ADAS ตาเทพทำเรื่อง เจ้าของ BYD เดิมในจีนไม่พอใจ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีก ในราคาเดิม

BYD ให้สัญญานำแพ็กเกจ ADAS “God’s Eye” มาใช้กับ 21 รุ่นในจีน จุดกระแสความไม่พอใจจากเจ้าของรถปัจจุบันที่รู้สึกว่าจ่ายแพงเกินไป
BYD เผชิญกับคำร้องเรียนมากกว่า 4,700 รายการภายในหนึ่งสัปดาห์บนแพลตฟอร์มตรวจสอบคุณภาพยานยนต์ชื่อดังในจีน หลังจากประกาศว่าจะนำระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ “God’s Eye” มาใช้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ 21 รุ่น ส่งผลให้ลูกค้าปัจจุบันไม่พอใจและเรียกร้องค่าชดเชย
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา BYD ประกาศว่าแพ็กเกจ “God’s Eye” ADAS จะเป็นมาตรฐานในรถยนต์ 21 รุ่น ครอบคลุมทุกช่วงราคา ข่าวนี้เป็นข่าวดีสำหรับผู้ซื้อในอนาคต แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าเก่าที่มองว่าตัวเองจ่ายแพงกว่าที่ควรจะเป็น
เจ้าของรถ BYD ร้องเรียนหนัก
ลูกค้า BYD จำนวนมากได้แสดงความไม่พอใจบน 12365auto.com ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบุคคลที่สามที่มุ่งเน้นเรื่องคุณภาพรถยนต์ในจีน การร้องเรียนที่ถาโถมเข้ามาทำให้รถในซีรีส์ Ocean และ Dynasty ติดอันดับรถที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดในเว็บไซต์
ตามรายงานของ Reuters มีคำร้องเรียนกว่า 4,700 รายการ ระหว่างวันที่ 11-17 กุมภาพันธ์ หลังจากการประกาศอัปเกรดระบบ ADAS เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีเพียง 150 รายการ
- เจ้าของ BYD Qin L DM-i รายหนึ่งแสดงความไม่พอใจที่บริษัทลดราคารถและเพิ่มฟีเจอร์เพียง 4 เดือน หลังจากที่พวกเขาซื้อรถ
- เจ้าของ BYD Seal 06 DM-i อีกรายก็โวยว่า รถรุ่นใหม่ที่มีการอัปเกรดวางขายในราคาเท่าเดิม ทั้งที่ตนเองได้สอบถามพนักงานขายหลายครั้งเกี่ยวกับการอัปเดต
BYD ได้รับทราบข้อร้องเรียนและระบุว่าได้ส่งเรื่องไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องแล้ว
ระบบ “God’s Eye” ไม่ได้เท่ากันทุกคัน
BYD จะติดตั้งระบบ “God’s Eye” ADAS ให้กับ 21 รุ่น ที่มีช่วงราคาระหว่าง 69,800 – 239,800 หยวน (ประมาณ 322,000 – 1,107,000 บาท ) โดยรุ่นที่ถูกที่สุดที่ได้รับการอัปเกรดคือ BYD Seagull
อย่างไรก็ตาม ระบบ God’s Eye มี 3 ระดับ ได้แก่
- รุ่น C สำหรับรถรุ่นเริ่มต้น
- รุ่น B สำหรับแบรนด์ระดับกลางอย่าง Denza และ Fang Cheng Bao
- รุ่น A สำหรับแบรนด์หรูสุด Yangwang
BYD ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่เผชิญแรงกดดัน
การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์จีนทำให้หลายค่ายต้องลดราคาเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาด ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าที่ซื้อรถก่อนหน้านี้รู้สึกเสียเปรียบ ตัวอย่างเช่น Tesla เคยเผชิญกับเหตุการณ์คล้ายกันในปี 2023 เมื่อเจ้าของรถหลายร้อยรายรวมตัวกันที่ดีลเลอร์เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย หลังจากบริษัทประกาศลดราคารถยนต์ของตนเอง
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา BYD ได้เปิดตัวรถยนต์ใหม่จำนวน 21 รุ่นที่มาพร้อมกับระบบขับขี่อัจฉริยะ “Eye of God” (ตานเซินจือเยี่ยน) โดยราคารถอยู่ในช่วง 69,800 – 249,800 หยวน (ประมาณ 324,000 – 1,161,000 บาท) จุดเด่นสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือ รถรุ่นใหม่เหล่านี้จะสามารถใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติบนทางหลวงและถนนความเร็วสูงได้ นอกจากนี้ BYD ยังขยายขอบเขตของระบบขับขี่อัจฉริยะให้ครอบคลุมรถหลายรุ่น รวมถึงรถระดับเริ่มต้นก็สามารถใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติได้เช่นกัน
รุ่นที่ได้รับการอัปเกรดระบบขับขี่อัจฉริยะ
Eye of God C (DiPilot 100) มีในรุ่น:
Qin PLUS DM-i, Qin PLUS EV, Qin L DM-i, Han EV, Han DM-i, Yuan UP, Song L DM-i, Song L EV, Song Pro DM-i, Tang DM-i, Tang EV, Seagull, Dolphin, Seal 05 DM-i, Seal 06 DM-i, Seal 06 GT, Sea Lion 07 EV, Seal 07 DM-i, Song PLUS DM-i, Song PLUS EV
Eye of God B (DiPilot 300) มีในรุ่น:
Song L EV, Han DM-i, Han EV, Tang DM-i, Sea Lion 07 EV, Seal และรุ่นที่มีสเปกสูงกว่าของ BYD
ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงจะกลายเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่จำเป็นเช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย นายหวัง ฉวนฟู่ ประธานและซีอีโอของ BYD กล่าวในงานดังกล่าว
BYD เปลี่ยนกลยุทธ์ – จาก “สงครามราคา” สู่ “การแข่งขันด้านมูลค่า”
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา BYD ใช้กลยุทธ์ “สงครามราคา” (Price War) เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางการจีนได้แนะนำให้ BYD ลดความรุนแรงของสงครามราคาลง เนื่องจากอาจทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในภาคอุตสาหกรรม
ปี 2025 BYD เปลี่ยนแนวทางสู่ “การแข่งขันด้านมูลค่า” (Value Competition) โดย เพิ่มเทคโนโลยีระบบขับขี่อัจฉริยะให้กับรถยนต์ในกลุ่มราคากลาง-ล่าง โดยไม่มีการปรับขึ้นราคา
“Eye of God” พลิกเกม – ขยายเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะสู่ตลาดรถราคาประหยัด
เดิมที ระบบขับขี่อัจฉริยะระดับสูงมักถูกจำกัดไว้เฉพาะรถยนต์ระดับไฮเอนด์ (ราคา 250,000 หยวนขึ้นไป) แต่แนวโน้มอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เช่น
- Tesla เร่งขยายการใช้งาน FSD (Full Self-Driving)
- แบรนด์จีนอย่าง Xpeng ปรับใช้ระบบ XNGP ในรุ่น MONA M03 ที่มีราคาไม่ถึง 150,000 หยวน
- Changan ประกาศติดตั้ง LiDAR ในรถยนต์ราคาประมาณ 100,000 หยวน
BYD ตระหนักดีว่า การแข่งขันด้านเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนไป หากแบรนด์อื่นสามารถติดตั้งระบบขับขี่อัจฉริยะในรถยนต์ระดับราคากลาง-ล่าง BYD อาจเสียเปรียบในระยะยาว
BYD ยกระดับระบบขับขี่อัจฉริยะ – จาก “ตามหลัง” สู่ “ผู้นำ”
ก่อนหน้านี้ BYD ถูกมองว่าล้าหลังด้านเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ เนื่องจาก ระบบช่วยขับขั้นพื้นฐาน (ACC, LKA, Auto Parking) เท่านั้นที่มีอยู่ในรุ่นมาตรฐาน
แต่ในปี 2025 หวัง ฉวนฝู ได้ เปลี่ยนแนวทางการเล่าเรื่องของ BYD จาก “การเน้นพัฒนา EV” เป็น “การมุ่งสู่ยุคอัจฉริยะ” พร้อมกับ ยืนยันว่าบริษัทพัฒนาระบบขับขี่อัจฉริยะมานาน แต่ไม่ได้เปิดเผยก่อนหน้านี้เนื่องจากต้องการให้เทคโนโลยีมีความพร้อมที่สุดก่อนเปิดตัว
ระบบขับขี่อัจฉริยะของ BYD
BYD ใช้ทั้ง ระบบขับขี่อัจฉริยะ Eye of God (พัฒนาโดย BYD เอง) และ Huawei QianKun ADS 3.0 (พัฒนาโดย Huawei) ซึ่งระบบ Huawei QianKun ได้เปิดตัวครั้งแรกใน Fang Cheng Bao Bao 8 โดยสามารถรองรับฟังก์ชันขับขี่อัจฉริยะหลายรูปแบบ เช่น
✅ ระบบช่วยควบคุมรถอัตโนมัติบนทางหลวง
✅ ระบบขับขี่อัจฉริยะในเขตเมือง (สามารถเปลี่ยนเลน, เลี่ยงสิ่งกีดขวาง, เลี้ยวเข้าหรือออกจากทางแยกอัตโนมัติ)
✅ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
✅ ระบบจอดรถระยะไกล (Valet Parking)
ระบบขับขี่อัจฉริยะ “God’s Eye”
BYD ตั้งชื่อระบบขับขี่อัจฉริยะของตนว่า “God’s Eye” ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับระบบควบคุมตัวถัง DiSus และแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
-
God’s Eye A – DiPilot 600
- ใช้ LiDAR 3 ตัว
- ติดตั้งในแบรนด์หรูระดับสูง Yangwang
-
God’s Eye B – DiPilot 300
- ใช้ LiDAR 1 ตัว
- ใช้กับแบรนด์ Denza และรถยนต์ BYD ระดับพรีเมียม
-
God’s Eye C – DiPilot 100
- ไม่มี LiDAR แต่ใช้ระบบกล้องแทน
- ใช้ในรุ่นราคาประหยัดของ BYD
- ใช้ชิป NVIDIA Orin (100TOPS)
- กล้อง 12 ตัว (รวมกล้องหน้าความละเอียด 8MP)
- เรดาร์ 5 ตัว + เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว
- รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติบนทางหลวง (ช่วยเปลี่ยนเลน, หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง, เข้าทางออกทางด่วนอัตโนมัติ)
- ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น จอดรถอัตโนมัติ, ระบบจอดรถระยะไกล (Valet Parking), ระบบจำจดเส้นทางขับขี่ในเมือง (MNOA) และการอัปเกรด OTA ภายในปีนี้
- ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ที่รองรับสูงสุด 100 กม./ชม. (และอาจเพิ่มเป็น 120-140 กม./ชม.ในอนาคต), ระบบเตือนการชน, ระบบเตือนจุดบอด และเตือนการเปิดประตู
21 รุ่นที่ได้รับอัปเดต Smart Driving Edition (ไม่มีการเพิ่มราคา)
BYD ท้าชนตลาด! ระบบสมาร์ทไดรฟ์ในรถราคาเริ่ม 324,000 บาท ในจีน ติดตั้งใน 21 รุ่นย่อยพิ้นฐาน