Advertisement

Advertisement

ประหยัด 22.7 กม./ลิตร WLTP ขายไทยเริ่ม 5xx,xxx บาท MG 3 HYBRID 1.5 HEV 194 แรงม้า ก่อนเปิดตัว

ประหยัด 22.7 กม./ลิตร WLTP ขายไทยเริ่ม 5xx,xxx บาท MG 3 HYBRID 1.5 HEV 194 แรงม้า ก่อนเปิดตัว

Advertisement

Advertisement

City paved strip surrounded by shops cafes and office blocks in the morning

กรุงเทพฯ – 26 มิถุนายน 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เผยกระแสความนิยมของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รถไฮบริดใหม่รุ่นล่าสุดของ เอ็มจี หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าและการยอมรับจากสื่อมวลชนทั่วโลกให้เป็นรถแฮทช์แบ็กไฮบริดในรุ่น B-Segment ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างลงตัวทั้งด้านความประหยัด สมรรถนะ ดีไซน์ เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน เป็นการตอกย้ำศักยภาพและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดย เอ็มจี ได้วางแผนนำรถรุ่นนี้เข้ามาผลิตและทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการภายในปีนี้

สำหรับในประเทศไทย เอ็มจี ได้เตรียมวางแผนผลิต ALL NEW MG3 HYBRID+ และทำตลาดอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ เพื่อส่งมอบรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และความคุ้มค่าครั้งใหม่ให้กับลูกค้าคนไทยได้เป็นเจ้าของ

กรุงเทพฯ – 17 มิถุนายน 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย นำรถยนต์ B-Segment รุ่นใหม่ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ทั่วประเทศไทย โดยคณะวิศวกรจาก เอ็มจี ทั้งไทยและต่างประเทศ

เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมารวมระยะทางวิ่งแล้วกว่า 10,000 กิโลเมตร ซึ่งใช้มาตรฐานการทดสอบระดับสากล ทั้งมาตรฐาน NEDC และ WLTP โดยเป็นการทดสอบที่ใช้องค์ประกอบจริงที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเร่งแซง การใช้ความเร็วสูงการเปิดเครื่องปรับอากาศตามปกติ ทดสอบการประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ตัวใหม่ล่าสุด เพื่อให้มีค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองออกมาใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุด

พร้อมการปรับตั้งการขับขี่ และทดสอบระบบความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่ารถยนต์รุ่นใหม่สามารถรองรับ การใช้งานกับทุกสภาพผิวถนน ทั้งถนนเรียบในเมือง นอกเมือง อัตราเร่งขึ้นทางชันและทางลงเขา ทั้งยังพร้อมลุยได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งร้อน ฝนตก น้ำขัง หรือแม้แต่ในสภาพมีหมอกหนาทึบของประเทศไทย รวมถึงการทดสอบความคล่องตัวของรถและอัตราเร่ง ในสนามปิด

ด้วยดีไซน์รถที่โฉบเฉี่ยว ดูคล่องตัวเหมาะกับการ ขับขี่ในเมือง แม้จะพรางตัวด้วยสติ๊กเกอร์ แต่ก็สามารถเดาได้ ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นไหนที่เตรียมเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย อีกครั้ง ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของเอ็มจี

เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด+ 1.5 ลิตร

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 1.5 ลิตร
  • ระบบส่งกำลัง HYBRID +
  • เครื่องยนต์ให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 128 นิวตัน-เมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 134 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร
  • เครื่องยนต์ + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวม 194 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุดทั้งระบบ 424 นิวตัน-เมตร
  • ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีต
  • ความจุของแบตเตอรี่ 1.83kWh – 350V
  • ระบบขับเคลื่อน FWD
  • ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 กม./ชม. ภายใน 5 วินาที
  • อัตราประหยัดน้ำมัน 22.7 กม./ลิตร WLTP
  • ปล่อย CO2 อยู่ที่ 100 กรัม/กม.
  • 3 โหมดการขับขี่ Eco, Standard และ Sport

ขนาดตัวถัง

  • ความยาว 4,113 มม. (เพิ่มขึ้น 53 มม.)
  • ความกว้าง 1,797 มม. (เพิ่มขึ้น 68 มม.)
  • ความสูง 1,502 มม. (เพิ่มขึ้น 14 มม.)
  • ระยะฐานล้อ 2,570 มม. (เพิ่มขึ้น 50 มม.)
  • น้ำหนัก 1,285 กก.  (เพิ่มขึ้น 70 กก.)
  • ความจุสัมภาระท้ายรถ 293 ลิตร (ลดลง 57 ลิตร)
  • จำนวนที่นั่ง 5 ที่นั่ง

ภาพรวมของ MG3

  • ระบบส่งกำลังไฮบริดขั้นสูงให้ความประหยัด พร้อมสมรรถนะที่ดีเยี่ยม
  • รถยนต์แฮทช์แบ็ก B-segment ไฮบริดที่เร่งความเร็วได้เร็วที่สุดมอบคุณประโยชน์ด้านประสิทธิภาพในโลกแห่งความเป็นจริง
  • ความจุของแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าคู่แข่งช่วยให้ไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้นานขึ้น
  • ระบบไฮบริดอเนกประสงค์มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแยกต่างหาก ทำให้สามารถใช้งานโหมดไฮบริดได้หลายโหมด
  • ระดับการตัดแต่งที่หลากหลายช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกและความคุ้มค่าที่โดดเด่น
  • ภายในแบบหน้าจอคู่ช่วยเพิ่มความรู้สึกระดับพรีเมียมใน MG3
  • MG iSMART และ MG Pilot มอบการเชื่อมต่อและเพิ่มความปลอดภัย
  • มิติใหม่ที่ใหญ่ขึ้นรวมถึงพื้นที่ผู้โดยสารและพื้นที่บรรทุกที่เพิ่มขึ้น

ด้านการออกแบบ ส่วนหน้าของ MG3 ถูกกำหนดโดยกระจังหน้าขนาดยักษ์ที่ทอดยาวไปทั่วใบหน้าของรถ ขนาบข้างด้วยชุดช่องรับอากาศขนาดใหญ่ที่คล้ายกัน โดยมีตัวแยก ‘คาร์บอนไฟเบอร์’ อยู่ด้านล่าง ในทางตรงกันข้าม ส่วนท้ายออกแบบเรียบง่าย ไฟหน้าแบบ LED ตัวถังที่พลิ้วไหว เส้นฝากระโปรงเด่นชัด และตราสัญลักษณ์ MG ล้ออัลลอยออกแบบใหม่

ภายในของ MG3 มีจอแสดงผลแบบลอยคู่คล้ายกับ MG4 เช่นกัน ทุกรุ่นจะได้รับแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว ในขณะที่หน้าจอสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ววางอยู่บนแผงหน้าปัด MG กล่าวว่ากราฟิกและการตอบสนองของระบบสาระบันเทิง iSmart ได้รับการปรับปรุงสำหรับ MG3 สวิตช์สไตล์เปียโนบนแผงหน้าปัด นอกจากนี้ยังมีปุ่มและแผ่นควบคุมเพิ่มเติมที่อยู่บนพวงมาลัยสี่เหลี่ยมเล็กน้อย (จาก MG4 เช่นกัน) เบาะนั่งบุนวม ลายตารางหมากรุก เย็บตัดกันสีส้มสดใส เบาะคู่หน้าแบบปรับอุณหภูมิได้ พวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้ และกล้องจอดรถ 360 องศา

MG3 ใหม่มีความยาวและกว้างกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย ซึ่ง MG กล่าวว่าได้เพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับผู้โดยสาร และเพิ่มพื้นที่ท้ายรถจาก 285 เป็น 293 ลิตร

MG3 จะมีให้เลือกสองระดับ ได้แก่ SE และ Trophy โดยแม้แต่รุ่นพื้นฐานก็มีจอแสดงผลคู่, การเชื่อมต่อ Apple CarPlayและAndroid Auto , ระบบนำทางแบบ sat-nav, เครื่องปรับอากาศ, พอร์ตชาร์จ USB 4 พอร์ต, เซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง และกล้องมองหลัง รถยนต์เหล่านี้ยังได้รับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากมาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ ระบบเตือนการชนด้านหน้า และระบบช่วยรักษาเลน

“ ด้วยคุณลักษณะทั้งหมดที่จะเป็นผู้นำในระดับเดียวกัน MG3 ใหม่จะนำเสนอการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและสมรรถนะแก่ลูกค้าด้วยระบบส่งกำลัง Hybrid+ ที่น่าตื่นเต้นของ MG ” Aiden He ซีอีโอของ MG Nordic และ Benelux ให้ความเห็น “ ประณีตยิ่งขึ้น แต่ นอกจากนี้ ยังนำหลักปรัชญาในการขับขี่ที่สนุกสนานของเอ็มจีออกสู่ตลาด โดย MG3 มีอุปกรณ์ครบครันอย่างดีเยี่ยม ทั้งการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม และระบบความปลอดภัยของ MG Pilot”

ระบบความปลอดภัย MG Pilot 

  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB): ตรวจจับและเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันการชน
  • ระบบช่วยควบคุมเลน (LDWS): แจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS): ควบคุมรถให้อยู่ในเลนโดยอัตโนมัติ
  • ระบบตรวจจับจุดอับสายตา (BSD): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา
  • ระบบเตือนการชนด้านท้าย (RCW): แจ้งเตือนเมื่อมีรถอยู่ด้านหลังและมีโอกาสชน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC): ควบคุมความเร็วรถให้อยู่ในระดับที่กำหนดโดยอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ (APA): จอดรถโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คนขับ
  • ระบบตรวจสอบสภาพอากาศ (AWAS): แจ้งเตือนสภาพอากาศเลวร้ายบนท้องถนน
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAS): ช่วยให้รถออกตัวบนทางลาดชันได้อย่างปลอดภัย
  • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC): ควบคุมความเร็วรถให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยขณะลงทางลาดชัน
  • ระบบแสดงภาพรอบคัน 360 องศา (AVM): แสดงภาพรอบคันรถเพื่อช่วยให้จอดรถได้ง่ายขึ้น
  • ระบบบันทึกภาพเหตุการณ์ (DVR): บันทึกภาพเหตุการณ์บนท้องถนน

MG iSMART

MG iSMART เป็นระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่ รถยนต์ และโลกอินเตอร์เน็ต ช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดย MG iSMART มีฟังก์ชั่นหลักดังนี้:

1. SMART CONNECT:

  • เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน MG iSMART
  • เข้าถึงบริการต่างๆ เช่น แผนที่นำทาง, จุดสนใจ (POI), ข่าวสาร, สภาพอากาศ
  • ฟังเพลง ออนไลน์
  • เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเพื่อการโทรออก รับสาย และฟังเพลง

2. SMART COMMAND:

  • สั่งการด้วยเสียง ควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศ, ระบบเครื่องเสียง, และการโทรศัพท์
  • ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องละสายตาจากถนน

3. SMART CARE:

  • ตรวจสอบสถานะของรถยนต์ เช่น ระดับน้ำมันเครื่อง, แรงดันลมยาง
  • แจ้งเตือนการบำรุงรักษา
  • ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

4. SMART DRIVE:

  • ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ (ADAS) ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น ระบบเตือนการออกนอกเลน, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

5. FIND MY CAR:

  • ค้นหาตำแหน่งที่จอดรถของคุณ

 

เครดิตภาพ Carbuyer.co.uk

Autohome

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้