Toyota Rush ไม่ขายไทยจริงๆ ?

หากมองดูการปรับดีไซน์ของ Toyota Avanza โดยภาพรวม จะเห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนพอสมควรโดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าหล่อขึ้นมาก ทำให้มีเสน่ห์กว่ารุ่นก่อนพอสมควร

สิ่งที่ Avanza ไม่มีคือ

• ระบบควบคุมการทรงตัว
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี

Toyota Avanza ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นเพียงแค่ไมเนอร์เช้นจ์ หากเทียบในกลุ่มรถยนต์ MPV 7 ที่นั่งปี 2019 ระบบความปลอดภัยอย่าง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control จะมีติดตั้งเป็นมาตรฐาน แต่ Avanza ใหม่ไม่มี แถมไม่มีระบบควบคุมการทรงตัว

ถ้า Rush จะเปิดตัวคงไม่นำ Avanza ไมเนอร์เช้นจ์มาเปิดหรอก

เหตุผลง่ายๆที่ไม่มีระบบดังกล่าว เพราะทางต้นสังกัดที่ผลิตในอินโดนีเซีย ไม่มี ! จึงเป็นคำถามว่า….แล้วทำไมไม่เปิดตัว Toyota Rush ไปเลย! ทั้งๆที่มีครบสมบูรณ์กว่า แต่น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดตัว เพราะ Toyota Avanza และ Toyota Sienta (รวมถึง Toyota Innova) ยังทำตลาดในบ้านเราพอได้อยู่ หากเปิดตัว Rush เข้ามาคงจะทับไลน์กันใหญ่

ตอบได้คำเดียวว่า น่าเสียดายแทนคนไทยที่ไม่น่าจะมีโอกาศได้ใช้ Toyota Rush แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เพราะถ้า Toyota Avanza ขายไม่ดี (สมมุติ) โตโยต้าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง การปรับครั้งนี้เหมือนลองตลาดใหม่และพิสูจน์ตัวตนของ Avanza ใหม่

โครงสร้างรวมๆของ Rush และ Avanza ไม่ได้แตกต่างกันมากเพียงแต่ดีไซน์ Rush มีความคมชัด และสปอร์ตลงตัวกว่ามาก หาก Avanza พัฒนาปรับปรุงดีไซน์ใหม่ รวมถึงใส่ระบบความปลอดภัยดังกล่าวที่ไม่มีลงไป รับรองว่ายอดขอยดีกว่านี้แน่นอน

แต่สำหรับเพื่อนบ้านเราอย่าง อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ได้จำหน่าย Toyota Rush ไปสักระยะ

ข้อมูล Toyota Rush

Toyota Rush ออกแบบและพัฒนาเพื่อตลาดเอเซียโดยเฉพาะ RUSH พัฒนาบนฐาน AVANZA โดยเน้นความสปอร์ตและระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และความสูงจากพื้นดิน 220 มิลลิเมตร ในอินโดนีเซียมี 4 รุ่นย่อย แต่ในฟิลิปปินส์มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก 1.5E M/T, 1.5E A/T และ 1.5G A/T4

ภายนอก Toyota Rush มีการออกแบบที่โด่ดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อมไฟตัดหมอกคู่หน้า กระจังหน้าโครเมี่ยมรมดำ ไฟท้ายแบบ LED การ์ดใต้กันชนหน้า-หลัง คิ้วกันกระแทกด้านข้าง รวมหลังคาแบบ Built-in ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่

ภายในห้องโดยสารคุมโทนดำ แผงแดชบอร์ดนุ่ม เดินตะเข็บด้วยด้ายแดงเสริมอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้นพร้อม เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง เบาะนั่งหุ้มหนังด้วยผ้าสีดำ พวงมาลัยหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ลำโพง 8 ตำแหน่ง สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start Button ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry มาตราวัดเรืองแสงแบบ Combination Meter ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแสดงผลบนจอดิจิตอล ช่องจ่ายไฟ 12V ทุกแถวที่นั่ง

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 2NR แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร DOHC Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยได้แก่

• ระบบเบรก ABS / EBD / BA
• ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน HSA
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control
• ระบบเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSC
• ไฟเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย 7 ตำแหน่ง
• ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
• กล้องมองภาพขณะถอยจอด

มี 2 รุ่นได้แก่ High MT ราคา 302,900 แรนด์ ประมาณ 656,000 บาท และ High AT ราคา 316,600 แรนด์ ประมาณ 685,000 บาท

• 

• 

• 

• 

• 

•