All-NEW TOYOTA COROLLA รุ่นที่ 13 ใหม่ เตรียมเปิดตัวอีกไม่นาน * ภาพในจินตนาการ

All-NEW TOYOTA COROLLA รุ่นที่ 13 ใหม่ เตรียมเปิดตัวอีกไม่นาน * ภาพในจินตนาการ
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

ความเป็นมาของ Toyota Corolla เจเนอเรชันที่ 12

เมื่อ Toyota Corolla ‘E210’ เจเนอเรชันที่ 12 เปิดตัวในปี 2018 มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแบรนด์ ทั้งการออกแบบที่สปอร์ตและทันสมัยที่สุดในรอบหลายปี รวมถึงการใช้แพลตฟอร์มใหม่ Toyota New Global Architecture (TNGA)

หลังจากเปิดตัวในออสเตรเลียช่วงปลายปี 2018 ก็มีการอัปเดตเล็ก ๆ น้อย ๆ ในปี 2022 และในปี 2024 Corolla ได้เปลี่ยนไปเป็น รถไฮบริดล้วน ทั้งหมด

ที่สำคัญ ยังมีการเปิดตัว GR Corolla ในปี 2022 และวางขายในปี 2023 ซึ่งเป็นการนำความสนุกกลับมาสู่ตระกูล Corolla โดยล่าสุดมีตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติสำหรับสายขับชิล ๆ ด้วย

เจาะลึก Toyota Corolla เจเนอเรชันที่ 13 ที่คาดว่าน่าจะเปิดตัวในปีนี้ 

ตัวถังและดีไซน์: มาในแบบไหนบ้าง?

  • คาดว่า Corolla ใหม่จะมีตัวถัง แฮทช์แบ็กและซีดาน เหมือนเดิม
  • ตัวถัง วากอน (Wagon) ยังคงมีจำหน่ายในยุโรปเป็นหลัก
  • ในออสเตรเลีย ไม่น่ามีวากอน เพราะสไตล์นี้ไม่เป็นที่นิยม
  • หากโรงงานในญี่ปุ่นผลิตตัวถังวากอนอีกครั้ง ก็อาจมีโอกาสได้เห็นในตลาดอื่น ๆ

การออกแบบ

ยังไม่มีภาพหลุดจากการทดสอบ แต่นักออกแบบดิจิทัล Theottle ได้สร้างภาพเรนเดอร์ของ Corolla รุ่นใหม่ โดยอ้างอิงจากดีไซน์ของ Camry และ RAV4 รุ่นใหม่

  • ด้านหน้า อาจเปลี่ยนไปใช้ไฟหน้าทรงตะขอแบบใหม่ หรือคงดีไซน์คล้ายรุ่นปัจจุบัน
  • ด้านหลัง ใช้แนวคิด “รีไซเคิลดีไซน์” โดยใช้โคมไฟท้ายรูปแบบเดิม แต่ปรับฝาท้ายให้ดูเรียบหรูขึ้น
  • ความแตกต่างของแฮทช์แบ็กและซีดาน อาจยังคงใช้หน้าตาที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Corolla มาหลายเจเนอเรชัน

GR Corolla ใหม่จะมาไหม?

  • ยังไม่มีการยืนยัน ว่าจะมีรุ่น GR ในเจเนอเรชันใหม่
  • หากมี คาดว่าจะมีการเพิ่มเทคโนโลยีไฮบริดเพื่อเพิ่มพลังและลดการปล่อยมลพิษ
  • ภาพเรนเดอร์ของ GR Corolla ใหม่ แสดงให้เห็นถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวขึ้น พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบรถแข่ง

แพลตฟอร์มและเทคโนโลยี

Toyota คาดว่าจะใช้ TNGA-C รุ่นอัปเกรด สำหรับ Corolla ใหม่ หรืออาจใช้ แพลตฟอร์ม E3 ซึ่งพัฒนาเพื่อรองรับไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด และ EV โดยเฉพาะ

แพลตฟอร์ม E3 ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับโรงงานในยุโรปเป็นหลัก แต่มีโอกาสสูงที่เทคโนโลยีจาก E3 จะถูกนำมาใช้ใน Corolla เวอร์ชันตลาดโลก

ขุมพลัง: ไฮบริดและ PHEV มาแน่ แต่ไม่มี EV?

ปัจจุบัน Corolla เจเนอเรชันที่ 12 ใช้เครื่องยนต์:

  • 2.0 ลิตร เบนซิน 125 kW หรือ 169 แรงม้า PS
  • 1.8 ลิตร ไฮบริด 103 kW หรือ 140 แรงม้า PS

สำหรับเจเนอเรชันที่ 13 คาดว่าจะใช้:

เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ใหม่ + มอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ Solid-State
รุ่นปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) คาดว่าจะมีระยะทางวิ่งที่ยาวขึ้น
ตัวเลขประหยัดน้ำมันอาจลดลงเหลือ 3.0 ลิตร/100 กม. (จากปัจจุบันที่ 3.9 ลิตร/100 กม.)
ไม่มีแผนสำหรับ EV ล้วน (BEV) ในตลาดโลก
✅ Toyota มีแผนทำ Corolla ไซส์ใกล้เคียงเป็น EV สำหรับตลาดจีน ในชื่อ bZ3 (พัฒนาโดย BYD)

อะไรที่เราคาดหวังได้จาก Toyota Corolla รุ่นใหม่?

  • ดีไซน์พัฒนาต่อยอดจากรุ่นปัจจุบัน
  • ขุมพลังไฮบริดแน่นอน อาจมีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
  • GR Corolla อาจจะมา แต่ยังไม่มีการยืนยัน
  • ไม่มีรุ่น EV ล้วนสำหรับตลาดโลก
  • แพลตฟอร์ม TNGA-C หรือ E3 ที่พัฒนาใหม่
  • ราคาขยับขึ้นอีกเล็กน้อย

Toyota Corolla เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีการผลิตอย่างต่อเนื่องและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 1966 และได้รับการพัฒนามาแล้ว 12 เจนเนอเรชั่น โดยแต่ละเจนเนอเรชั่นมีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะ

ลำดับเจนเนอเรชั่นของ Toyota Corolla

  1. เจนเนอเรชั่นที่ 1 (E10) – ปี 1966-1970
    • เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่น
    • เครื่องยนต์ 1.1L และ 1.2L
    • มีตัวถังซีดาน 2 ประตู, 4 ประตู และสเตชั่นแวกอน
  2. เจนเนอเรชั่นที่ 2 (E20, E30, E40, E50) – ปี 1970-1978
    • รูปทรงเหลี่ยมขึ้นและขยายขนาดใหญ่ขึ้น
    • มีตัวเลือกเครื่องยนต์ 1.2L, 1.4L และ 1.6L
    • เริ่มมีระบบเกียร์อัตโนมัติ
  3. เจนเนอเรชั่นที่ 3 (E30, E40, E50, E60) – ปี 1974-1981
    • ดีไซน์เหลี่ยมมากขึ้น
    • เพิ่มรุ่นสปอร์ต Liftback
    • ใช้ระบบกันสะเทือนแบบคอยล์สปริง
  4. เจนเนอเรชั่นที่ 4 (E70) – ปี 1979-1987
    • รูปทรงแอโรไดนามิกขึ้น
    • เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก RWD เป็น FWD
    • เพิ่มเครื่องยนต์ 1.3L และ 1.8L
  5. เจนเนอเรชั่นที่ 5 (E80) – ปี 1983-1987
    • Corolla AE86 (ตำนานรถดริฟต์)
    • เครื่องยนต์ 4A-GE 1.6L DOHC
    • ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (ยกเว้น AE86 ยังใช้ RWD)
  6. เจนเนอเรชั่นที่ 6 (E90) – ปี 1987-1992
    • การออกแบบโค้งมนขึ้น
    • ใช้เครื่องยนต์ EFI (หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์)
    • เริ่มมีระบบกันสะเทือนอิสระ
  7. เจนเนอเรชั่นที่ 7 (E100) – ปี 1991-1997
    • รูปลักษณ์โค้งมนขึ้นกว่าเดิม
    • เพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย
    • มีตัวเลือกขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)
  8. เจนเนอเรชั่นที่ 8 (E110) – ปี 1995-2002
    • การออกแบบเรียบง่าย ทนทาน
    • มีเครื่องยนต์ VVT-i เป็นครั้งแรก
    • เริ่มเน้นการลดการปล่อยมลพิษ
  9. เจนเนอเรชั่นที่ 9 (E120, E130) – ปี 2000-2008
    • ดีไซน์ทันสมัย เน้นความกว้างขวาง
    • เริ่มมีเครื่องยนต์ 1.8L Dual VVT-i
    • รุ่น Altis เปิดตัวในตลาดไทย
  10. เจนเนอเรชั่นที่ 10 (E140, E150) – ปี 2006-2013
  • มีความหรูหรามากขึ้น
  • ใช้เกียร์ CVT ครั้งแรก
  • เครื่องยนต์ 1.6L และ 1.8L
  1. เจนเนอเรชั่นที่ 11 (E170, E180) – ปี 2013-2019
  • ดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น
  • ใช้แพลตฟอร์ม TNGA
  • มีเครื่องยนต์ไฮบริด
  1. เจนเนอเรชั่นที่ 12 (E210) – ปี 2018-ปัจจุบัน
  • ดีไซน์ทันสมัย ใช้แพลตฟอร์ม TNGA
  • เครื่องยนต์ Dynamic Force 1.8L และ 2.0L
  • มีรุ่นไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

whiccar

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้