BYD เพิ่มกำลังผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 300,000 คัน เดือนสิงหาคม ในจีน
BYD (Build Your Dreams) เป็นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พวกเขาทิ้งเครื่องยนต์สันดาปเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา และ ก้าวสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และ ปลั๊กอินไฮบริดเต็มรูปแบบ
BYD กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าระดับแสนคันติดต่อกัน 4 เดือน สำหรับมิถุนายน BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้า 134,036 คัน
ล่าสุด BYD เผยแผนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าด้วยกำลัง 300,000 คันในเดือนสิงหาคม เป็นต้นไป เพื่อเร่งการส่งมอบรถยนต์ ภายใต้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ
แผนของ BYD คือการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือการคำสั่งซื้อที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน BYD มีคำสั่งซื้อสะสมกว่า 700,000 คันที่ยังไม่ส่งมอบ รายงานระบุโดยอ้างจากพนักงานขายของบริษัท
ฐานการผลิตของ BYD ในเหอเฟย มณฑลอานฮุย ทางตะวันออกของจีน ซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่ 6 ของบริษัทในประเทศจีน ได้เริ่มสายการผลิตในวันที่ 30 มิถุนายน 2022
ก่อนที่ฐานการผลิตเหอเฟยจะเข้าสู่การผลิต ฐานการผลิตทั้ง 5 แห่งของ BYD ในประเทศจีนตั้งอยู่ในเซินเจิ้น ซีอาน ฉางซา ฉางโจว และฝูโจว ปัจจุบันบริษัทกำลังสร้างฐานการผลิตใหม่ในเจิ้งโจว จี่หนาน และเซียงหยาง
สำหรับฐานการผลิตของ BYD ในจี่หนาน และ เจิ้งโจวจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ ตามรายงานของ Jiemian
นอกจากนี้ โรงงานของ BYD ในเขต Yuhua ของ Changsha ในมณฑลหูหนาน ซึ่งหยุดการผลิตไปเมื่อสองเดือนก่อน เนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันได้กลับมาดำเนินการผลิตแล้ว
BYD ยังได้เข้าซื้อกิจการโรงงานของ Dorcen Motor ผู้ผลิตรถยนต์ในฝูโจว มณฑลเจียงซี ซึ่งกำลังวางแปลงสายการผลิตทั้งหมดใหม่ เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
โรงงานจะเริ่มผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆ รวมถึง Dolphin ในปีนี้ และกำลังการผลิตต่อปีจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 200,000 คัน
ตลอดระยะเวลากว่า 27 ปีแห่งการพัฒนาแบตเตอรี่ BYD เปิดตัวกว่า 70 ประเทศ 400 เมือง และ ขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 1.9 ล้านคัน ลดการปล่อย C02 กว่า 11 ล้านตัน เท่ากับการปลูกต้าไม้ 896 ล้านต้น (2 มิถุนายน 2022)
Blade Battery
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ BYD Blade ได้รับการพัฒนามาหลายปี พร้อมกับเคมิลิเธียมไออน ฟอสเฟต (LFP) แทนการผสมนิกเกิลแมงกานีสโคบอลต์ (NMC) แทนที่จะมีหลายโมดูล BYD Blade Battery จะจัดเรียงเซลล์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้ประหยัดพื้นที่มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ
- Blade Battery ของ BYD ถูกออกแบบในลักษณะ cell-to-pack technology (CTP) ซึ่งทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานที่ค่อนข้างสูง ด้วยการแพ็คโดยตรงไม่คต้องแพ็คเซลล์ลงโมดูลก่อน ทำให้ไม่เสียพื้นที่ในการใช้งาน
- เทคโนโลยี CTP ชุดแบตเตอรี่จะถูกประกอบโดยตรงจากเซลล์โดยไม่ต้องใช้โมดูล ปัจจุบันมีผู้ผลิตแบตเตอรี่หลายรายกำลัผลิตแบบนี้ เช่น BYD Auto, CATL, LG Chem และ SVOLT
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB
CTB คือ Cell to Body แบตเตอรี่จะถูกรวมเข้ากับโครงสร้างด้านล่างของตัวรถโดยตรง ซึ่งช่วยลดพื้นที่ในการใช้งาน และ ปลอดภัยมากขึ้น
เทคโนโลยี CTB ได้ผ่านการทดสอบ ค่อนข้างหนัก เช่น นำรถบรรทุกหนัก 50 ตันเหยียบแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่มีความเสียหาย รวมทั้งการทดสอบความร้อนอื่นๆ ที่เกินมาตรฐาน
การออกแบบนี้ทำให้มีความแข็งแกร่งในการบิดตัวของตัวเครื่องเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับการออกแบบทั่วไปและมากกว่า 40,000 นิวตันเมตร/°
เทคโนโลยี CTB หรือ Cell to Body ของ BYD ได้เปลี่ยนจากโครงสร้าง ของแบตเตอรี่เป็นโครงสร้างส่วนหนึ่งของรถยนต์ ซึ่งรวมพื้นตัวถังและฝาครอบด้านบนของแบตเตอรี่เข้าด้วยกัน
เทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB ไม่เพียงช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของชิ้นส่วนโครงสร้างในส่วนล่าง ให้สามารถมีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างเพื่อป้องกันการชนด้านหน้า ด้านข้าง
สำหรับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ CTB จะถอดแบตเตอรี่ยาก และ แตกต่างจาก เทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่ของ NIO
เนื่องจากการสลับแบตเตอรี่ต้องมีชุดแบตเตอรี่ที่อิสระ และ สามารถเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว CTB ใช้ปริมาณแบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัด ทำให้เกิดพื้นที่ใช้งานภายในรถเพิ่มขึ้น น้ำหนักรถที่เบากว่า ค่าสัมประสิทธิ์การลากที่ต่ำกว่า และแรงต้านการหมุนที่น้อยลง
ดังนั้นจะเห็นว่า CTB มีจุดประสงค์ในการใช้งาน และ ช่วยเพิ่มระยะต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ได้ดีกว่า ตรงกันข้ามกับเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่อย่างรวดเร็ว ต้องใช้ชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และตัวเชื่อมที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และ ทำให้น้ำหนักมาก
ความยากในการพัฒนาเทคโนโลยี CTB ซับซ้อนเพื่อให้บรรลุการผลิตจำนวนมาก จำเป็นต้องมีส่วน R&D หลักสองส่วน ได้แก่ ระบบแบตเตอรี่ไฟฟ้า และ การพัฒนาโครงสร้าง
BYD ซื้อเหมืองแร่ลิเธียม 6 แห่ง ในแอฟริกา
ลิเธียม เป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ของการผลิตแบตเตอรี่ และ ล่าสุดทาง BYD กำลังอยู่ในการเจรจา เพื่อขอซื้อเหมืองลิเธียมในแอฟริกา 6 แห่ง
การเจรจาดังกล่าว ทำให้ BYD คาดการณ์ว่า หากสำเร็จ จะทำให้ BYD มีแบตเตอรี่เพียงพอในไตรมาสที่ 3 และ ไตรมาสต่อๆไป ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
ตามการคำนวณของ BYD เหมืองลิเธียม 6 แห่งมีแร่มากกว่า 25 ล้านตันโดยมีเกรดลิเธียมออกไซด์ 2.5% ซึ่งหมายความว่า มีลิเธียมคาร์บอเนตมากถึง 1 ล้านตันตามรายงาน
ฺBYD ต้องการให้ราคาของลิเธียมคาร์บอเนตต่อตันต้องต่ำกว่า 200,000 หยวน ปัจจุบันราคาลิเธียมคาร์บอเนตต่อตันสูงถึง 470,000 หยวน แม้ว่าลดลงในเดือนนี้ แต่มันก็ยังคงแพง
หากแร่ทั้งหมด 25 ล้านตันจากเหมืองในแอฟริกาถูกขุด มันจะเพียงพอสำหรับรถยนต์กว่า 27.78 ล้านคันด้วยแบตเตอรี่ 60 kWh รายงานของ The Paper
หากพิจารณารถไฮบริดที่มีความจุแบตเตอรี่เพียง 10 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง แร่ดังกล่าวจะเพียงพออย่างมากมาย
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า เหมืองแร่ทั้ง 6 แห่งสามารถตอบสนองความต้องการของการผลิตแบตเตอรี่ BYD ได้ซึ่งพวกเขาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 3 ของโลก รองจาก LG และ CATL อาจหมายความว่าปัญหาขาดแคลนแบตเตอรี่ไฟฟ้าอาจคลี่คลายในทศวรรษหน้า