Advertisement

Advertisement

เปิดตัวปีนี้ในจีน BYD Blade EV เจนที่ 2 ลดต้นทุนได้ถึง 15% วิ่งได้สูงสุด 1,000 กม./ชาร์จ ความจุเพิ่มขึ้น

เปิดตัวปีนี้ในจีน BYD Blade EV เจนที่ 2 ลดต้นทุนได้ถึง 15% วิ่งได้สูงสุด 1,000 กม./ชาร์จ ความจุเพิ่มขึ้น
Spread the love

Advertisement

Advertisement
Generated by pixel @ 2024-11-27T01:44:06.549967
Generated by pixel @ 2024-11-27T01:44:06.380085
Generated by pixel @ 2024-11-27T01:44:06.593929
Generated by pixel @ 2024-11-27T01:44:10.302441

 

BYD ตั้งเป้าลดต้นทุนแบตเตอรี่แบบใบมีด Blade battery รุ่นที่ 2 ลง 15% (ก่อนหน้านี้มีข่าว 30%) ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องนี้บอกกับ CarNewsChina แบตเตอรี่แบบใบมีด 2.0 ของ BYD จะมีความหนาแน่นของพลังงานสูงถึง 210 วัตต์ชั่วโมง/กก. 

  • ปัจจุบัน แบตเตอรี่ BYD Blade ใช้เทคโนโลยี LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ซึ่งเด่นเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเก็บพลังงาน โดยมีความหนาแน่นพลังงานประมาณ 160 วัตต์-ชั่วโมงต่อกิโลกรัม (Wh/kg) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ดีในกลุ่มแบตเตอรี่ LFP แม้ว่าแบตเตอรี่ประเภทนี้จะไม่สามารถเทียบกับแบตเตอรี่ NCM (Nickel-Cobalt-Manganese) หรือ NCA (Nickel-Cobalt-Aluminum) ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า แต่ LFP มีความทนทานกว่าและความเสี่ยงไฟลุกไหม้ต่ำกว่า

BYD จะนำเสนอแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตรุ่นที่ 2 แบบ Blade battery มีความหนาแน่นของพลังงาน 160 วัตต์ชั่วโมง/กก. อัตราการคายประจุสูงสุด 16 องศาเซลเซียส และอัตราการชาร์จ 8 องศาเซลเซียส ส่วนแบตเตอรี่แบบใบมีดยาวจะมีความหนาแน่นของพลังงานสูงถึง 210 วัตต์ชั่วโมง/กก. รองรับอัตราการคายประจุ 8 องศาเซลเซียส และอัตราการชาร์จ 3 องศาเซลเซียส

ตามรายงานของ Goldman Sachs Research (GSR) คาดว่าราคาแบตเตอรี่จะลดลงเกือบ 50% ภายในปี 2026 โดยราคาเฉลี่ยลดลงจาก 153 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงในปี 2022 เหลือ 149 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 111 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้

ก่อนหน้านี้ BYD ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี BYD DM 5.0 ของรถยนต์ Plug-in Hybrid เป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันติดตั้งในรถยนต์ BYD QIN l , SEALION EVO, BYD Seal 06 GT  , BYD SEAL EVO และ BYD SONG Series DM-i , นอกจากนี้ คิวต่อไปคือการเปิดตัว Blade EV เจเนอเรชันถัดไป หรือ เทคโนโลยีแบตเตอรี่เบลดเจเนอเรชันที่สองของบีวายดี ก่อนหน้านี้มีข่าวลือจะเปิดตัวปลายปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าคงไม่ทัน ต้องเปิดปีหน้า

  • แบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่มีขนาดเล็กลง ปลอดภัยขึ้น และราคาถูกลง พร้อมทั้งเพิ่มระยะทางการใช้งานให้สูงสุด
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไออนฟอสเฟต (LFP) ขั้นสูงรุ่นใหม่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 4 ปีหลังจากที่ BYD เปิดตัวแบตเตอรี่ Blade รุ่นแรก โดยอ้างว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไออนฟอสเฟต (LFP) ขั้นสูงรุ่นใหม่มีราคาถูกกว่าและปลอดภัยกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนรุ่นก่อนหน้า
  • ปัจจุบัน BYD เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจาก CATL และจัดหาชุดจ่ายไฟให้กับแบรนด์ดังอื่นๆ รวมถึง Tesla, Toyota, Kia และ Hyundai
  • กรรมการผู้จัดการ BYD ประจำเอเชียกลาง Cao Shuang เปิดเผยกับสื่อจีนว่า “ผมคิดว่าในปีหน้า 2025 BYD จะเปิดตัวแบตเตอรี่แบบใบมีดรุ่นใหม่อันน่าทึ่งของเรา” Cao กล่าวต่อว่าแบตเตอรี่ใหม่จะ”ช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่” ของBYD ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเต็มรูปแบบของแบตเตอรี่ใหม่ แต่เชื่อกันว่าความหนาแน่นที่มากขึ้นของ LFP ใหม่จะมอบระยะทางที่เป็นผู้นำในระดับเดียวกันและการชาร์จที่เร็วขึ้น
  • ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Wang Chaunfu ซีอีโอและผู้ก่อตั้งของ BYD เผยว่าแบตเตอรี่ Blade ตระกูลใหม่จะมอบระยะทางวิ่งได้ถึง 1,000 กม. ในรอบการทดสอบ CLTC

BYD เตรียมเปลี่ยนเกมอีกครั้งด้วยแบตเตอรี่ Blade EV รุ่นต่อไป Wang Chuanfu ซีอีโอของ BYD กล่าวว่าแบตเตอรี่ใหม่จะมีขนาดเล็กลงและเบาขึ้น โดยมีความทนทานเท่าเดิมในระหว่างการประชุมทางการเงินครั้งล่าสุด ตามรายงานของFast Technology

ด้วยการใช้ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตเป็นวัสดุแคโทด BYD สามารถทำให้แบตเตอรี่ราคาถูกลงได้มาก ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังให้ความหนาแน่นของพลังงานที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ NCM

BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนรายนี้กำลังขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว โดยมีแผนจะขายรถยนต์หนึ่งล้านคันในต่างประเทศในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 240,000 คันในปีที่แล้ว

EV ที่ถูกที่สุดของ BYD คือ Seagull ใหม่เริ่มต้นที่เพียง 69,800 หยวน และกำลังสร้างกระแสในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก่าแล้ว Jim Farley ซีอีโอของ Ford เรียกรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดว่า “ค่อนข้างดี” ในขณะที่เขาเตือนคู่แข่ง

Blade battery คืออะไร ?

BYD Blade Battery เป็นนวัตกรรมแบตเตอรี่ที่พัฒนาโดยบริษัท BYD Auto ซึ่งเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในด้านความปลอดภัยและต้นทุน

การเริ่มต้นพัฒนา

  • ก่อนปี 2020 BYD ใช้แบตเตอรี่ LFP (ลิเธียม-เหล็ก-ฟอสเฟต) ในผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าของตน เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ประเภท NCM/NCA
  • อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ LFP มีข้อเสียเรื่องความหนาแน่นพลังงานต่ำ BYD จึงพัฒนาโครงสร้าง Blade Design เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความหนาแน่นพลังงานและพื้นที่การจัดเก็บในแพ็กแบตเตอรี่

การเปิดตัว

  • ในเดือนมีนาคม 2020 BYD เปิดตัว Blade Battery อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มความปลอดภัย ความทนทาน และลดต้นทุนในรถยนต์ไฟฟ้า
  • รุ่นแรกที่ใช้ Blade Battery คือ BYD Han EV ซึ่งได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม

คุณสมบัติของ BYD Blade Battery

1. ความปลอดภัยสูง

Blade Battery ผ่านการทดสอบความปลอดภัยขั้นสูง เช่น:

  • Nail Penetration Test: การเจาะเซลล์แบตเตอรี่ด้วยตะปู ซึ่งแบตเตอรี่ไม่เกิดการลุกไหม้หรือระเบิด
  • ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 300°C โดยไม่มีปัญหาการลุกไหม้
  • ป้องกัน Thermal Runaway (การลุกไหม้ต่อเนื่องจากปฏิกิริยาเคมี) แม้ในกรณีเกิดความเสียหายร้ายแรง เช่น แรงกระแทกหรือการบีบอัด

2. การออกแบบโครงสร้าง (Blade Design)

  • รูปทรงแบบ “แผ่นยาว” ช่วยลดพื้นที่และเพิ่มการระบายความร้อน
  • เซลล์แบตเตอรี่เรียงชิดกันในลักษณะ Parallel Structure ทำให้สามารถลดวัสดุที่ใช้ในโครงสร้างแพ็ก
  • เพิ่มความหนาแน่นการจัดเก็บพลังงานในพื้นที่แบตเตอรี่โดยรวม

3. ความหนาแน่นพลังงาน

  • ความหนาแน่นพลังงานอยู่ที่ประมาณ 160 Wh/kg ซึ่งสูงสำหรับแบตเตอรี่ LFP
  • เมื่อรวมการออกแบบ Blade โครงสร้างทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ NCM ในบางรุ่น

4. อายุการใช้งาน

  • รองรับการชาร์จไฟมากกว่า 3,000 รอบ (เทียบเท่าระยะทาง 1.2 ล้านกิโลเมตร ในการใช้งานจริง)
  • มีความเสื่อมสภาพต่ำเมื่อใช้งานในระยะยาว

5. ความยั่งยืน

  • วัสดุ LFP ไม่มีโคบอลต์ (Cobalt-Free) ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและต้นทุนการผลิต
  • สามารถรีไซเคิลได้ง่ายกว่าประเภท NCM/NCA

6. การทนต่อสภาพแวดล้อม

  • สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งในอุณหภูมิสูงและต่ำ (-30°C ถึง 60°C)

ผลกระทบและการใช้งาน

  • Blade Battery ถูกใช้ในรถยนต์รุ่นหลักของ BYD เช่น Han EV, Tang EV, Dolphin, และ Seal
  • ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น (OEMs) เช่น Toyota, Mercedes-Benz, และ Tesla ในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้
  • เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ LFP ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เนื่องจากมีข้อได้เปรียบด้านความปลอดภัยและต้นทุน

 

e-Platform 3.0 และ EVO มีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ในปี 2024 BYD ได้เปิดตัว e-Platform 3.0 Evo ซึ่งเป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า โดยมีการรวมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 12-in-1 และมอเตอร์ที่มีความเร็วสูงถึง 23,000 รอบต่อนาที ยานยนต์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ได้แก่ BYD Atto 3 (หรือ Yuan Plus ในประเทศจีน) และ BYD Sealion 07 EV ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีการออกแบบและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

e-Platform 3.0

เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย BYD สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และประสบการณ์การขับขี่ที่ชาญฉลาด แพลตฟอร์มนี้มีคุณสมบัติเด่นดังนี้

  • ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 8-in-1: รวมหน่วยควบคุมยานยนต์ ระบบจัดการแบตเตอรี่ หน่วยจ่ายพลังงาน มอเตอร์ไฟฟ้า ตัวควบคุมมอเตอร์ ระบบส่งกำลัง และเครื่องชาร์จบนบอร์ดไว้ในหน่วยเดียว เพิ่มประสิทธิภาพและลดน้ำหนักของยานยนต์
  • แบตเตอรี่ Blade : แบตเตอรี่ที่มีความปลอดภัยสูงและประสิทธิภาพดีเยี่ยม ถูกผสานเข้ากับโครงสร้างยานยนต์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัวถัง
  • สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800 โวลต์: รองรับการชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จเพื่อให้ได้ระยะทาง 150 กิโลเมตรในเวลาเพียง 5 นาที
    เอ็มจีอาร์ออนไลน์
  • ระบบปั๊มความร้อน: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของยานยนต์ในสภาพอากาศเย็น
  • การออกแบบที่เน้นความสวยงามและประสิทธิภาพ: โครงสร้างที่มีระยะฐานล้อยาวและจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในและเสถียรภาพในการขับขี่
    BYD

e-Platform 3.0 Evo ของ BYD มีข้อน่าสนใจดังนี้

  • ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 12-in-1: รวมมอเตอร์ไฟฟ้า ตัวควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ซิลิคอนคาร์ไบด์ ตัวลดประสิทธิภาพสูง ตัวแปลง DC ตัวจัดการแบตเตอรี่ และโมดูลบูสต์อัจฉริยะไว้ในหน่วยเดียว เพิ่มประสิทธิภาพและลดน้ำหนักของยานยนต์
  • มอเตอร์ความเร็วสูง: มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความเร็วสูงสุดถึง 23,000 รอบต่อนาที ช่วยให้ยานยนต์สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กม./ชม.
  • การชาร์จเร็วอัจฉริยะ: รองรับการชาร์จด้วยกระแสสูงถึง 400A เมื่อใช้กับเครื่องชาร์จสาธารณะขนาด 250A ทำให้สามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ได้ในเวลาเพียง 25 นาที และจาก 30% ถึง 100% ใน 18 นาที
  • เทคโนโลยีปั๊มความร้อนประสิทธิภาพสูง: ใช้ระบบจัดการความร้อนแบบ 16-in-1 ที่ช่วยลดการใช้พลังงานในการจัดการความร้อนลงถึง 20% และเพิ่มระยะทางการขับขี่ในสภาพอากาศร้อนและเย็น
  • สถาปัตยกรรมความปลอดภัย CTB (Cell to Body): ผสานแบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างยานยนต์ เพิ่มความแข็งแรงและความปลอดภัยในการชนด้านหน้าได้ถึง 60%
  • เทคโนโลยีควบคุมการเคลื่อนไหวอัจฉริยะ: ระบบ iTAC (Intelligent Torque Control System) ช่วยปรับปรุงการควบคุมแรงบิด ลดเวลาการรับรู้การลื่นไถลเหลือ 50 มิลลิวินาที และลดมุมการหันเหสูงสุดลง 11.7%

สรุปได้ว่า e-Platform 3.0 EVO เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจาก e-Platform 3.0 โดยมีการปรับปรุงในด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ความเร็วของมอเตอร์ การชาร์จเร็ว เทคโนโลยีปั๊มความร้อน สถาปัตยกรรมความปลอดภัย และระบบควบคุมการเคลื่อนไหวอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยานยนต์ไฟฟ้า

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้