ปี 2024 BYD มีกำไร 173,222 ล้านบาท แต่ลงทุน R&D 253,885 ล้านบาท ปีนี้ BYD หวังยอดขาย 5.5 ล้านคัน

ปี 2024 BYD มีกำไร 173,222 ล้านบาท แต่ลงทุน R&D 253,885 ล้านบาท ปีนี้ BYD หวังยอดขาย 5.5 ล้านคัน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

เมื่อเร็วๆ นี้ BYD ได้เปิดเผยรายงานผลประกอบการปี 2024 โดยมียอดรายได้รวมสูงถึง 777,100 ล้านหยวน หรือ 3.64 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทแม่อยู่ที่ 40,250 ล้านหยวน หรือ 188,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% ส่วนกำไรสุทธิที่ไม่รวมรายการพิเศษ (กำไรสุทธิหลัก) อยู่ที่ 36,980 ล้านหยวน หรือ 173,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ในปี 2024 BYD มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกสูงถึง 4.27 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับปีก่อน และกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มียอดขายอันดับ 4 ของโลก

  • ลองหารกำไรของ BYD ปี 2024 รวม 173,222,000,000/4270000 เท่ากับว่า BYD มีกำไรจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพียงคันละ 40,567 บาทเท่านั้น

ด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) BYD ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 54,200 ล้านหยวน หรือ 253,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% สูงกว่ากำไรสุทธิส่วนของบริษัทในปีเดียวกันที่ 40,250 ล้านหยวน หรือ 188,540 ล้านบาท และมากกว่าบริษัท Tesla ถึง 21,900 ล้านหยวน หรือ 102,584 ล้านบาท หากเทียบกับคู่แข่งในจีน เช่น Geely ลงทุน R&D ที่ 15,890 ล้านหยวน, Nio ที่ 13,040 ล้านหยวน, Li Auto ที่ 11,070 ล้านหยวน และ XPeng ที่ 6,460 ล้านหยวน

จะเห็นว่า BYD ลงทุนด้าน R&D มากกว่าบริษัทรถยนต์จีนทั้ง 4 รายนี้รวมกัน โดยในช่วงปี 2011-2024 รวม 14 ปีที่ผ่านมา BYD มีการลงทุนด้าน R&D สูงกว่ากำไรสุทธิถึง 13 ปี สะสมยอดรวมไปแล้วกว่า 180,000 ล้านหยวน หรือ 843,161 ล้านบาท ล่าสุด BYD ได้เปิดตัวเทคโนโลยีสำคัญใหม่ๆ เช่น ระบบขับเคลื่อน DM เจเนอเรชันที่ 5, แพลตฟอร์มไฟฟ้าอัจฉริยะ “e³” (易三方), ระบบช่วยขับอัจฉริยะขั้นสูง “Eye of God” (天神之眼), ระบบโดรนอัจฉริยะบนยานยนต์ LingYuan และแพลตฟอร์มไฟฟ้าใหม่ล่าสุด “Super e-platform”

ณ สิ้นปี 2024 BYD มีเงินสดในมือสูงถึง 154,900 ล้านหยวน  หรือ 725,587 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้านโครงสร้างหนี้สิน BYD สามารถลดหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจาก 36,550 ล้านหยวน หรือ 171,206 ล้านบาท เหลือเพียง 28,580 ล้านหยวน  หรือ 133,875 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียง 4.9% ของหนี้สินรวม นับว่าต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม และเงินสดในมือยังสูงกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ยถึงกว่า 5 เท่า เรียกได้ว่ามีสภาพคล่องสูงเพียงพอ แม้จะไม่มีการกู้ยืมจากธนาคารเลยก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท

นายหวัง ฉวนฝู ประธานบริษัท BYD กล่าวว่า บริษัทจะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีต่อไปอย่างต่อเนรื่อง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ รวมถึงติดตามกระแสตลาดอย่างใกล้ชิด พัฒนาแบรนด์ในเครือที่หลากหลายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเร่งเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันให้จีนกลายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

สำหรับอนาคตอันใกล้ในยุคที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกต่างมุ่งหน้าไปยังการเปลี่ยนแปลงสู่ความอัจฉริยะ แบรนด์รถยนต์จีนไม่ได้เป็นเพียงผู้ตามอีกต่อไป แต่ BYD คือผู้ที่กล้าบุกเบิกในสมรภูมินี้ โดยจะก้าวนำแบรนด์รถยนต์จีนอื่นๆ ไปยืนอยู่แนวหน้าของอุตสาหกรรมระดับโลก “กล้าทำก่อนใคร กล้าไปให้ไกลกว่าทุกคน”

ปีนี้ BYD หวังยอดขาย 5.5 ล้านคัน

หวังชวนฝู (Wang Chuanfu) ประธานกรรมการของ BYD ได้ประกาศเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัทในปีนี้ที่ 5.5 ล้านคัน โดยในจำนวนนั้นจะมียอดขายจาก ตลาดต่างประเทศไม่น้อยกว่า 800,000 คัน หากคิดเป็นอัตราการเติบโต ยอดขายในจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ขณะที่ยอดขายต่างประเทศจะโตถึง 91.8% เรียกว่าไม่ใช่แค่บุก แต่ บุกแบบเทอร์โบ!

ปีนี้ BYD ก็จัดว่าเป็น “ปีทองของสินค้า”

โดยจะมี รถใหม่เปิดตัวเกือบ 20 รุ่นจากทั้ง 4 แบรนด์
ขณะที่รุ่นเดิมจำนวน 21 รุ่น ก็จะได้รับการ ไมเนอร์เชนจ์/เพิ่มเวอร์ชันใหม่ที่รองรับระบบขับขี่อัจฉริยะ

ด้านเทคโนโลยี BYD ก็จัดหนักเช่นกัน

ปีนี้เหมือนงัด “ปลาตัวใหญ่” จากบ่อเทคโนโลยีออกมาเพียบ เช่น

  • ระบบขับขี่อัจฉริยะสำหรับทุกคน
  • ระบบโดรนเชื่อมต่อกับรถ
  • ซูเปอร์ชาร์จความเร็วระดับเมกะวัตต์

เฉพาะเดือนมีนาคมเดือนเดียว BYD จัดไป 6 งานเปิดตัว! รถใหม่หลายรุ่นก็เริ่มทยอยลงตลาดเรียบร้อย

งบ R&D ก็บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา

แค่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา BYD ลงทุนวิจัยรวม 94.1 พันล้านหยวน มากกว่าที่ใช้ใน 10 ปีก่อนรวมกันเสียอีก

การวิจัยอย่างหนักทำให้ BYD มี “พลังแข่งขัน”

เพราะใช้กลยุทธ์แบบ ทำเองทั้งระบบ (Full-stack Self-developed)
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ต้นทุนต่ำจากสเกลการผลิต, สายพานการผลิตแนวตั้ง, หรือแม้แต่การ ทำเทคโนโลยีล้ำๆ ให้ราคาถูกลง

ยกตัวอย่างเช่น:

  • แพลตฟอร์ม BEV เจเนอเรชันใหม่ ใช้แรงดันไฟ 1,000V ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ 900V
  • แท่นชาร์จ Megawatt ให้พลังสูงถึง 1,000kW เติมเร็วระดับที่ สูสีรถน้ำมัน เลยทีเดียว

ด้านขับขี่อัจฉริยะ BYD ก็เดินเกมไว

ใช้ยอดขายระดับ หลักล้านคัน มาเฉลี่ยต้นทุน
รถเกือบทุกรุ่นจะมี “ตาเทพ (天神之眼)” สำหรับขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง
ภายในประกอบด้วย:

  • ชิป NVIDIA Orin X
  • เรดาร์ mmWave 5 ตัว

แต่สามารถกดราคาต้นทุนชุดนี้ลงเหลือ ประมาณ 3,000 หยวน
ถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมหลายร้อยหยวน

แบรนด์พรีเมียมในเครือ BYD ก็ลุยเต็มสูบ

ทั้ง Yangwang (仰望), DENZA (腾势), และ Fang Cheng Bao (方程豹) จะเป็นกำลังหลักของยอดขายปีนี้ โดยเฉพาะ DENZA ที่ตั้งเป้ายอดขาย เดือนละหลักหมื่นคัน

ด้านระบบขับเคลื่อน-แบตเตอรี่ BYD ก็อยู่แถวหน้าของจีน

ปีนี้จะโฟกัสพิเศษใน AI, อินโฟเทนเมนต์อัจฉริยะ, และ ระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง (ADAS) เรียกได้ว่า เกมเทคโนโลยีปีนี้ BYD กะปั่นให้มิดไมล์

Mydrive

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้