NISSAN เตรียมส่ง ‘ลูกคนใหม่’ ลงสนาม EV ยุโรป จับมือ Renault-Dacia ท้าชน ID.1

NISSAN เตรียมส่ง ‘ลูกคนใหม่’ ลงสนาม EV ยุโรป จับมือ Renault-Dacia ท้าชน ID.1
Spread the love

Advertisement

Advertisement

สรุปก่อนอ่าน

  • Nissan เตรียมเปิดตัวรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับตลาดยุโรป ปลายปี 2026
  • ใช้โครงสร้างและชิ้นส่วนร่วมกับ Renault Twingo และ Dacia Spring มากถึงร้อยละแปดสิบ
  • ดีไซน์ภายนอกคาดว่าจะคล้ายกับ Dacia Spring มากกว่า Twingo เพื่อเน้นรูปลักษณ์ SUV ขนาดเล็ก
  • พัฒนาโดยทีม Ampere ของ Renault พร้อมความร่วมมือจากศูนย์พัฒนาในจีน
  • ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนฟอสเฟต LFP ที่มีต้นทุนต่ำกว่าแบบ NMC
  • วิ่งได้ประมาณสองร้อยไมล์ หรือประมาณสามร้อยยี่สิบกิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองระดับกำลัง แรงม้าระหว่างเก้าสิบสี่ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ด
  • ราคาขายคาดว่าจะต่ำกว่าสองหมื่นปอนด์ หรือประมาณเก้าแสนบาท
  • สายการผลิตจะอยู่ที่โรงงานในประเทศสโลวีเนีย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากจีน
  • ตั้งเป้าเป็นรถไฟฟ้ารุ่นเล็กราคาประหยัดที่สามารถทำกำไรได้จริงในตลาดยุโรป

นิสสันเร่งผลิตรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ ใช้ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าราคาประหยัด ท้าชน Volkswagen ID.1 พร้อมเปิดตัวปลายปี 2026

นิสสัน (Nissan) กำลังเร่งผลักดันโปรเจกรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเข้าสู่สายการผลิต เพื่อต่อกรกับ Volkswagen ID.1 โดยอาศัยความร่วมมือกับสองพันธมิตรในเครือ ได้แก่ เรโนลต์ (Renault) และแดเซีย (Dacia) เพื่อให้รถรุ่นใหม่พร้อมเปิดตัวในช่วงปลายปี 2026 ท่ามกลางความพยายามของนิสสันในการพลิกฟื้นธุรกิจทั่วโลก

ใช้พื้นฐาน Renault Twingo และแบตเตอรี่ LFP ราคาประหยัด

รถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่นี้จะใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Renault Twingo รุ่นใหม่ รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนฟอสเฟต (LFP) เพื่อเร่งเวลาในการพัฒนาและลดต้นทุนให้ราคาจำหน่ายต่ำกว่า 20,000 ปอนด์ (ประมาณ 900,000 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าทึ่งสำหรับรถไฟฟ้าที่ผลิตในยุโรปตะวันออก ไม่ใช่จีน

สำหรับแดเซีย สปริง (Dacia Spring) ที่เป็นรถในเครือกลุ่มเดียวกัน รุ่นปัจจุบันยังผลิตที่จีน แต่ด้วยภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้นจนอาจกระทบต่อกำไร รถรุ่นถัดไปของ Dacia น่าจะย้ายสายการผลิตมายังโรงงานของ Renault Group ที่เมือง Novo Mesto ประเทศสโลวีเนีย ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตให้กับ Twingo และรถไฟฟ้ารุ่นเล็กของ Nissan ด้วย

ดีไซน์จะคล้าย Dacia Spring มากกว่า Twingo

แหล่งข่าวคาดว่าดีไซน์ของรถ Nissan รุ่นใหม่นี้จะอิงจาก Dacia Spring มากกว่า Twingo เนื่องจาก Twingo มีรูปทรงสไตล์ “โมโนสเปซ” (monospace) หรือทรงไข่ พร้อมจมูกลาดเอียงและกระจกหน้าที่ต่อเนื่องกันแบบไร้รอยต่อ ส่วน Spring มีรูปลักษณ์แบบ SUV ขนาดจิ๋ว ตัวถังทรงสองกล่อง (two-box) หน้าตาชัดเจน มีความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเหมาะกับภาพลักษณ์ 4×4 ดั้งเดิมของ Nissan ตั้งแต่สมัย Patrol ปี 1951

โครงสร้างร่วม 80% ประหยัดต้นทุน

เพื่อให้สามารถทำกำไรจากรถยนต์กลุ่ม A-segment ได้ ซึ่งปกติแล้วต้นทุนการผลิตต่อคันสูงเมื่อเทียบกับราคาขาย รถทั้งสามรุ่นนี้จะใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกว่า 80% โดย Renault นำแนวคิดของ Stellantis มาใช้ เช่น โครงสร้างประตู กระจกหน้า และกรอบตัวถังที่ใช้ร่วมกันหลายรุ่น ส่วนดีไซน์จะปรับเฉพาะส่วนหน้ากับท้ายให้ต่างกันเพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ ซึ่ง Nissan Design Europe ในลอนดอนมีบทบาทในการออกแบบครั้งนี้ด้วย

พัฒนาโดย Ampere และทีมวิจัยจากจีน

งานวิศวกรรมจะนำโดย Ampere แผนก EV และซอฟต์แวร์ของ Renault โดย CEO ของ Nissan เคยกล่าวไว้ในปี 2024 ว่า “เราให้ Ampere สำรวจการพัฒนารถ A-segment สำหรับตลาดยุโรป โดยตั้งเป้าใช้เวลาพัฒนาสั้นมาก”

Ampere ตั้งศูนย์ R&D ในประเทศจีนชื่อ ACDC (Advanced China Development Centre) ที่มีทีมเพียง 150 คน แต่มีอำนาจตัดสินใจรวดเร็วมาก เช่น ปกติกระบวนการออกแบบใช้เวลา 3 เดือน แต่ในจีนใช้เวลาเพียง 5 สัปดาห์

พื้นฐานจาก Renault 5 เวอร์ชันย่อส่วน

แพลตฟอร์มที่ใช้คือ Ampere Small ซึ่งเป็นเวอร์ชันปรับสั้นลงของแพลตฟอร์ม Renault 5 โดยเปลี่ยนระยะฐานล้อให้สั้นลงให้รถมีความยาวน้อยกว่า 4 เมตร พร้อมพัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ มอเตอร์ใหม่ และตัวถังใหม่ ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ปี

รถ Nissan รุ่นเล็กคันนี้ รวมถึง Dacia รุ่นใหม่ ก็ใช้วิธีการพัฒนาแบบเดียวกัน คือออกแบบในจีน ทำข้อมูล 3D และส่งให้ทีมวิศวกรต่อยอดได้ทันที

ขนาดรถ แบตเตอรี่ และระยะทางวิ่ง

รถทั้ง 3 รุ่น (Nissan, Renault, Dacia) จะมีความยาวประมาณ 3.75 เมตร ฐานล้อราว 2.5 เมตร และติดตั้งแบตเตอรี่ LFP ซึ่งต้นทุนถูกกว่า NMC ประมาณ 8-15% แต่ความหนาแน่นพลังงานต่ำกว่า จึงอาจมีการเพิ่มจำนวนเซลล์ และใช้เทคโนโลยีช่วย เช่น ฮีทปั๊ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในอากาศเย็น

ปัจจุบัน Dacia Spring ใช้แบตเตอรี่ 26.8kWh และวิ่งได้ไกล 228 กม. (WLTP) แต่ผู้พัฒนาเผยว่า เพียงพอต่อการใช้งานจริง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ขับรถวันละไม่ถึง 30 กม.

ราคา และสมรรถนะ

Dacia Spring รุ่นเริ่มต้นขายอยู่ที่ 14,995 ปอนด์ (ประมาณ 663,000 บาท) ส่วนรุ่นใหม่ในกลุ่มนี้ตั้งเป้าเปิดราคาต่ำกว่า 18,000 ยูโร (ประมาณ 795,000 บาท) โดย Nissan อาจใช้แบตเตอรี่ใหญ่กว่าเล็กน้อยเพื่อเพิ่มระยะทางให้ใกล้ 321 กม. พร้อมประสิทธิภาพที่สูงกว่า 6 ไมล์ต่อ 1 kWh

ด้านมอเตอร์จะใช้แบบ electrically excited synchronous motor ที่ประสิทธิภาพดี และไม่ต้องใช้แร่หายาก เหมือนที่ใช้ใน Renault 5 โดยอาจมี 2 ตัวเลือกคือ 94 แรงม้า และ 121 แรงม้า

แม้ว่า Nissan จะไม่ใช่ผู้เล่นหลักในกลุ่มรถเล็กของยุโรป (รุ่นสุดท้ายคือ Pixo ปี 2009-2013) แต่รุ่นใหม่ในปี 2026 นี้จะยกระดับไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย การพัฒนาร่วม และราคาจับต้องได้ในยุค EV ครองเมือง

autoexpress

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้