Advertisement

Advertisement

นำเข้าขายลาว 1.82 ล้านบาท AVATR 12 ซีดานไฟฟ้า RWD 308 แรงม้า 700 กม./ชาร์จ CLTC

นำเข้าขายลาว 1.82 ล้านบาท AVATR 12 ซีดานไฟฟ้า RWD 308 แรงม้า  700 กม./ชาร์จ CLTC
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

ພາລວຍ ມໍເຕີ Phaluay Motor  ผู้นำเข้าอิสระในประเทศลาว นำเข้า AVATR 12 ซีดานไฟฟ้าสุดพรีเมียม พร้อมพรีเซลล์ในเกรดมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 700KM ราคาจำหน่ายในลาว 50,555$ หรือประมาณ 1.82 ล้านบาท นำเข้าทั้งคันจากประเทศจีน 

AVATR 12 ดำเนินการออกแบบโดย Avita Global Design Center ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยมีแนวคิด “ล้ำยุค” เป็นแนวคิดในการออกแบบหลัก ซึ่งแสดงถึงเสน่ห์ด้านสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์ สร้างขึ้นบนพื้นฐานของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ CHN รุ่นใหม่

AVATR 12 รูปลักษณืการออกแบบภายนอกคล้ายๆ AVATR 11 SUV ไฟฟ้า กระจังหน้าแบบปิดไฟหน้าแบบ LED เพรียวบาง พร้อมเส้นไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวสามารถแสดงไดนามิกของน้ำไหล การออกแบบทั้งหมดใช้พื้นฐานของ AVATR 11 อย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นเราสามารถอ้างอิงเทคโนโลยีจาก AVATR11 ได้แบบเต็มๆ ตัวถังออกแบบสไตล์ Slip-back ทำให้ดูปราดเปรียวและมีสไตล์มากขึ้น กระจกมองข้างแบบดิจิตอล ล้ออัลลอยขนาด 20 – 21 นิ้วตามเกรด

ขนาดัวถัง

  • ยาว 5,020 มม.
  • กว้าง 1,999 มม.
  • สูง 1,460 มม.
  • ระยะฐานล้อ 3,020 มม.
  • ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ยาง 265/45 R20 และ ล้ออัลลอย 21 นิ้ว ยาง 265/40 R21
  • น้ำหนัก 2,180 – 2,300 กก.
  • ภายในรองรับ 5 ที่นั่ง

ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Vortex Emotional Eddy Current” เน้นกึ่งกลาง พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ เน้นความสปอร์ต และ หรูหราด้วยโทนดำ-เทา เบาะหนัง Nappa คู่หน้า เบาะนั่งด้านหน้าเป็นแบบ Bucket-Shape รองรับการปรับไฟฟ้า ระบบทำความร้อน และ ฟังก์ชั่นนวด ที่พักแขนตรงกลางมาพร้อมระบบชาร์จไร้สาย และตู้เย็นบริเวณด้านล่าง

จอไวด์สกรีนแบบพาโนรามาขนาด 35.4 นิ้ว ความละเอียด 4K พร้อมจอแสดงผลที่กระจกมองหลังด้านนอกทั้งสองด้านและข้อมูลการขับขี่บางส่วนอยู่ตรงกลาง ประกอบด้วย หน้าจอส่วนกลางแบบลอยขนาด 15.6 นิ้ว หน้าปัด Full LCD ขนาด 10.25 นิ้ว หน้าจอสำหรับผู้โดยสารขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งระบบปฏิบัติ Hamony OS รุ่นล่าสุด ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะระดับไฮเอนด์ เช่น Huawei ADS 2.0

ลำโพง 27 ตำแหน่ง + เพาเวอร์แอมป์ภายนอก 12 ช่อง ติดตั้ง RNC (Road Noise Cancellation) การลดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ และ เทคโนโลยีคลื่นเสียงแบบแอ็คทีฟ ASE (Active Sound Enhancement) พร้อมโหมดน้ำหอมเป็นอุปกรณ์เสริม

  • ASE (Active Noise Cancellation) Sound Enhancement) เทคโนโลยีคลื่นเสียงแบบแอคทีฟที่สามารถจำลองเครื่องยนต์ได้หลากหลาย
    ฟังก์ชันการชาร์จแบบไร้สาย สำหรับโทรศัพท์มือถือแถวหน้า ให้กำลังชาร์จสูงถึง 50W ซันรูฟพาโนรามาแบบแบ่งส่วนได้
  • ระบบการจับคู่แผนที่มีความแม่นยำสูงช่วยให้ Avita 11 สามารถรับรู้ภาพได้สูง 360 องศา ทั้งกลางคืน แสงน้อย อุโมงค์ และ ความมืด ทำให้ไม่มีปัญหาในการรับรู้
  • พร้อมกับโซลูชันสมาร์ทคาร์แบบฟูลสแตกของ Huawei ซึ่งรวมถึง Huawei Smart Driving, Smart Cockpit, ระบบเชื่อมต่อัฉจริยะ อินเตอร์เน็ต Smart Electric และ บริการคลาววด์ในรถยนต์

AVATR 12 ติดตั้ง Lidar 3 ตัว, เรดาร์คลื่น 6 มม., เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว และกล้อง 13 ตัว พร้อมพลังประมวลผล 400TOPS สำหรับ Lidar ไม่เพียงแต่สามารถตรวจจับระยะไกลได้ 150 เมตรเท่านั้น แต่ยังมีความแม่นยำในการตรวจจับสูง พร้อมจำลองภาพ 3D เรนดาร์คลื่นมิลลิเมตร สามารถตรวจจับอย่างแม่นยำได้ไกลอีก 210 เมตร นอกจากนี้ยังตอบสนองต่อ การจดจำเลน การเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร ระยะห่างจากคนเดินถนน สิ่งกีดขวางวัตถุที่ต่ำ หรื เล็กจนมองไม่เห็น

  • ระบบช่วยนำทางสำหรับการขับขี่อัจฉริยะของ NCA ในความเร็วสูง
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ APA
  • ระบบช่วยจดจำสัญญาไฟจราจร
  • ระบบจำกัดความเร็วอัจฉริยะ
  • ระบบเตือนการเปิดประตู

มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหลัง RWD

  • ให้กำลัง 308 แรงม้า
  • แรงบิด 370 นิวตัน-เมตร
  • แบตเตอรี่ Ternary Lithium Battery ขนาด 94.5kWh
  • สามารถวิ่งได้ 700 กม./ชาร์จ CLTC
  • รองรับการชาร์จ DC 240kW 0 – 80% SOS ภายใน 30 นาที
  • รองรับการชาร์จ DC 240KW 30-80% SOS ภายใน 20 นาที ร
  • องรับการชาร์จ AC 11KW 0-100% SOS ภายใน 11 ชั่วโมง
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.7 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม.
  • รองรับการจ่ายไฟภายนอก 3.3KW

ช่วงล่าง

  • ระบบกันสะเทือนหน้า ปีกนกคู่อลูมิเนียมอัลลอยด์
  • ระบบกันสะเทือนหลัง Five-link แบบอิสระ

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC (China Digital Car)

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC (China Digital Car) เป็นระบบกันสะเทือนที่พัฒนาโดยหัวเว่ย โดยใช้เทคโนโลยี AI และเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และการใช้งาน

ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมประสิทธิภาพสูงสามารถปรับความสูงของรถได้ตั้งแต่ +25 มม. ถึง -20 มม. รวมถึงโหมดต่ำ ปานกลาง สูง ปรับได้ และอื่นๆ และสามารถเชื่อมโยงกับโหมดต้อนรับได้ ในขณะเดียวกัน สามารถปรับด้วยตนเอง 3 สปีดได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การขับขี่ในความถี่สูงอย่างต่อเนื่อง และสามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ต่างๆ ได้ตามต้องการ

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC มีส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่:

  • เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์ต่างๆ ติดตั้งอยู่ที่ล้อและตัวถังรถ เซ็นเซอร์เหล่านี้จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่และการใช้งานไปยังระบบควบคุม
  • ระบบควบคุม ระบบควบคุมจะใช้ข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือน
  • ชุดควบคุม ชุดควบคุมจะส่งสัญญาณไปยังโช้คอัพเพื่อให้ปรับความแข็งและระยะยุบตัว

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีขึ้น โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และการใช้งาน เช่น ความเร็ว สภาพถนน และลักษณะการขับขี่

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้

  • ความปลอดภัย ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่บนถนนที่ขรุขระ ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้นุ่มขึ้น เพื่อลดการสั่นสะเทือนและช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย
  • ความสะดวกสบาย ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับสภาพถนนและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่บนถนนที่เรียบ ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้แข็งขึ้น เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี
  • ประสิทธิภาพ ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ โดยระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้เหมาะสมกับความเร็วและลักษณะการขับขี่ เช่น หากผู้ขับขี่กำลังขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบจะปรับแต่งการตอบสนองของระบบกันสะเทือนให้แข็งขึ้น เพื่อช่วยให้รถเกาะถนนได้ดีและเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่

ระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC กำลังถูกนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะหลายรุ่น เช่น BYD Dolphin และ SERES SF5 คาดว่าระบบกันสะเทือนแบบไดนามิก CDC จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะในอนาคต

ระบบกระจายแรงบิดแบบไดนามิก iTRACK

ระบบกระจายแรงบิดแบบไดนามิก iTRACK ของ Huawei เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์และอัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างเหมาะสม

ระบบ iTRACK ประกอบด้วยโมดูลต่างๆ ต่อไปนี้:

  • โมดูลเซ็นเซอร์: โมดูลนี้ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ความเร็วล้อ เซ็นเซอร์มุมล้อ และเซ็นเซอร์แรง G เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่
  • โมดูล AI: โมดูลนี้ใช้อัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และตัดสินใจว่าจะกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างไร
  • โมดูลควบคุม: โมดูลนี้ใช้ข้อมูลจากโมดูล AI เพื่อควบคุมระบบส่งกำลังและกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อ

ระบบ iTRACK มีประโยชน์มากมายสำหรับผู้ใช้รถยนต์ รวมถึง:

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่โดยลดการลื่นไถลและการสูญเสียแรงบิด
  • การปรับปรุงความปลอดภัย: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยโดยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ
  • การปรับปรุงความสะดวกสบาย: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงความสะดวกสบายในการขับขี่โดยลดการสั่นสะเทือนและการยึดเกาะถนน

ระบบ iTRACK สามารถใช้ในรถยนต์ทุกประเภท ตั้งแต่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ เทคโนโลยีนี้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ทุกประเภท

ตัวอย่างการใช้งานระบบ iTRACK ได้แก่:

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคล: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่ในสภาพถนนที่เปียกหรือลื่น
  • รถบรรทุกขนาดใหญ่: ระบบ iTRACK สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยในการลากจูง

ระบบ iTRACK เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ก้าวล้ำ ซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของผู้ใช้รถยนต์ได้

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ iTRACK

ระบบ iTRACK ใช้เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น เซ็นเซอร์ความเร็วล้อ เซ็นเซอร์มุมล้อ และเซ็นเซอร์แรง G เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพการขับขี่ ข้อมูลนี้รวมถึงความเร็วของล้อแต่ละล้อ ทิศทางการเคลื่อนที่ของรถยนต์ และแรงกดบนล้อแต่ละล้อ

โมดูล AI ของ iTRACK ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และตัดสินใจว่าจะกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างไร อัลกอริธึม AI ของ iTRACK ได้รับการฝึกฝนบนชุดข้อมูลขนาดใหญ่ของข้อมูลการขับขี่ ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ

โมดูลควบคุมของ iTRACK ใช้ข้อมูลจากโมดูล AI เพื่อควบคุมระบบส่งกำลังและกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อ โมดูลควบคุมสามารถปรับแต่งแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพการขับขี่

ระบบ iTRACK เป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์ได้ ระบบนี้ใช้เซ็นเซอร์และอัลกอริธึม AI เพื่อวิเคราะห์สภาพการขับขี่และกระจายแรงบิดไปยังล้อแต่ละล้ออย่างเหมาะสม

 

 

 

https://www.car250.com/2023-avita-11-ev-china-new.html

Dongchedi/ Carscoop/ Autohome

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้