วิ่งได้จริง 462 กม. จาก 700 กม./ชาร์จ AVATR 12 ระยะโฆษณาหาย 33.43% ทดสอบในจีน
AVATR 12 รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง แบตเตอรี่ลิเธียมแบบ Ternary Lithium Battery CATL 94.5kWh ระยะวิ่ง 700 กม./ชาร์จ CLTC จากการทดสอบวิ่งได้จริงเพียง 462 กม./ชาร์จ โดย Dongchedi นั้นแสดงว่าจากระยะที่โฆษณา และระยะจริงหายไปถึง 33.43% นั้นแสดงว่าระยะความสำเร็จของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้คือ 66.5% รายงานโดย Dongchedi เว็บรถยนต์ชื่อดังของประเทศจีน
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหลัง RWD
- ให้กำลัง 308 แรงม้า
- แรงบิด 370 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ Ternary Lithium Battery ขนาด 94.5kWh
- สามารถวิ่งได้ 700 กม./ชาร์จ CLTC
- รองรับการชาร์จ DC 240kW 0 – 80% SOS ภายใน 30 นาที
- รองรับการชาร์จ DC 240KW 30-80% SOS ภายใน 20 นาที ร
- องรับการชาร์จ AC 11KW 0-100% SOS ภายใน 11 ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม.
- รองรับการจ่ายไฟภายนอก 3.3KW
วัตถุประสงค์ในการทดสอบ เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพช่วงพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์ความเร็วสูงของยานพาหนะในช่วงฤดูร้อนและภายใต้สภาวะโหลดสูง
วิธีทดสอบ:
- ก่อนการทดสอบ ให้เปิดประตูและหน้าต่างของยานพาหนะและปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้สอดคล้องกับอุณหภูมิภายนอกโดยรอบ ในช่วงเวลานี้ ให้ชาร์จยานพาหนะอย่างช้าๆ จนกว่าจะชาร์จจนเต็ม
- น้ำหนักบรรทุกของยานพาหนะสม่ำเสมอ 380±5 กก. (รวมบุคลากร สัมภาระถือขึ้นเครื่อง อุปกรณ์ถ่าย ทำภาพยนตร์ ฯลฯ) แรงดันลมยางจะถูกปรับเป็นค่าสูงสุดที่แนะนำของผู้ผลิต
- ใช้โหมดการขับขี่ที่ประหยัดที่สุดด้วยความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม.
- ระบบปรับอากาศไว้ที่ 24°C
รายงานวันที่ 24 มีนาคม 2024 เผยว่าปัจจุบัน AVATR 12 ซีดานไฟฟ้ามียอดขายกว่า 40,000 คัน หลังจากเปิดตัว 10 พฤศจิกายน 2023 และส่งมอบครั้งแรกในวันที่ 10 ธันวาคม 2024 รวมระยะเวลากว่า 5 เดือน พร้อมเปิดตัวสีใหม่”Hui Gold” “ฮุ่ยโกลด์”
ก่อนหน้านี้ Chen Zhuo ประธาน AVATR Technology ได้ประกาศยอดการผลิต AVATR 12 ในเดือนนี้ 8,000 – 10,000 คัน และคาดว่าจะส่งมอบถึง 8,000 คัน แม้จะเผชิญกับความท้าทายในการจัดหาชิ้นส่วน ด้วยความช่วยเหลือจากการรับประกันการจัดหาแบบเร่งด่วนของ Huawei รถยนต์มากกว่า 2,000 คันก็ถูกส่งมอบภายในเวลาเพียง 20 วัน
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2024 AVATR Technology ประเทศจีนประกาศหั่นราคาจำหน่าย AVATR 12 รุ่นเิร่มต้นจากเดิม 300,800 หยวน หรือประมาณ 1.53 ล้านบาทเหลือเพียง 265,800 หยวน หรือประมาณ 1.36 ล้านบาท ลดลงกว่า 35,000 หยวน หรือประมาณ 180,000 บาท ทำให้ช่วงราคาจำหน่ายปัจจุบัน 265,800 – 400,800 หยวน หรือ 1.36 – 2.05 ล้านบาท
- 700 三激光后驱智享版 26.58 ประมาณ 1.36 ล้านบาท
- 700 三激光后驱奢享版 30.08 ประมาณ 1.53 ล้านบาท
- 650 三激光四驱性能版 34.08 ประมาณ 1.74 ล้านบาท
- 650 三激光四驱GT版 40.08 ประมาณ 2.05 ล้านบาท
AVATR 12 ดำเนินการออกแบบโดย Avita Global Design Center ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยมีแนวคิด “ล้ำยุค” เป็นแนวคิดในการออกแบบหลัก ซึ่งแสดงถึงเสน่ห์ด้านสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างขึ้นบนพื้นฐานของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ CHN รุ่นใหม่
AVATR 12 รูปลักษณืการออกแบบภายนอกคล้ายๆ AVATR 11 SUV ไฟฟ้า กระจังหน้าแบบปิดไฟหน้าแบบ LED เพรียวบาง พร้อมเส้นไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวสามารถแสดงไดนามิกของน้ำไหล การออกแบบทั้งหมดใช้พื้นฐานของ AVATR 11 อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเราสามารถอ้างอิงเทคโนโลยีจาก AVATR11 ได้แบบเต็มๆ ตัวถังออกแบบสไตล์ Slip-back ทำให้ดูปราดเปรียวและมีสไตล์มากขึ้น กระจกมองข้างแบบดิจิตอล ล้ออัลลอยขนาด 20 – 21 นิ้วตามเกรด
ขนาดัวถัง
- ยาว 5,020 มม.
- กว้าง 1,999 มม.
- สูง 1,460 มม.
- ระยะฐานล้อ 3,020 มม.
- ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ยาง 265/45 R20 และ ล้ออัลลอย 21 นิ้ว ยาง 265/40 R21
- น้ำหนัก 2,180 – 2,300 กก.
- ภายในรองรับ 5 ที่นั่ง
ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Vortex Emotional Eddy Current” เน้นกึ่งกลาง พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ เน้นความสปอร์ต และ หรูหราด้วยโทนดำ-เทา เบาะหนัง Nappa คู่หน้า เบาะนั่งด้านหน้าเป็นแบบ Bucket-Shape รองรับการปรับไฟฟ้า ระบบทำความร้อน และ ฟังก์ชั่นนวด ที่พักแขนตรงกลางมาพร้อมระบบชาร์จไร้สาย และตู้เย็นบริเวณด้านล่าง
จอไวด์สกรีนแบบพาโนรามาขนาด 35.4 นิ้ว ความละเอียด 4K พร้อมจอแสดงผลที่กระจกมองหลังด้านนอกทั้งสองด้านและข้อมูลการขับขี่บางส่วนอยู่ตรงกลาง ประกอบด้วย หน้าจอส่วนกลางแบบลอยขนาด 15.6 นิ้ว หน้าปัด Full LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสำหรับผู้โดยสารขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งระบบปฏิบัติ Hamony OS รุ่นล่าสุด ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับไฮเอนด์ เช่น Huawei ADS 2.0
ลำโพง 27 ตำแหน่ง + เพาเวอร์แอมป์ภายนอก 12 ช่อง ติดตั้ง RNC (Road Noise Cancellation) การลดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ และ เทคโนโลยีคลื่นเสียงแบบแอ็คทีฟ ASE (Active Sound Enhancement) พร้อมโหมดน้ำหอมเป็นอุปกรณ์เสริม
- ASE (Active Noise Cancellation) Sound Enhancement) เทคโนโลยีคลื่นเสียงแบบแอคทีฟที่สามารถจำลองเครื่องยนต์ได้หลากหลาย
ฟังก์ชันการชาร์จแบบไร้สาย สำหรับโทรศัพท์มือถือแถวหน้า ให้กำลังชาร์จสูงถึง 50W ซันรูฟพาโนรามาแบบแบ่งส่วนได้ - ระบบการจับคู่แผนที่มีความแม่นยำสูงช่วยให้ Avita 11 สามารถรับรู้ภาพได้สูง 360 องศา ทั้งกลางคืน แสงน้อย อุโมงค์ และ ความมืด ทำให้ไม่มีปัญหาในการรับรู้
- พร้อมกับโซลูชันสมาร์ทคาร์แบบฟูลสแตกของ Huawei ซึ่งรวมถึง Huawei Smart Driving, Smart Cockpit, ระบบเชื่อมต่อัฉจริยะ อินเตอร์เน็ต Smart Electric และ บริการคลาววด์ในรถยนต์
AVATR 12 ติดตั้ง Lidar 3 ตัว, เรดาร์คลื่น 6 มม., เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 13 ตัว พร้อมพลังประมวลผล 400TOPS สำหรับ Lidar ไม่เพียงแต่สามารถตรวจจับระยะไกลได้ 150 เมตรเท่านั้น แต่ยังมีความแม่นยำในการตรวจจับสูง พร้อมจำลองภาพ 3D เรนดาร์คลื่นมิลลิเมตร สามารถตรวจจับอย่างแม่นยำได้ไกลอีก 210 เมตร นอกจากนี้ยังตอบสนองต่อ การจดจำเลน การเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร ระยะห่างจากคนเดินถนน สิ่งกีดขวางวัตถุที่ต่ำ หรื เล็กจนมองไม่เห็น
- ระบบช่วยนำทางสำหรับการขับขี่อัจฉริยะของ NCA ในความเร็วสูง
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ APA
- ระบบช่วยจดจำสัญญาไฟจราจร
- ระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะ
- ระบบเตือนการเปิดประตู
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหลัง RWD
- ให้กำลัง 308 แรงม้า
- แรงบิด 370 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ Ternary Lithium Battery ขนาด 94.5kWh
- สามารถวิ่งได้ 700 กม./ชาร์จ CLTC
- รองรับการชาร์จ DC 240kW 0 – 80% SOS ภายใน 30 นาที
- รองรับการชาร์จ DC 240KW 30-80% SOS ภายใน 20 นาที ร
- องรับการชาร์จ AC 11KW 0-100% SOS ภายใน 11 ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม.
- รองรับการจ่ายไฟภายนอก 3.3KW
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD
- มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า ให้กำลัง 261 แรงม้า ม
- อเตอร์ไฟฟ้าหลัง ให้กำลัง 308 แรงม้า
- รวมกำลังสูงสุด 569 แรงม้า
- แรงบิด 650 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ Ternary Lithium Battery ขนาด 94.5kWh
- สามารถวิ่งได้ 650 กม./ชาร์จ CLTC
- รองรับการชาร์จ DC 240kW 0 – 80% SOS ภายใน 30 นาที
- รองรับการชาร์จ DC 240KW 30-80% SOS ภายใน 20 นาที ร
- องรับการชาร์จ AC 11KW 0-100% SOS ภายใน 11 ชั่วโมง
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที
- ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม.
- รองรับการจ่ายไฟภายนอก 3.3KW
ช่วงล่าง
- ระบบกันสะเทือนหน้า ปีกนกคู่อลูมิเนียมอัลลอยด์
- ระบบกันสะเทือนหลัง Five-link แบบอิสระ
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC (China Digital Car)
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC (China Digital Car) เป็นระบบกันสะเทือนที่พัฒนาโดยหัวเว่ย โดยใช้เทคโนโลยี AI และเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และการใช้งาน
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมประสิทธิภาพสูงสามารถปรับความสูงของรถได้ตั้งแต่ +25 มม. ถึง -20 มม. รวมถึงโหมดต่ำ ปานกลาง สูง ปรับได้ และอื่นๆ และสามารถเชื่อมโยงกับโหมดต้อนรับได้ ในขณะเดียวกัน สามารถปรับด้วยตนเอง 3 สปีดได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การขับขี่ในความถี่สูงอย่างต่อเนื่อง และสามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ต่างๆ ได้ตามต้องการ
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่:
- เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์ต่างๆ ติดตั้งอยู่ที่ล้อและตัวถังรถ เซ็นเซอร์เหล่านี้จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่และการใช้งานไปยังระบบควบคุม
- ระบบควบคุม ระบบควบคุมจะใช้ข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือน
- ชุดควบคุม ชุดควบคุมจะส่งสัญญาณไปยังโช้คอัพเพื่อให้ปรับความแข็งและระยะยุบตัว
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และการใช้งาน เช่น ความเร็ว สภาพถนน และลักษณะการขับขี่
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
- ความปลอดภัย ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่บนถนนที่ขรุขระ ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้นุ่มขึ้น เพื่อลดการสั่นสะเทือนและช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย
- ความสะดวกสบาย ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่บนถนนที่เรียบ ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้แข็งขึ้น เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี
- ประสิทธิภาพ ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับความเร็วและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้แข็งขึ้น เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดีและเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่
ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC กำลังถูกนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะหลายรุ่น เช่น BYD Dolphin และ SERES SF5 คาดว่าระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต
ระบบกระจายแรงบิดแบบไดนามิก iTRACK
ระบบกระจายแรงบิดแบบไดนามิก iTRACK ของ Huawei เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์และอัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างเหมาะสม
ระบบ iTRACK ประกอบด้วยโมดูลต่างๆ ต่อไปนี้:
- โมดูลเซ็นเซอร์: โมดูลนี้ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ความเร็วล้อ เซ็นเซอร์มุมล้อ และเซ็นเซอร์แรง G เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่
- โมดูล AI: โมดูลนี้ใช้อัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และตัดสินใจว่าจะกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างไร
- โมดูลควบคุม: โมดูลนี้ใช้ข้อมูลจากโมดูล AI เพื่อควบคุมระบบส่งกำลังและกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อ
ระบบ iTRACK มีประโยชน์มากมายสำหรับผู้ใช้รถยนต์ รวมถึง:
- การปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่โดยลดการลื่นไถลและการสูญเสียแรงบิด
- การปรับปรุงความปลอดภัย: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยโดยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ
- การปรับปรุงความสะดวกสบาย: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงความสะดวกสบายในการขับขี่โดยลดการสั่นสะเทือนและการยึดเกาะถนน
ระบบ iTRACK สามารถใช้ในรถยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ทุกประเภท
ตัวอย่างการใช้งานระบบ iTRACK ได้แก่:
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ในสภาพถนนที่เปียกหรือลื่น
- รถบรรทุกขนาดใหญ่: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยในการลากจูง
ระบบ iTRACK เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ก้าวล้ำ ซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของผู้ใช้รถยนต์ได้
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ iTRACK
ระบบ iTRACK ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ความเร็วล้อ เซ็นเซอร์มุมล้อ และเซ็นเซอร์แรง G เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่ ข้อมูลนี้รวมถึงความเร็วของล้อแต่ละล้อ ทิศทางการเคลื่อนที่ของรถยนต์ และแรงกดบนล้อแต่ละล้อ
โมดูล AI ของ iTRACK ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และตัดสินใจว่าจะกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างไร อัลกอริธึม AI ของ iTRACK ได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อมูลการขับขี่ ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
โมดูลควบคุมของ iTRACK ใช้ข้อมูลจากโมดูล AI เพื่อควบคุมระบบส่งกำลังและกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อ โมดูลควบคุมสามารถปรับแต่งแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพการขับขี่
ระบบ iTRACK เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ได้ ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์และอัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างเหมาะสม
https://www.car250.com/2023-avita-11-ev-china-new.html