Ford Ranger 2022 ทดสอบความปลอดภัย 5 ดาว ANCAP ในออสเตรเลีย
Ford Ranger 2022 ได้รับการทดสอบความปลอดภัย ANCAP ระดับ 5 ดาว ของออสเตรเลีย การทดสอบได้รับการเผยแพร่ในวันที่ 12 กันยายน 2022
ANCAP คือการทดสอบการชนในออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ประกอบด้วยการทดสอบ การชนหน้าเต็มที่ ความเร็ว 64 กิโลเมตร/ชั่วโมง, การถูกชนข้างด้วยรถยนต์ และ การชนเสาไฟฟ้าที่ด้านข้าง มีหุ่นจำลองผู้ใหญ่ 2 ตัวอยู่บริเวณเบาะหน้า
FORD RANGER ได้รับคะแนนความปลอดภะัย ANCAP 5 ดาว
- การคุ้มครองผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 84%
- การรักษาเด็กให้ปลอดภัย 93%
- การปกป้องคนเดินถนนและนักปั่นจักรยาน 74%
- ระบบความปลอดภัยโดยรวมของรถ 83%
ถุงลมนิรภัย 9 ใบเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นต่างๆ ของ Ford Ranger ซึ่งรวมถึงถุงลมนิรภัยบริเวณเข่าสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และถุงลมนิรภัยตรงกลางระหว่างเบาะนั่งด้านหน้า ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของผู้โดยสารด้านหน้าชนกันเมื่อเกิดการชนด้านข้าง
ในขณะที่การคุ้มครองผู้โดยสารเด็กได้รับการบันทึกว่า “ดี” ANCAP ตั้งข้อสังเกตว่า พนักพิงสำหรับเด็กสามารถติดตั้งได้กับเบาะนั่งที่มีจุดยึดโยงด้านบนเท่านั้น และไม่มีจุดดังกล่าวในเบาะหลังตรงกลางของรุ่นห้องโดยสารคู่
“การทดสอบประสิทธิภาพของระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษาช่องจราจร และการช่วยเหลือความเร็ว ทั้งหมดทำคะแนนได้ดี
อย่างไรก็ตาม Active Park Assist ระบบช่วยจอดอัจฉริยะใน New Ford Ranger ทำงานได้ไม่ดีเท่าระบบที่อยู่ใน FORD EVEREST
ดีเซล 2.0 Turbo 6AT 2WD
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง
ดีเซล 2.0 Bi-Turbo 10AT 4WD
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4WD ที่ปรับเป็นขับเคลื่อน 2 ล้อ
ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift-On-The-Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา (set-and-forget mode) ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การขับขี่ของลูกค้าได้ในทุกสภาพถนน ทั้งยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ออฟโรดที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยตะขอเกี่ยวคู่หน้าที่กันชนหน้า
ระบบความปลอดภัย เช่น
- ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางพร้อมตัวช่วยตรวจจับเส้นถนน1
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
- ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัย 9 จุด
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอดBLIS
- ระบบปรับทิศทางและความเข้มของไฟหน้าอัตโนมัติ