TOYOTA เตรียมเพิ่มการผลิต RAV4 ในสหรัฐฯ ทดแทนการนำเข้า แคนาดา และ ญี่ปุ่น

สรุปก่อนอ่าน
- แผนเดิม: โตโยต้าจะส่งออก RAV4 รุ่นใหม่จาก แคนาดาและญี่ปุ่น ไปยังสหรัฐฯ
- แผนใหม่ที่กำลังพิจารณา: อาจเริ่ม ผลิตในรัฐเคนทักกี ภายในปี 2027
- สาเหตุหลัก: หลีกเลี่ยง ภาษีนำเข้า 25% จากนโยบายของทรัมป์ และลดผลกระทบจากค่าเงินเยน
- การเปิดตัว: RAV4 รุ่นใหม่ (โมเดล 2026) จะเปิดตัวปลายปีนี้ เป็นการปรับโฉมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019
- ยอดขาย: ปี 2024 โตโยต้าขาย RAV4 ในสหรัฐฯ ได้กว่า 475,000 คัน – มากที่สุดในประเทศ
- กำลังการผลิต: โตโยต้าผลิตรถในสหรัฐฯ ไปแล้ว 1.3 ล้านคันในปี 2024
- ท่าทีโตโยต้า: ยังไม่ยืนยันแผน แต่เน้น “รักษาความมั่นคงการจ้างงาน”
- ภาพรวมอุตสาหกรรม: Nissan และ Honda ก็ย้ายกำลังผลิตเข้าสหรัฐฯ เช่นกัน เพื่อเลี่ยงภาษี
- การเมือง: ญี่ปุ่นเริ่มเจรจากับทรัมป์โดยตรง หวังคลี่คลายปัญหาภาษีนำเข้า
โตเกียว, 18 เมษายน (Reuters) – โตโยต้า กำลังพิจารณาผลิตรุ่นใหม่ของรถ SUV ยอดนิยม RAV4 ภายในสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากแหล่งข่าว 3 รายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ ซึ่งนับเป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายที่กำลังทบทวนห่วงโซ่อุปทานของตน เพื่อลดผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์สูงถึง 25%
ปัจจุบัน โตโยต้าผลิต RAV4 ที่รัฐเคนทักกี ประเทศสหรัฐฯ, แคนาดา และญี่ปุ่น โดยในตอนแรกมีแผนจะส่งออกรุ่นใหม่ของ RAV4 เข้าสหรัฐฯ จากแคนาดาและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาการผลิตในรัฐเคนทักกีด้วย เนื่องจากความต้องการของตลาดสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะสูงเกินกว่าที่จะส่งรถเข้าไปได้ทัน
การเพิ่มกำลังผลิตจากภายในสหรัฐฯ ยังจะช่วยลดผลกระทบจากภาษีนำเข้า 25% และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินเยน ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นในบางช่วงเวลา
โตโยต้ามีกำหนดเปิดตัว RAV4 รุ่นปี 2026 ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่รุ่นเจน 5 ที่เปิดตัวในปี 2019 โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในหลายตลาดทั่วโลกภายหลังจากนั้น แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับตลาดสหรัฐฯ
แหล่งข่าวยังระบุว่า โตโยต้าที่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับแผนการผลิต เนื่องจากการปรับเปลี่ยนโรงงานต้องใช้เวลาวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อยหลายปี และเป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนสูง ทั้งในด้านการปรับเครื่องจักรและการจัดหาชิ้นส่วน
หากโตโยต้าดำเนินแผนผลิตในเคนทักกีจริง การผลิต RAV4 รุ่นใหม่นี้จะเริ่มได้ในปี 2027 โดยไม่ว่าจะมีการย้ายกำลังผลิตหรือไม่ โตโยต้าก็มีแนวโน้มที่จะ คงปริมาณการผลิตในแคนาดาไว้ในระดับเดิม
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่ให้กับ Reuters โตโยต้าระบุว่า “บริษัทศึกษาวิธีการปรับปรุงการผลิตอยู่เสมอ เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงในการจ้างงาน” และไม่ขอแสดงความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือใดๆ
RAV4 เป็นรถที่ขายดีที่สุดในสหรัฐฯ ปีที่ผ่านมา โดยสามารถ โค่นตำแหน่งอันดับหนึ่งของ Ford F-150 ที่ครองแชมป์มาหลายปี ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด JATO Dynamics โตโยต้าขาย RAV4 ได้มากกว่า 475,000 คัน คิดเป็น 20% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทในสหรัฐฯ
ยังไม่มีความชัดเจนว่าโตโยต้าจะผลิต RAV4 ใหม่จำนวนเท่าใดในสหรัฐฯ ปัจจุบัน โตโยต้ามีโรงงาน 11 แห่งในสหรัฐฯ รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วน และในปี 2024 ได้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ไปแล้วเกือบ 1.3 ล้านคัน คิดเป็นมากกว่าครึ่งของยอดขายในตลาดนี้ (รวมทั้งหมด 2.3 ล้านคัน)
โตโยต้าเพิ่งประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนว่าจะดำเนินธุรกิจตามปกติ และมุ่งลดต้นทุนคงที่ แทนที่จะขึ้นราคารถยนต์เพื่อตอบสนองต่อนโยบายภาษีใหม่นี้
ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก ทั้งในสหรัฐฯ เองที่ผลิตนอกประเทศ ก็กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากภาษีนำเข้า 25% ที่บังคับใช้ในเดือนนี้ เช่น
-
Nissan จะลดกำลังผลิตรถรุ่นขายดีในสหรัฐฯ ที่ผลิตในญี่ปุ่นลง 13,000 คัน ในช่วง 3 เดือนถึงกรกฎาคม
-
Honda เตรียมย้ายการผลิต Civic Hybrid รุ่นถัดไป จากเม็กซิโกไปยังรัฐอินดีแอนา เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขาอาจปรับเปลี่ยนอัตราภาษีรถยนต์ โดยระบุว่า “ผู้ผลิตยังต้องการเวลาอีกสักหน่อย”
ทั้งนี้ บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นได้ทยอยขยายการผลิตในสหรัฐฯ มาหลายสิบปีแล้ว โดยโตโยต้าระบุว่า ได้ลงทุนในสหรัฐฯ ไปแล้วเกือบ 50,000 ล้านดอลลาร์
ล่าสุด รัฐมนตรีการค้าระดับสูงของญี่ปุ่น เรียวเซ อากาซาวะ (Ryosei Akazawa) ได้พบกับทรัมป์และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่วอชิงตันเพื่อเจรจาเรื่องภาษี และทรัมป์เองก็ออกมาระบุว่าการพูดคุยในครั้งนี้ “มีความคืบหน้าอย่างมาก” หลังเขาตัดสินใจเข้าเจรจาโดยตรงกับคณะผู้แทนการค้าญี่ปุ่นเองอีกด้วย
รอยเตอร์