ทดสอบวิ่ง KIA Sportage Facelift MY2025 เน้นปรับปรุงการออกแบบ * ภาพในจินตนาการ
ล่าสุดมีการทดสอบวิ่ง KIA Sportage Facelift ในต่างประเทศ คือรุ่นปรับปรุงใหม่ MY2025 ด้วยการพรางตัวทั้งคัน และ ต้องขอขอบคุณภาพจาก Kolesa นักออกแบบชื่อดังที่ได้แกะการออกแบบบางส่วนให้เห็น ต้องยอมรับว่าเจ้านี้มีความแม่นยำสูงในการแกะการออกแบบของรถทดสอบวิ่ง
- ตามข้อมูลเบื้องต้นการเปิดตัว Sportage ที่อัปเดตอาจเกิดขึ้นในต้นปี 2025
- สำหรับเครื่องยนต์จะหลากหลายมากขึ้นอยู่ตามตลาด แน่นอนยังไม่เปลี่ยนอะไรมากมาย ยกเว้นการออกแบบ
Sportage ในปัจจุบันมี “หน้าตา” ดั้งเดิมที่ไม่ทับซ้อนกับรุ่นอื่นของบริษัท เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายสายลับล่าสุด SUV ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จะได้รับส่วนหน้าใหม่ทั้งหมดซึ่งจะเข้ากับสไตล์ปัจจุบันของแบรนด์ในระดับที่มากขึ้น ที่นี่คุ้นเคยจากผลิตภัณฑ์ของ KIA มาพร้อมไฟหน้าขนาดใหญ่แถบ LED แนวตั้งขยายที่ด้านล่าง เป็นไปได้มากว่าจะมีแถบ LED อยู่ที่ขอบฝากระโปรงซึ่งเป็นส่วนเดียวของส่วนหน้าซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับสไตล์ใหม่ ครอสโอเวอร์จะได้รับกระจังหน้าใหม่การออกแบบเชิงมุมมากขึ้น
ที่ด้านหลัง การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจที่สุดคือกราฟิกหลอดไฟ ซึ่งตอนนี้จะค่อนข้างซับซ้อนและเป็นเหลี่ยมมากขึ้น กันชนหลังจะได้รับการปรับปรุงเนื่องจากมีการตกแต่งสีเงินในรูปทรงที่แตกต่างกันและการจัดเรียงตัวสะท้อนแสงที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ Sportage ยังได้รับการออกแบบล้อสี่ก้านใหม่
ขนาดตัวถัง KIA Sportage HEV
- ความยาว: 4,660 มม.
- ความกว้าง: 1,865 มม.
- ความสูง: 1,680 มม.
- ฐานล้อ: 2,755 มม.
- ระยะต่ำสุดจากพื้น: 170 มม.
KIA Sportage เป็นอีกรุ่นที่มีขุมพลังหลากหลายได้แก่
- รุ่น ปลั๊กอินไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ T-GDI 1.6 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมชุดแบตเตอรี่ขนาด 13.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลัง 261แรงม้า (HP) แรงบิตสูงสุด 349 นิวตัน-เมตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีต สามารถวิ่งโหมดไฟฟ้าล้วน 69 กม. โดยปล่อย CO2 เพียง 25 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
- เครื่องยนต์เบนซินนไดเร็กอินเจคชั่นเทอร์โบ GDI ขนาด 1.6 ลิตร 1,598 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว ไฮบริด
- ให้กำลัง 177 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 264 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500 – 4,500 รอบต่อนาที
- มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
- ให้กำลัง 59.3 แรงม้า ที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 264 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,100 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์ + มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 227 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร
- ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีต
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.49kWh แรงดันไฟฟ้า 270V น้ำหนัก 37.5 กก.
- อัตราประหยัดน้ำมัน 20.4 กม./ลิตร
- เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0T 4 สูบ ให้กำลัง 234 แรงม้า แรงบิต 353 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8AT ระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
- เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด TMED 2.0L ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีต ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ 4 โหมดการขับขี่ Eco, Sport, Comfort , DMS
เทคโนโลยีการขับขี่และความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) ประกอบไปด้วย
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า หรือ Forward Collision-Avoidance Assist (FCA)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ หรือ Lane Keeping Assist (LKA)
- มอนิเตอร์ระบบตวรจจับจุดอับสายตาแบบใหม่ แจ้งเตือน และ แสดงภาพ BVM (Blind Spot View Monitor)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือ Smart Cruise Control (SCC).
- ใช้ความสามารถของเซนเซอร์และข้อมูลจากแผนที่ช่วยขับแบบอัตโนมัติบนไฮเวย์ Highway Driving Assistance (HDA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันทำงานร่วมกับระบบนำทาง Smart Cruise Control (NSCC)
นอกจากนี้ยังติดตั้ง ระบบช่วยเหลือในการจอดรถ Parking Assist ซึ่งติดตั้ง
- ระบบถอยจอดรถอัตโนมัติด้วยกุญแจรีโมท RSPA (Remote Smart Parking Assist)
- 12 เซ็นเซอร์ Ultrasonic และ กล้องรอบคันUltrasonic Surround View Monitor (SVM)
- ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะถอยรถ หรือ Rear Cross-Traffic Collision-Avoidance Assist (RCCA)
- ระบบเตือนคนขับหากตรวจพบความเสี่ยง ขณะถอยหลัง แสดงผลผ่านมอนิเตอร์ หากไม่ปลอดภัย รถจะหยุดอัตโนมัติ PCA (Parking Collision-Avoidance Assist)
