Advertisement

Advertisement

All NEW Honda Accord เจนที่ 11 ย้ายสายการผลิตใหม่ ไปยัง รัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา

All NEW Honda Accord เจนที่ 11 ย้ายสายการผลิตใหม่ ไปยัง รัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

HONDA ACCORD เจนที่ 11 ใหม่ กำลังย้ายสายการผลิต หรือ ออกจากโรงงานในโอไฮโอเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1982 การผลิตแอคคอร์ดกำลังย้ายไปที่โรงงานแห่งอื่นในสหรัฐอเมริกาในรัฐอินเดียนา ซึ่งเป็นโรงงานเดียวกับผลิต HONDA CIVIC

ทำไมต้องย้าย? Honda ต้องการเปลี่ยนโรงงาน Marysville ที่เคยสร้าง HONDA ACCORD กลายเป็นโรงงานไฟฟ้าการที่ผู้ผลิตรถยนต์เลือกที่จะถอดรถรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่งออกจากไซต์ในขณะที่พยายามใช้ EV นั้นแสดงให้เห็นว่าการนำเข้าของ Honda มีความพยายามในการใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างช้าเพียงใด โรงงานของ Marysville เริ่มการผลิต ในช่วงต้นทศวรรษ 1980

แผนการของฮอนด้าในการสร้าง “EV Hub” ในโอไฮโอกำลังเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อปีที่แล้ว ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ประกาศว่าจะลงทุน 700 ล้านดอลลาร์เพื่อเตรียมโรงงาน 3 แห่ง ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มในเดือนมกราคม 2024 โดยผู้ผลิตรถยนต์จะโอนการผลิต Accord ไปยังโรงงาน Indiana Auto ในปี 2025 HONDA ยังคงรักษาปริมาณการผลิต ACCORD ที่โรงงานแห่งใหม่

“EV Hub” ของฮอนด้าจะเกี่ยวข้องกับ Marysville Auto Plant, East Liberty Auto Plant และ Anna Engine Auto Plant โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์จะเป็นหัวใจของฮับ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ LG Energy Solutionเพื่อสร้างโรงงานในโอไฮโอ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2023

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Honda กล่าวว่ามีแผนที่จะลงทุนอย่างน้อย 40,000 ล้านดอลลาร์จนถึงสิ้นทศวรรษเพื่อเพิ่มยอดขายรถไฮบริดและรถ EV บริษัทหวังว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายภายในปี 2030

Motortrend

สเปค – ข้อมูล All-NEW HONDA ACCORD

เครดิตภาพ Cars.com

รุ่นเริ่มต้น 1.5T LX ราคา $27,295  หรือประมาณ 893,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เบนซิน 1.5T เทอร์โบชาร์จ 192 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT
  • ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบ มัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • เบาะผ้า
  • ระบบเสียง 4 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • เบาะหลังพับลงได้
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition

1.5T EX ราคา $29,610  หรือประมาณ 969,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เบนซิน 1.5T เทอร์โบชาร์จ 192 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT
  • ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบ มัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • เบาะผ้า
    • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
    • เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
  • หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition

2.0 e:HEV Sport HYBIRD ราคา $31,895  หรือประมาณ 1,044,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
  • 4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
  • พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
  • ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
  • เบาะผ้า
    • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
    • เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
  • หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor

2.0 e:HEV EX-L Hybrid $33,540  หรือประมาณ 1,098,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
  • 4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
  • พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
  • ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง
  • เบาะหุ้มหนัง
    • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
    • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
    • เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
  • หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
  • เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors

2.0 e:HEV Sport-L Hybrid $33,875  หรือประมาณ 1,109,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
  • 4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
  • พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
  • ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
  • สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง
  • เบาะหุ้มหนัง
    • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
    • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
    • เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
  • หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
  • เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors

2.0 e:HEV Touring Hybrid $37,890  หรือประมาณ 1,240,000 บาท

อุปกรณ์พื้นฐาน

  • เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
  • ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
  • 4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
  • พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
  • ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
  • ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
  • สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
  • พวงมาลัยหุ้มหนัง
  • เบาะหุ้มหนัง
    • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าแบบอุ่นและระบายอากาศ
    • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
    • เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
  • หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
  • ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
  • ระบบเสียงระดับพรีเมียมของ Bose
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
  • จอแสดงผลบนกระจก Head-Up Display
  • หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
  • เทคโนโลยี Google ในตัว
  • Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
  • ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
  • พอร์ต USB ด้านหน้า
  • ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless Phone Charger
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
  • ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
  • กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
  • ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
  • เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors

เครดิตภาพ : greencarreports

 

 

6 มกราคม 2023 — แมรีสวิลล์ โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา HONDA ได้เผยการผลิต HONDA ACCORD เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่โรงงาน Marysville Auto Plant (MAP)

  • Honda ครบรอบ 40 ปีการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ด้วย All-New 2023 Honda Accord

พนักงานของฮอนด้าที่โรงงาน Marysville Auto (MAP) ในรัฐโอไฮโอ เฉลิมฉลองการเริ่มต้นการผลิตจำนวนมากของฮอนด้า แอคคอร์ดและแอคคอร์ดไฮบริดใหม่ปี 2023 รถยนต์ที่ขายดีสุดในอเมริกาช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ACCORD ถูกสร้างขึ้นในโรงงาน Marysville Auto Plant (MAP) กว่า 40 ปีตั้งแต่ปี 1982 ทำให้ Honda เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับสากลรายแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ในอเมริกา

“นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจสำหรับผู้ร่วมงานของฮอนด้าทุกคน เนื่องจากเราเฉลิมฉลองไม่เพียงแค่ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวของโรงงานรถยนต์แมรีส์วิลล์ ซึ่งฮอนด้าเริ่มผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาด้วยป้ายชื่อเดียวกันนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว” จุนกล่าว Jayaraman หัวหน้าโรงงานที่ MAP “ความสำเร็จด้านการขายที่ยาวนานหลายทศวรรษของแอคคอร์ดบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำและจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของโรงงานในแมรีสวิลล์ ซึ่่งได้มอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ ให้ลูกค้าของเราตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา”

วันที่ 4 มกราคม 2023 ทอร์แรนซ์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ประกาศราคาจำหน่าย All NEW Honda Accord เจนที่ 11 ใหม่อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 27,295 – 37,890 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 923,000 – 1,282,000 บาท บนขุมพลังเบนซิน 1.5T 192 แรงม้า และ เบนซิน 2.0HEV 204 แรงม้า

All NEW Honda Accord G11 เน้นการออกแบบเรียบหรูมากขึี้น กระจังหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้าใหม่ “Sleek Styling” โฉบเฉี่ยวมากขึ้น ไฟท้ายแบบ LED ลากเชื่อมกันคล้ายๆของ NEW Crown CROSSOVER กระจกหน้าต่างแบบ Six-wondow ที่ถูกลดทอนความโค้งงอลงไป ล้ออัลลอย 17 นิ้วยาง 225/50R17 ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ยางขนาด 235/40R19

  • Accord จะวางจำหน่ายในสีภายนอกทั้งหมด 8 สี โดยมี 3 สีใหม่ ได้แก่ Meteorite Grey Metallic, Urban Grey Pearl และ Canyon River Blue Metallic

ขนาดตัวถัง

  • ความยาว : 4,970 มม.
  • ความกว้าง : 1,862 มม.
  • ความสูง : 1,450 มม.
  • ฐานล้อ : มม.

ภายในห้องโดยสารของ Accord ใหม่ มาพร้อมหน้าปัดดิจิตอล 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย มาพร้อม Google built-in พร้อมแอพ google Assistant, Google Maps, Google Play capability ฯลฯ ลำโพง Bose Premium Audio 12 ตำแหน่ง

  • รองรับการอัพเดทผ่าน Over-the-Air
  • จอแสดงผลแบบ Head-Up ขนาด 6 นิ้ว
  • ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สายขนาด 15 วัตต์
  • มีพอร์ต USB Type-C ขนาด 3 แอมป์สองพอร์ตในแถวแรก รุ่น EX-L และ Touring เพิ่มพอร์ต USB-C 3 แอมป์คู่ที่สองสำหรับเบาะหลัง
  • เบาะคนขับไฟฟ้า 8 ทิศทาง EX ยังเพิ่มหลังคามูนรูฟ เบาะนั่งด้านหน้าแบบอุ่น และระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซน
  • เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

เบนซิน 1.5T

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี Direct-injection Turbocharged ให้กำลัง 192 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 242 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT

2.0 HEV ไฮบริด

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี Direct-injection Atkinson Cycle + มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 204 แรงม้า  แรงบิดสูงสุด 371 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบ/นาที

ระบบช่วงล่าง

  • ช่วงล่างหน้า แบบอิสระ MacPherson Strut
  • ช่วงล่างหลัง แบบอิสระ Multi-link

Honda Sensing ที่เพิ่มฟังก์ชั่น Traffic Jam Assist (TJA) ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง (Blin Spot Information) ระบบจดจำป้ายจราจร (TSR) และระบบช่วยจราจรติดขัดแบบใหม่ (TJA) ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ตอบสนองดีขึ้น

All NEW Honda Accord เวอร์ชั่นสหรัฐอเมริกา ผลิตในโรงงาน Marysville Auto Plant รัฐโอไฮโอ 

 

CNET /Motortrend.com

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้