PHEV ขายดีสุดในญี่ปุ่น Mitsubishi Outlander PHEV ราคาเริ่ม 1.22 ล้านบาทหักหักเงินหนุน

PHEV ขายดีสุดในญี่ปุ่น Mitsubishi Outlander PHEV ราคาเริ่ม 1.22 ล้านบาทหักหักเงินหนุน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

default
default

 

 

Outlander PHEV ครองแชมป์ยอดขายรถ PHEV ในญี่ปุ่นปี 2024 ทะลุ 100,000 คันในประเทศ ยอดสะสมทั่วโลกกว่า 400,000 คัน!

เมื่อวันที่ 14 เมษายน Mitsubishi Motors ได้ประกาศว่า Outlander PHEV มียอดขายในประเทศญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2024 (เม.ย. 2023 – มี.ค. 2024) จำนวน 8,885 คัน คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในญี่ปุ่น พร้อมกับยอดขายสะสมตั้งแต่เปิดตัวในปี 2013 ทะลุ 100,000 คันในประเทศ และ กว่า 400,000 คันทั่วโลก เป็นที่เรียบร้อย

Mitsubishi เริ่มต้นวิจัยพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 1964 และได้เปิดตัว i-MiEV รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ผลิตขายในเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลกในปี 2009
จากนั้นในปี 2013 ก็เปิดตัว Outlander PHEV ซึ่งถือเป็นรถ SUV แบบ PHEV รุ่นแรกของโลก และต่อมาในปี 2020 ได้ส่ง Eclipse Cross PHEV ลงสู่ตลาด

Outlander PHEV วางจำหน่ายแล้วในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก มียอดขายสะสมมากกว่า 400,000 คัน กลายเป็นผู้นำตลาดรถ PHEV อย่างแท้จริง

แนวทางของ Mitsubishi เน้นให้รถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้งานระยะทางไม่ไกลเหมาะกับ BEV (รถไฟฟ้าล้วน) ส่วน SUV หรือรถระดับกลางขึ้นไปเหมาะกับ PHEV ที่สามารถวิ่งทางไกลได้โดยไม่จำกัดระยะทาง ทั้งนี้เพื่อรับมือกับปัญหาสภาพอากาศ การใช้พลังงาน และการลดคาร์บอนให้เป็นกลาง (Carbon Neutral)

Outlander PHEV เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 ภายใต้คอนเซปต์ “EV สำหรับการใช้งานประจำวัน และ Hybrid สำหรับการเดินทางไกล” ด้วยสมรรถนะการขับขี่อันทรงพลัง นุ่มนวล และสามารถลุยได้ทุกสภาพถนนและภูมิอากาศ

ในปี 2021 Mitsubishi ได้เปิดตัวรุ่นที่สองของ Outlander PHEV ซึ่งเป็นการรวมสุดยอดเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อและระบบไฟฟ้า ภายใต้แนวคิด “威風堂々 (อันสง่างามและน่าเกรงขาม)”

และในเดือนตุลาคม 2024 Mitsubishi ได้อัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Outlander PHEV ด้วยการเพิ่มความจุแบตเตอรี่เพื่อขยายระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ปรับปรุงสมรรถนะการเร่งความเร็ว และปรับดีไซน์ภายใน-ภายนอกให้พรีเมียมมากขึ้น

autocar

นอกจากนี้ในประเทศญี่ปุ่นมีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นสำหรับ Outlander PHEV

ข้อมูลทั้งหมดที่ให้มานั้นคือสิทธิประโยชน์และการลดหย่อนภาษี/เงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกรณีของโตเกียว และยกตัวอย่างรถรุ่น Outlander PHEV ที่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์รวมสูงสุดถึง 1,327,300 เยน หรือประมาณ  300,819 บาท

ตัวอย่างการคำนวณสำหรับ บุคคลที่อาศัยอยู่ในโตเกียวที่เพิ่งจดทะเบียนรถคันใหม่

สิทธิประโยชน์ด้านภาษี (เมื่อซื้อรถใหม่)

  1. ภาษีน้ำหนักรถยนต์ (เมื่อลงทะเบียนครั้งแรก): ลดหย่อนได้ 37,500 เยน
  2. ภาษีรถยนต์ (หากลงทะเบียนในเดือนเมษายนที่โตเกียว): ลดหย่อนได้ 39,800 เยน
  3. ภาษีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม: ยกเว้นภาษี

เงินอุดหนุน (Subsidy) จากภาครัฐและท้องถิ่น

  • เงินอุดหนุนจากรัฐบาล กรณีงบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 “เงินอุดหนุนส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด” 550,000เยน
  • เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกรุงโตเกียว (EV/PHEV ปีงบประมาณ 2023): ได้รับสูงสุด 450,000 เยน
  • เงินอุดหนุนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตยานยนต์ (โครงการส่งเสริม ZEV): ได้รับเพิ่มอีก 100,000 เยน
  • ในกรณีใช้พลังงานหมุนเวียน (ZEV + Renewable Energy): รับเพิ่มอีก 150,000 เยน

รวมสิทธิพิเศษสำหรับ Outlander PHEV สูงสุดถึง 1,327,300 เยน หรือประมาณ 309,00 บาท

ราคาจำหน่าย Mitsubishi Outlander PHEV ปรับปรุงใหม่ในญี่ปุ่น เริ่มจำหน่าย 31 ตุลาคม 2024

  • รุ่น 5 ที่นั่ง 4WD ราคา 6,594,500 เยน หรือประมาณ 1.53 ล้านบาท
    • หากหักลบเงินหนุนจะเหลือ 5,267,200 เยน หรือประมาณ 1.22 ล้านบาท
  • รุ่น 7 ที่นั่ง 4WD ราคา 6,685,800 เยน หรือประมาณ 1.51 ล้านบาท
    • หากหักลบเงินหนุนจะเหลือ 5,358,500 เยน หรือประมาณ 1.25 ล้านบาท

นอกจากนี้เรายังเริ่มรับการสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนการเปิดตัวและ ณ วันที่ 30 ตุลาคม ได้รับคำสั่งซื้อประมาณ 3,400 คัน ซึ่งแผนการขายเดิมคือ 1,000 คันต่อเดือน

  • สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อทั้งหมดได้เลือกเกรดสูงสุด นั่นคือ P Executive Package 33% เป็น P, 11% เป็น G และ 4% เป็น M และ 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกเกรด P หรือสูงกว่า นอกจากนี้ เบาะหนังกึ่งสวรรค์และระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Ultimate ที่เป็นเอกสิทธิ์ของแพ็คเกจ P Executive ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน
  • อัตราส่วนส่วนประกอบสีตัวถังคือ White Diamond 30%, White Diamond/Black Mica 17%, Black Diamond 10%, Moonstone Grey Metallic 9% และ Moonstone Grey Metallic/Black Mica 9%

Mitsubishi Outlander PHEV ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 แถวเรียงขนาด 2.4 ลิตรควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่

  • DOHC 16 วาล์ว อินไลน์ 4 พร้อมบล็อกอลูมิเนียมและส่วนหัว ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง
  • ขนาด 2.4 ลิตร 2,488 ซีซี
    • ให้กำลัง 138 แรงม้า
    • แรงบิด 203 นิวตัน-เมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า:
    • กำลังสูงสุด: 113 แรงม้า
    • แรงบิดสูงสุด: 255 นิวตันเมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง:
    • กำลังสูงสุด: 136 แรงม้า
    • แรงบิดสูงสุด: 195 นิวตันเมตร
  • ให้กำลังรวม
    • กำลังสูงสุด: 302 แรงม้า
  • แบตเตอรี่ขนาด 22.7kWh สามารถวิ่งไฟฟ้า 102 กม. WLTC
  • ขนาดถังน้ำมัน 53 ลิตร
  • ครอบคลุมการวิ่ง 844 กม./ถังน้ำมัน
  • ปล่อย CO 2 18g/km และ 19g/km
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที
  • โหมดการขับขี่ไฟฟ้า 3 โหมดช่วยให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะสูงสุด ได้แก่ โหมด EV โหมด Series Hybrid และโหมด Parallel Hybrid
  • โหมดการขับขี่ให้เลือก 7 โหมด โดยแต่ละโหมดได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีประสิทธิภาพการขับขี่ที่โดดเด่นบนถนนทุกประเภทและสภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดกำลัง โหมดยางมะตอย โหมดกรวด โหมดหิมะ หรือโหมดโคลน โดยสามารถเลือกโหมดต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกโดยใช้ปุ่มควบคุมตรงกลางห้องโดยสาร เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยแม้ในสภาพที่เลวร้ายที่สุด
  • ระบบส่งกำลัง PHEV ที่ได้รับการปรับปรุงหมายความว่า Outlander ใหม่ยังคงอยู่ในโหมดไฟฟ้าทั้งหมดแม้ว่ารูปแบบการขับขี่จะเร้าใจมากขึ้นที่ความเร็วสูงถึง 135 กม./ชม. และมั่นใจได้ว่าผู้ขับขี่จะมีระยะทางขับขี่ที่เพียงพอแม้ในขณะที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความถี่ในการชาร์จไฟอีกด้วย

ช่วงล่าง (Suspension System)

  • ระบบกันสะเทือนหน้า: อิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบกันสะเทือนหลัง: อิสระแบบปีกนกคู่ (Multi-link) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (S-AWC): ช่วยกระจายแรงบิดและควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้งหรือในสภาพถนนลื่น

ระบบเบรก (Brake System)

  • ด้านหน้า: ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Disc Brakes)
  • ด้านหลัง: ดิสก์เบรก (Solid Disc Brakes หรือ Ventilated แล้วแต่รุ่น)
  • ABS (Anti-lock Braking System) – ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน
  • EBD (Electronic Brake-force Distribution) – ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ
  • Brake Assist – ระบบเสริมแรงเบรกเมื่อผู้ขับเบรกไม่เต็มแรง
  • Auto Hold + Electric Parking Brake – ระบบเบรกมือไฟฟ้าและช่วยหยุดรถในทางชัน

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4,719 มม.
  • กว้าง 1,862 มม.
  • สูง 1,750 มม.
  • ฐานล้อ 2,704 มม.

การออกแบบภายนอก

  • ไฟหน้า Adaptive LED (ALH) – ไฟหน้าปรับตามการขับขี่ พร้อมระบบปรับระดับแสงอัตโนมัติ รุ่น: P, Executive, G
  • ไฟหน้า LED (ปรับระดับแสง) – ใช้ในรุ่น M เท่านั้น
  • ที่ฉีดล้างไฟหน้า – มีใน P, Executive, G
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟตำแหน่งแบบ LED – มีทุกรุ่น
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED – มีทุกรุ่น
  • ไฟเลี้ยวหน้าแบบ Sequential (ไล่ระดับ) – มีในรุ่น P, Executive, G
  • กระจกมองข้างพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED – มีในทุกรุ่น พร้อมฟังก์ชันความจำตำแหน่งในบางรุ่น
  • ไฟท้ายแบบ LED – ครบทุกเกรด
  • ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED – ครบทุกเกรด
  • มือจับประตูภายนอกสีเดียวกับตัวรถ – ทุกรุ่น
  • กระจังหน้า Gloss Black + Chrome – ทุกรุ่น
  • ขอบหน้าต่างสีเงิน – ทุกรุ่น
  • เสา B และเสา Quarter Black-out – มีทั้งแบบ Gloss Black และสีดำธรรมดา แล้วแต่รุ่น
  • กันชนหน้า/หลังสี Titanium Grey หรือ Black – ขึ้นกับรุ่น
  • ชุดตกแต่งด้านข้างและกันชนล่าง (Garnish) – แตกต่างกันตามรุ่น (สีเดียวกับตัวรถหรือสีดำ)
  • สปอยเลอร์หลังคา (Roof Spoiler) – มีในทุกรุ่น
  • ซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา – เป็นออปชันเสริมในบางรุ่น
  • ราวหลังคา (Roof Rail) – เป็นออปชันเสริมในทุกรุ่น
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) – ครบทุกรุ่น

ล้อและ ยาง

  • รุ่น P, Executive Package, G ขนาดยาง: 255/45R20 ล้อ: ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์แบบ 2 โทน ตัดเงาแบบพิเศษ (Two-tone cut finish)
  • รุ่น M ขนาดยาง: 235/60R18 ล้อ: ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม
 - ไฟเบรกดวงที่ 3
 - กระจกกรอง UV (ทุกบาน)
 - ที่ปัดน้ำฝนหลัง
 - กระจกไล่ฝ้า

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

  • พวงมาลัยหุ้มหนังแท้พร้อมระบบทำความร้อน
  • หัวเกียร์หุ้มหนัง และแผงคอนโซลกลางตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพ (อะลูมิเนียมหรือ Piano Black ตามรุ่น)
  • เบาะที่นั่งให้เลือกทั้งแบบหนังแท้ เซมิแอนิลีน หนังสังเคราะห์ หรือผ้าคุณภาพสูง
  • เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วยความจำและฟังก์ชันระบายอากาศ (ในบางรุ่น)
  • หลังคาสีดำหรือเทาอ่อน แล้วแต่รุ่นรถ
  • คอนโซลกลางมีที่พักแขน, ช่องเก็บของ และพอร์ตชาร์จ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา หรือแบบ 3 โซนอิสระ (ขึ้นกับรุ่น)
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนได้ พับได้แบบ 4:2:4 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันแฮนด์ฟรี
  • กระจกหน้าต่างแบบ One-touch พร้อมระบบกันหนีบ (บางรุ่นมีเฉพาะฝั่งคนขับหรือทุกบาน)
  • ระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, USB Type-C และ HDMI port
  • มีม่านบังแดดที่กระจกประตูหลังในบางรุ่น
  • หน้าจอแสดงผลแบบ Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ให้ข้อมูลครบถ้วนชัดเจน
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับระบบนำทาง, Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบเสียง Yamaha มีให้เลือก 2 ระดับ:
     - Yamaha Ultimate (12 ลำโพง + แอมป์คู่) – รุ่นบนสุด
     - Yamaha Premium (8 ลำโพง) – สำหรับรุ่นอื่น
  • ช่องเสียบ HDMI, USB Type-C สำหรับความบันเทิงและการชาร์จ
  • ควบคุมระบบเสียงผ่านพวงมาลัยได้ทุกเกรด

ความปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยขับขี่

  • ถุงลมนิรภัยครบชุด:
     - ด้านหน้า (คนขับและผู้โดยสาร)
     - ด้านข้าง
     - ม่านนิรภัย
     - หัวเข่าฝั่งคนขับ

  • เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR:
     - ด้านหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมตัวลดแรงกระแทก
     - ด้านหลัง 3 จุด ครบ 3 ตำแหน่ง พร้อมกลไกจำกัดแรงและดึงกลับ

  • จุดยึดเบาะเด็ก ISO FIX:
     - ทั้งจุดยึดบนและล่าง บริเวณเบาะหลังด้านซ้าย-ขวา

  • โครงสร้างรองรับการชน และวัสดุบุนุ่มลดการกระแทกภายในห้องโดยสาร

  • ระบบช่วยเบรกและควบคุมตัวรถ:
     - ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
     - ASC (ควบคุมเสถียรภาพ)
     - AYC (ควบคุมแรงบิดในโค้ง)
     - HSA (ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน)
     - HDC (ควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน)

เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ (Driver Assist Technologies)

  • e-Assist (ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง) ประกอบด้วย:
     - ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรก (FCM)
     - ระบบเตือนการออกนอกเลน + ช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LDW/LDP)
     - ระบบช่วยเบรกเมื่อเหยียบคันเร่งผิด (EAPM)
     - ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ (DAA)
     - ระบบเตือนการชนด้านหน้าแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (PFCW)
     - ระบบอ่านป้ายจราจร (TSR)
     - ระบบเตือนจุดบอดและช่วยเปลี่ยนเลน (BSW/LCA)
     - ระบบเตือนเมื่อถอยหลังเจอรถตัดผ่าน (RCTA)
     - ระบบช่วยเบรกขณะเปลี่ยนเลนด้านหลัง (ABSA)

  • MI-PILOT

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วต่ำจนถึงหยุดนิ่ง
  • ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist: LKA) ตรวจจับเส้นแบ่งเลนและช่วยบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในเลนเมื่อเปิดใช้งาน
  • ฟังก์ชันเชื่อมต่อกับระบบนำทาง (Navigation Link) ช่วยปรับความเร็วของรถให้เหมาะสมตามโค้ง หรือจุดเปลี่ยนแปลงของถนนที่แสดงในระบบนำทาง เช่น ทางโค้ง ทางออก ทางเวียน ฯลฯ
  • ลดภาระคนขับบนทางด่วนหรือถนนไกลระบบจะควบคุมทั้งพวงมาลัย ความเร็ว และระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ทำให้การเดินทางระยะไกลผ่อนคลายยิ่งขึ้น

ระบบกล้อง และ เซ็นเซอร์

  • กล้องมองภาพรอบคัน (360° Around View Monitor) พร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบรถ (MOD)
  • เซนเซอร์จอดรถรอบคัน (หน้า-หลัง)
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ (บางรุ่น) หรือ Digital Rearview Mirror

Mitsubishi Outlander ใหม่จะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2024 ที่โรงงาน Okazaki ของบริษัท โดยเข้าร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของบริษัท และต่อยอดจากการเปิดตัว ASX ใหม่และ COLT ใหม่ล่าสุด

mitsubishi

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้