เปิดตัว TOYOTA C-HR+ ใหม่ในยุโรป พร้อมระยะวิ่ง 600 กม./ชาร์จ WLTP

เปิดตัว TOYOTA C-HR+ ใหม่ในยุโรป พร้อมระยะวิ่ง 600 กม./ชาร์จ WLTP
Spread the love

Advertisement

Advertisement

Toyota มาช้ากว่ายี่ห้ออื่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายุโรป แต่กำลังเร่งเครื่องไล่ตาม

แม้จะเข้าร่วมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปช้ากว่าคู่แข่ง แต่ Toyota กำลังพยายามเร่งให้ทันเวลา ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ นอกเหนือจาก bZ4X ที่ได้รับการอัปเดต และ Urban Cruiser รุ่นใหม่แล้ว บริษัทยังเปิดตัว C-HR+ อีกด้วย

แม้ชื่อและดีไซน์จะคล้ายกับ C-HR รุ่นปกติ แต่ Toyota ยืนยันว่า C-HR+ ไม่ใช่เพียงแค่เวอร์ชันไฟฟ้าของ C-HR ที่วางจำหน่ายในยุโรป ซึ่งมีเฉพาะขุมพลังไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดเท่านั้น แต่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างออกไป

แตกต่างจาก bZ Series และการเปลี่ยนแปลงด้านการตั้งชื่อ

แม้ชื่ออาจทำให้สับสนไปบ้าง แต่ Toyota เลือกที่จะไม่ใช้รหัส “bZ” (Beyond Zero) กับรุ่นนี้ เนื่องจากบริษัทได้ประกาศแล้วว่าจะเลิกใช้ชื่อซีรีส์นี้ และเปลี่ยนไปใช้ระบบการตั้งชื่อที่ลูกค้าคุ้นเคยมากขึ้น

มิติตัวถังใหญ่ขึ้น ให้พื้นที่กว้างขวางกว่าเดิม

C-HR+ มีความยาวตัวถัง 4,520 มม. (178 นิ้ว) ซึ่ง ยาวกว่ารุ่นปกติถึง 160 มม. (6.3 นิ้ว) และมีฐานล้อยาวขึ้นเป็น 2,750 มม. (108.2 นิ้ว) ซึ่งเพิ่มขึ้น 110 มม. (4.3 นิ้ว) ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น

ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระ C-HR+ ให้ความจุ 416 ลิตร (14.69 ลูกบาศก์ฟุต) ซึ่งมากกว่ารุ่นไฮบริดขนาด 1.8 ลิตรอยู่ 28 ลิตร (1 ลูกบาศก์ฟุต) และมากกว่ารุ่นไฮบริดขนาด 2.0 ลิตรอยู่ 52 ลิตร (1.83 ลูกบาศก์ฟุต) ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะมีพื้นที่เก็บของน้อยที่สุดเมื่อเทียบกัน

ดีไซน์ภายนอกที่แตกต่างจาก C-HR รุ่นปกติ

C-HR+ มีจุดสังเกตสำคัญที่ทำให้แตกต่างจาก C-HR รุ่นไฮบริด ได้แก่

  • มือจับประตูหลังแบบซ่อนไว้ที่เสา C (C-pillars)
  • มือจับประตูหน้าเป็นแบบธรรมดา (ไม่ใช่แบบ Pop-out)
  • ประตูหลังยาวขึ้น
  • ไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ใหม่
  • กันชนหน้า-หลังปรับปรุงใหม่
  • เส้นสายตัวถังที่มีแนว Beltline สูงขึ้น
  • กระจก Quarter Glass ขนาดเล็กที่เสา A (A-pillars)

ภายในทันสมัยขึ้น แต่ควบคุมแอร์ผ่านจอสัมผัส

ภายในของ C-HR+ มาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลแบบใหม่ที่ติดตั้งเหนือแผงคอนโซล พร้อมกับ หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม Toyota ได้รวมระบบควบคุมแอร์ไว้ในจอนี้ ซึ่งแตกต่างจากรุ่น C-HR ปกติที่ยังคงมีปุ่มกดแยกให้ใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น

  • แท่นชาร์จไร้สายคู่ (Dual Wireless Charging Pads)
  • ระบบควบคุมอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ
  • ชุดเกียร์ขนาดเล็กกว่าเดิม

ขุมพลังให้เลือกหลายแบบ พร้อมระบบขับเคลื่อน AWD

Toyota C-HR+ มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) และขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) โดยแบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ดังนี้

  • รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) แบตเตอรี่ 57.7 kWh
    • มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 165 แรงม้า (123 กิโลวัตต์)
  • รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) แบตเตอรี่ 77 kWh
    • มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 221 แรงม้า (165 กิโลวัตต์)
    • วิ่งได้ไกลสุด 600 กิโลเมตร (373 ไมล์) ตามมาตรฐาน WLTP
  • รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) แบตเตอรี่ 77 kWh
    • กำลังรวม 338 แรงม้า (252 กิโลวัตต์)
    • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.2 วินาที
    • เป็นรถยนต์ Toyota ที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป (ยกเว้น GR Supra)

การชาร์จไฟและความทนทานของแบตเตอรี่

Toyota C-HR+ รองรับการชาร์จ DC ที่กำลังสูงสุด 150 kW แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเวลาที่ใช้ในการชาร์จจนเต็ม นอกจากนี้ Toyota ยังเคลมว่า แบตเตอรี่จะยังคงมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 70% แม้จะผ่านการใช้งานมา 10 ปี

แพลตฟอร์มใหม่ที่มีพื้นฐานจาก e-TNGA

แม้ C-HR+ จะมีดีไซน์คล้ายกับ C-HR รุ่นปกติ แต่โครงสร้างตัวรถใช้แพลตฟอร์ม e-TNGA ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกับ bZ4X ทำให้ C-HR+ มีความเกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบของ Toyota มากกว่าที่จะเป็นรุ่นต่อยอดของ C-HR เดิม

กำหนดการเปิดตัว

Toyota C-HR+ จะเริ่มวางจำหน่ายในบางตลาดยุโรป ช่วงปลายปี 2025 และจะวางขายเต็มรูปแบบทั่วทวีปใน ปี 2026

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้