตามธรรมชาติให้กำลัง 316 แรงม้า แรงบิด 386 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
- เครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลัง 425 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลา
- ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากเครื่องยนต์ V8 ของ Patrol รุ่นเดิม โดยให้กำลังเพิ่มขึ้น 7% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 25% พร้อมด้วยประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น
- ระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิกเหมือนเดิม แต่ได้เพิ่มฟังก์ชันควบคุมเลนแบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งคล้ายกับฟังก์ชันที่พบใน LandCruiser รุ่น 300 ซีรีส์
- มีระบบล็อคเฟืองท้าย ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเต็มเวลา และสามารถสลับไปใช้ระบบ 4H และ 4L ได้
- ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี e-damper ที่ปรับการตั้งค่าโช้คอัพอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ควบคุมได้และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
- มีให้เลือกโหมดขับขี่ ได้แก่ Rock, Sand, Mud, Standard, Eco และ Sport
ระบบระบายความร้อนได้รับการพัฒนาขึ้นมากเนื่องจากมีการนำพัดลมระบายความร้อนแบบสายพานออก และตอนนี้ Patrol เลือกใช้พัดลมไฟฟ้าคู่หนึ่งและระบบระบายความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในผลิตภัณฑ์ของ Nissan จนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่น่าสนใจ NISSAN PATROL Y63 SUV 3 แถว 7 ที่นั่ง
- เปิดตัวในอาบูดาบี วันที่ 3 กันยายน 2024
- เวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาจะเปิดขายในออสเตรเลียปลายปี 2026 และส่งมอบภายในปี 2027
- ออสเตรเลียจะเป็นตลาดรถพวงมาลัยขวาแห่งแรกของ Patrol ทั่วโลก
- ออสเตรเลียจะได้รับเครื่องยนต์เบนซิน V6 เทอร์โบคู่ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลัง 425 แรงม้า และแรงบิด 700 นิวตันเมตร
- ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
- ระบบกันสะเทือนถุงลมเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพร้อมความสูงขณะขับขี่ที่ปรับได้สูงสุดถึง 70 มม.
- ระบบควบคุมสภาพอากาศแบบไบโอเมตริกซ์รุ่นแรกที่จะเปิดตัวใน Patrol
- ภายในมีจอแสดงผลขนาด 14.3 นิ้วสองจอ รวมกันเป็นจอแสดงผลขนาด 28.6 นิ้วที่ไร้รอยต่อ
- มวลเพิ่มขึ้น แต่ GVM ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่ามีน้ำหนักบรรทุกลดลง
- ความลึกในการลุยน้ำ 700 มม.
การออกแบบภายนอก
- Nissan Patrol รุ่นใหม่ล่าสุดมีรูปลักษณ์ที่สวยหรูและโดดเด่น ซึ่งทำให้รถดูโดดเด่นสะดุดตาและสะท้อนถึงมรดกของแบรนด์ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวล้ำ การออกแบบภายนอกของ Nissan Patrol รุ่นใหม่ล่าสุดช่วยเสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกดูโดดเด่นยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่ “แข็งแกร่ง” ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง
- รูปลักษณ์ภายนอกของ Patrol รุ่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความทนทานในทุกแง่มุม กระจังหน้าแบบ V-motion อันเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan โดดเด่นด้วยความกว้างและผสานเข้ากับตัวรถได้ดีขึ้น ไฟหน้าทรง C-Shape ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่พร้อมเทคโนโลยี Adaptive Driving Beam (ADB) เพื่อให้มีทัศนวิสัยที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังมีส่วนท้ายของ Patrol ที่สะท้อนถึงกระจังหน้าด้วยแถบไฟเต็มความกว้าง
- ท่าทางที่น่าเกรงขามของ Patrol ได้รับการเน้นด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 22 นิ้ว ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังให้ระยะห่างจากพื้นที่สูงเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือชั้นอีกด้วย
- ในส่วนของสีนั้นจะมีให้เลือกถึง 7 สี รวมถึง Forest Green ซึ่งเป็นสีหลักใหม่ นอกจากนั้นยังมีสี Pearl White, Mineral Black, Grey, Grand Blue และ Silver metalic เพิ่มตัวเลือกสีทูโทนสดใส 4 สี
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
- ภายในห้องโดยสารมาพร้อมการออกแบบพรีเมียมมากขึ้น ให้เทียบชั้นกับ SUV ระดับพรีเมียมอย่าง Range Rover
- ระบบอินโฟเทนเมนต์ขั้นสูงที่มาพร้อมจอแสดงผลแบบ Monolith แนวนอนขนาด 28.6 นิ้วที่โดดเด่น มาพร้อมจอแสดงผลคู่ขนาด 14.3 นิ้วที่ให้มุมมองที่ครอบคลุมของระบบนำทาง ความบันเทิง และข้อมูลรถยนต์ ผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังยังได้รับความสะดวกสบายด้วยหน้าจอคู่ขนาด 12.8 นิ้วเสริมที่รองรับความบันเทิงขณะเดินทางผ่าน Miracast, HDMI หรืออินพุต USB
- ระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่มีฟีเจอร์ต่างๆ ของ Google มากมาย รวมถึง Google Maps (ซึ่งสามารถแสดงล่วงหน้าคนขับได้) และ Google Assistant ที่รองรับการจดจำเสียงบนคลาวด์สำหรับการตีความคำพูด
- ระบบเสียง Klipsch Premium Audio 12 ตำแหน่ง
- เทคโนโลยี DynamicAudioReveal™ ช่วยให้เสียงมีความชัดเจนและความลึกที่สม่ำเสมอโดยปรับสมดุลเสียงตามสภาพแวดล้อม ขณะที่ DJX® 3D Surround ช่วยให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์เสียงที่เต็มอิ่มเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต
- เบาะนั่งบางรุ่นมีฟังก์ชันนวดและปรับ 8 ทิศทาง ซึ่งให้ความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างเบาะนั่งและการรองรับตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อมอบความสบายที่เหนือชั้น
- เทคโนโลยี Biometric Cooling เมื่อเปิดใช้งาน เซ็นเซอร์อินฟราเรดในตัวจะตรวจจับอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารที่นั่งด้านหน้าและผู้โดยสารแถวที่สอง และปรับการตั้งค่าการไหลเวียนของอากาศโดยอัตโนมัติเพื่อมอบประสบการณ์การทำความเย็นที่เป็นธรรมชาติ
- ห้องโดยสารที่กว้างขวางเป็นพิเศษ โดยเฉพาะแถวที่ 2 และ 3 ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มใหญ่ เบาะนั่ง EZ flex ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ช่วยให้เข้าถึงเบาะแถวที่ 3 ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถอดเบาะนั่งเด็กออก ขณะที่ฟังก์ชันพับและคืนตัวเบาะแถวที่ 3 ด้วยไฟฟ้าช่วยให้จัดเก็บของได้อย่างยืดหยุ่นด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ Monolith เพื่อให้ปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลายได้อย่างลงตัว
- เพิ่มแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบแพดเดิลชิฟต์ รวมถึงกล้องใหม่จำนวนมากเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย ระบบเตือนการจราจรข้ามเลนด้านหน้าและด้านหลังจับคู่กับกล้องที่ติดตั้งไว้ด้านหน้าซึ่งสามารถมองเห็นได้ 170 องศาจากด้านหน้ารถเพื่อมองผ่านสี่แยก
- ระบบไฟส่องสว่างรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี พร้อมภาพพื้นหลังที่ปรับแต่งได้เพื่อให้เข้ากับทุกอารมณ์ ช่วยเสริมบรรยากาศในห้องโดยสารให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
- มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น NissanConnect 2.0 ขับเคลื่อนด้วย Google Built-in, ProPILOT Assist
เทคโนโลยี ProPILOT ของ Nissan เปิดตัวครั้งแรกในระดับภูมิภาคใน All-New Nissan Patrol โดยรองรับผู้ขับขี่ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบนี้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลการนำทางเพื่อปรับความเร็วของรถให้เหมาะกับทางโค้งและทางแยกต่างระดับ
ระบบ Patrol จะเปลี่ยนการรับรู้สถานการณ์ด้วย Panorama View ที่มีเทคโนโลยี ‘Ultra-Wide View’ และ ‘Invisible Hood View’ พร้อมเทคโนโลยี Invisible-to-Visible ที่ฉายภาพแบบเรียลไทม์ของสิ่งกีดขวางและสัญญาณนำทางบนจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิง Ultra-Wide View ขยายขอบเขตการมองเห็นเป็น 170 องศา ขณะที่ Invisible Hood ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ช่วยให้มองเห็นพื้นที่ใต้ตัวรถได้อย่างชัดเจน เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นทั้งบนถนนออฟโรดและในพื้นที่แคบ
นอกจากนี้ Patrol ยังติดตั้งระบบ 3D Around View Monitor ที่ให้มุมมอง 360 องศาของสภาพแวดล้อมรอบตัวรถอย่างครอบคลุม ช่วยเพิ่มการรับรู้ของผู้ขับขี่อีกด้วย ฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่เพิ่มเติม ได้แก่ กระจกมองหลังอัจฉริยะและระบบ Rear Zoom View ที่ช่วยให้มองเห็นด้านหลังได้ดีขึ้น รวมถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหลัง ซึ่งแจ้งเตือนผู้ขับขี่ถึงการชนที่อาจเกิดขึ้น และเบรกเมื่อจำเป็นเพื่อลดแรงกระแทก
ความปลอดภัยรอบด้านยังมั่นใจได้ด้วยแพ็คเกจความปลอดภัยที่ครอบคลุมพร้อมถุงลมนิรภัย 7 ใบ และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่
Nissan Patrol รุ่นใหม่ล่าสุดสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยเครื่องยนต์อันทรงพลัง เทคโนโลยีขั้นสูง และความสะดวกสบายอันหรูหรา ออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่เหนือชั้นและประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Nissan ในการสร้างความเป็นเลิศและนวัตกรรม
มาโกโตะ อุชิดะ กล่าวว่า “Patrol รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมของรถรุ่นที่น่าตื่นเต้นและทรงพลังที่เราส่งมอบภายใต้แผนธุรกิจระดับโลกของเรา ซึ่งก็คือ The Arc เจเนอเรชันที่ 7 ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ที่ผสมผสานประสิทธิภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ เทคโนโลยีล้ำสมัย และความโดดเด่นอันโดดเด่น เพื่อกำหนดนิยามใหม่ให้กับ SUV ด้วยประวัติอันยาวนานกว่า 70 ปี Patrol จึงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของวัตถุประสงค์ขององค์กรในการ ‘ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน’”
ที่มา : นิสสัน