EV สะดุด! Honda เดิมพันอนาคตกับไฮบริด ซื้อแบตฯ จาก Toyota

EV สะดุด! Honda เดิมพันอนาคตกับไฮบริด ซื้อแบตฯ จาก Toyota
Spread the love

Advertisement

Advertisement

โตเกียว — Honda เตรียมจัดซื้อแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริด (HV) จากโรงงานของ Toyota ในสหรัฐฯ หลังจากประกาศมาตรการภาษีล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้ซัพพลายเชนโลกต้องปรับตัว ตามรายงานของ Nikkei

ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2025 เป็นต้นไป Honda จะจัดหาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริด ประมาณ 400,000 คัน ซึ่งเพียงพอสำหรับรถยนต์ไฮบริดทั้งหมดที่บริษัทจำหน่ายในสหรัฐฯ

ปัจจุบัน Honda นำเข้าแบตเตอรี่จากญี่ปุ่นและจีนเพื่อใช้ในรถที่ผลิตในสหรัฐฯ แต่บริษัทกำลังเตรียมรับมือกับความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นในการสร้างซัพพลายเชนรูปแบบใหม่

ทรัมป์ได้ประกาศ ยกเลิกนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของโจ ไบเดน ส่งผลให้กระแสต่อต้านรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการรถไฮบริด ซึ่งประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว กำลังเพิ่มสูงขึ้น

บริษัท S&P Global Mobility คาดการณ์ว่ายอดขายรถไฮบริดในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.12 ล้านคันภายในปี 2030 หรือ เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปี 2024 คิดเป็น 25% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด การเร่งผลิตรถไฮบริดจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับค่ายรถญี่ปุ่น

Toyota กำลังลงทุน 14,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งแรกในต่างประเทศที่ รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยโรงงานนี้จะเริ่มผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถไฮบริดในเดือนเมษายน

ในปี 2024 Honda มียอดขายรถไฮบริดในสหรัฐฯ 308,000 คัน คิดเป็น 22% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด 1.42 ล้านคัน ที่ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดจำหน่ายในตลาด

Honda ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายรถไฮบริดทั่วโลก (ไม่นับรวมตลาดจีน) อีก 50% ภายในปี 2030 หรือประมาณ 1.3 ล้านคัน โดยแบตเตอรี่ที่จัดซื้อจาก Toyota จะถูกใช้ใน CR-V และรุ่นอื่นๆ

ผลกระทบจากนโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ

ที่ผ่านมา Honda นำเข้าแบตเตอรี่จากผู้ผลิตในญี่ปุ่นและจีนก่อนจะส่งไปยังสหรัฐฯ แต่การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้า และการปรับนโยบาย EV ในสหรัฐฯ ทำให้ต้องปรับโครงสร้างซัพพลายเชนใหม่

  • วันที่ 4 มีนาคม สหรัฐฯ ได้ เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% ซึ่งซ้ำเติมภาษี 10% เดิมที่เริ่มใช้ตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์
  • ทรัมป์มีแนวโน้ม เพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นเป็น 25% จากเดิม 2.5%

หากภาษี 25% ถูกบังคับใช้จริง อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดย ญี่ปุ่นส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ ประมาณ 1.3 ล้านคันต่อปี และภาษีที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้บริษัทรถญี่ปุ่นต้องจ่าย ภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 20,000 ล้านดอลลาร์

เนื่องจากซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมยานยนต์มีความซับซ้อน การขึ้นภาษีอาจส่งผลกระทบกับชิ้นส่วนต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมถึงแบตเตอรี่รถไฮบริดด้วย

Honda คาดว่าภาษีตอบโต้ 25% สำหรับสินค้าจาก เม็กซิโกและแคนาดา อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเป็นมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ส่งผลให้ Honda ต้องพิจารณาย้ายฐานการผลิตบางส่วนจาก แคนาดาและเม็กซิโกไปยังสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

Toyota กับแผนขยายตลาดรถไฮบริด

สำหรับ Toyota บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (รวมถึงไฮบริด) ที่ขายใน อเมริกาเหนือจาก 40% ในปี 2024 เป็น 80% ภายในปี 2030 โดยโรงงานแบตเตอรี่ในสหรัฐฯ ได้รับเงินลงทุนจำนวนมหาศาล และ การเพิ่ม Honda เป็นลูกค้า จะช่วยลดต้นทุนของโรงงานแบตเตอรี่แห่งนี้

การปรับตัวของค่ายรถยนต์ทั่วโลก

ค่ายรถยนต์ทั่วโลกเริ่มปรับโครงสร้างซัพพลายเชนเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ

  • ตั้งแต่เดือนมกราคม General Motors (GM) ของสหรัฐฯ ได้ ลดการผลิตรถ EV ที่โรงงานในเม็กซิโกตอนเหนือ
  • เดือนกุมภาพันธ์ Stellantis ค่ายรถจากยุโรป ระงับการผลิตชั่วคราวที่โรงงานในออนแทรีโอ แคนาดา ซึ่งผลิตรถ Jeep SUV
  • Stellantis กำลังเตรียม เปิดโรงงานที่ถูกปิดในรัฐอิลลินอยส์ใหม่ เพื่อผลิตรถกระบะขนาดกลาง

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

PPES แบตเตอรี่ที่ TOYOTA ผลิตร่วม Panasonic ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า bZ4x , C-HR+ รวมถึงรถยนต์ไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด

ประกันแบตฯ 10 ปีหรือ ล้านกิโลเมตร TOYOTA C-HR+ ใหม่ในยุโรป พร้อมระยะวิ่ง 600 กม./ชาร์จ WLTP

Prime Planet Energy & Solutions (PPES) เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Toyota Motor Corporation และ Panasonic Corporation ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2020 โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และไฮบริด (HEV, PHEV)

ข้อมูลเกี่ยวกับ Prime Planet Energy & Solutions (PPES)

ผู้ก่อตั้ง

  • Toyota Motor Corporation (ถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์)
  • Panasonic Corporation (ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์)

ประเภทแบตเตอรี่ที่ผลิต

  1. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด
  2. แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ สำหรับรถไฮบริด
  3. แบตเตอรี่โซลิดสเตต อยู่ระหว่างการพัฒนา

รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่จาก PPES

  • Toyota bZ4X
  • Toyota C-HR+
  • Toyota Prius Hybrid
  • Toyota Corolla Cross Hybrid
  • Lexus UX 300e
  • Lexus RX 500h

จุดเด่นของแบตเตอรี่ PPES

  • อายุการใช้งานยาวนาน รองรับการใช้งานมากกว่า 10 ปี
  • ระบบระบายความร้อนที่ดี ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์แบตเตอรี่
  • ความปลอดภัยสูง ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและทนทานต่อสภาพอากาศรุนแรง
  • เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงความเร็วสูง

สำนักงานใหญ่และโรงงาน

  • สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
  • โรงงานผลิตหลักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและจีน

PPES เปรียบเทียบกับผู้ผลิตแบตเตอรี่อื่นๆ

ผู้ผลิต บริษัทแม่ รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่
PPES Toyota และ Panasonic Toyota, Lexus
CATL จีน Tesla, BMW, Volkswagen
LG Energy Solution เกาหลีใต้ Hyundai, Kia, GM
Samsung SDI เกาหลีใต้ BMW, Audi
BYD จีน BYD, Toyota (บางรุ่น)

อนาคตของ PPES

  • วิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตตเพื่อเพิ่มระยะทางและความปลอดภัย
  • พัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเร็วให้สามารถชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 10 ถึง 15 นาที
  • ขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้น

กำลังการผลิตของ Prime Planet Energy & Solutions (PPES)

Prime Planet Energy & Solutions (PPES) มีโรงงานผลิตหลักใน ญี่ปุ่นและจีน โดยมุ่งเน้นการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของ Toyota และ Lexus

กำลังการผลิตปัจจุบัน

  • ปัจจุบัน PPES สามารถผลิต แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ ได้มากกว่า 7-10 GWh ต่อปี
  • รองรับการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดของ Toyota ที่มียอดขายมากกว่า 2 ล้านคันต่อปี
  • กำลังขยายสายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า

แผนขยายกำลังการผลิตในอนาคต

  • ขยายโรงงานผลิตในญี่ปุ่น

    • PPES กำลังเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ โซลิดสเตต และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
    • คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 GWh ต่อปี ภายในปี 2030
  • ขยายการผลิตในจีน

    • PPES มีแผนสร้างโรงงานใหม่ในจีนเพื่อรองรับความต้องการแบตเตอรี่สำหรับตลาดเอเชีย
    • โรงงานนี้จะมุ่งเน้นการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
  • ความร่วมมือกับ Toyota เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตต

    • PPES เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตตร่วมกับ Toyota
    • คาดว่าแบตเตอรี่โซลิดสเตตจะถูกผลิตในปริมาณมากหลังปี 2027

เปรียบเทียบกำลังการผลิต PPES กับผู้ผลิตแบตเตอรี่อื่นๆ

ผู้ผลิต กำลังการผลิตปัจจุบัน (GWh ต่อปี) แผนการขยาย
PPES (Toyota-Panasonic) 7-10 GWh 20 GWh ในปี 2030
CATL 200+ GWh 500 GWh ในปี 2030
LG Energy Solution 100+ GWh 300 GWh ในปี 2030
Samsung SDI 50 GWh 150 GWh ในปี 2030
BYD 100+ GWh 400 GWh ในปี 2030

นอกจากนี้ Toyota ยังเคลมว่า แบตเตอรี่จะยังคงมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 70% แม้จะผ่านการใช้งานมา 10 ปี พร้อมรับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือ 1,000,000 กิโลเมตร 

  • (PPES) แบตเตอรี่ที่ TOYOTA ผลิตร่วมกับ Panasonic

* * ความมั่นใจของโตโยต้าในคุณภาพของแบตเตอรี่นั้นสะท้อนให้เห็นได้จากการรับประกันว่าแบตเตอรี่จะคงความจุได้อย่างน้อย 70% ตลอดอายุ 10 ปีของรถยนต์ โดยครอบคลุมด้วยการรับประกันการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเดิมจนถึงอายุ 8 ปีของรถยนต์หรือระยะทางที่ขับ 160,000 กม. และโปรแกรมดูแลแบตเตอรี่จนถึงอายุ 10 ปีของรถยนต์หรือระยะทางที่ขับ 1 ล้านกิโลเมตร ซึ่งจะเปิดใช้งานได้จากการตรวจสุขภาพรถยนต์ไฟฟ้าประจำปี (มีข้อกำหนดและเงื่อนไขใช้บังคับในแต่ละประเทศ)

ประกันแบตฯ 10 ปีหรือ ล้านกิโลเมตร TOYOTA C-HR+ ใหม่ในยุโรป พร้อมระยะวิ่ง 600 กม./ชาร์จ WLTP

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้