เปิดตัว NEW BYD Tang L DM-i และ BEV ในจีน เริ่มประมาณ 1.40 ล้านบาท ในฐาน SUV ขนาด 7 ที่นั่ง

เปิดตัว NEW BYD Tang L DM-i และ BEV ในจีน เริ่มประมาณ 1.40 ล้านบาท ในฐาน SUV ขนาด 7 ที่นั่ง
Spread the love

Advertisement

Advertisement

  

วันที่ 17 มกราคม 2025 ในประเทศจีน BYD ได้เปิดตัว BYD Tang L รถ SUV รุ่นเรือธงใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ โดยในอนาคตจะวางจำหน่ายควบคู่กับรุ่นปัจจุบันอย่าง BYD Tang ซึ่ง Tang L จะเป็นตัวเลือกที่พรีเมียมกว่า โดยมีตำแหน่งเป็น SUV ระดับเรือธงในราคาประมาณ 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.40 ล้านบาท พร้อมด้วยดีไซน์ใหม่และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่อย่างครบครัน

BYD Tang L มาพร้อมกับ แนวคิดการออกแบบ “Loong Face” ใหม่ล่าสุด หน้ารถติดตั้งไฟหน้าแบบแยกส่วนพร้อมไฟส่องสว่างกลางวัน (Daytime Running Light) ดีไซน์บางเฉียบ ให้ความรู้สึกทรงพลังและสง่างาม ด้านล่างมีช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟ (Active Air Intake) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพัดจีนโบราณ นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังมีเวอร์ชันติดตั้งเรดาร์เลเซอร์ (LiDAR) และเวอร์ชันพร้อมโดรนให้เลือกในอนาคต

ด้านข้างตัวรถยังคงเส้นสายที่ดูโค้งมน โดยใช้เส้นไหล่ (Shoulder Line) แบบลากเส้นเดียวช่วยเพิ่มความรู้สึกโฉบเฉี่ยวและสปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วออกแบบเพื่อลดแรงต้านลม ด้านท้ายของรถใช้ดีไซน์ไฟท้ายแบบ “ไม้ไผ่สาน” (Bamboo Weave) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากงานฝีมือแบบจีน จุดเด่นคือไฟท้ายที่ดูหรูหราและงดงามเมื่อเปิดใช้งาน

ขนาดตัวรถ

  • ยาว 5,040 มม.
  • กว้าง 1,996 มม.
  • สูง 1,760 มม.
  • ฐานล้อยาว 2,950 มม.

รถรุ่นใหม่นี้จะมีทั้งเวอร์ชันไฟฟ้าล้วน (BEV) ที่ผลิตบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 และเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่ติดตั้งเทคโนโลยี DM-i รุ่นที่ 5 นอกจากนี้ยังมีระบบเทคโนโลยี DiSus-C และ Eye of God สำหรับการขับขี่อัจฉริยะ

บีวายดี ถัง (Tang) ในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกตระกูล “ราชวงศ์” (Dynasty Series) ของ BYD ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีพลังงานใหม่อย่างต่อเนื่องในแต่ละเจเนอเรชัน แม้ถังจะไม่ได้เป็นรุ่นแรกที่เข้าสู่ยุคเทคโนโลยี DM รุ่นที่ 5 (Dual Mode Hybrid Generation 5) แต่ด้วยสมรรถนะ DM-p ที่สามารถเร่งความเร็วได้ในระดับ 3 วินาที และระยะการขับขี่ EV (พลังงานไฟฟ้าล้วน) ที่มากกว่า 700 กิโลเมตร ก็ทำให้ถังเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ และตอนนี้ ถัง L โฉมใหม่ พร้อมเผยโฉมในฐานะ SUV ขนาดใหญ่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

การออกแบบภายนอกที่ล้ำสมัย

  • ดีไซน์ด้านหน้า มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED ที่โดดเด่น โดยมีการผสานดีไซน์ระหว่างไฟ DRL และแผงตกแต่งฝากระโปรงหน้าได้อย่างลงตัว ไฟ DRL ใช้เทคโนโลยีแถบแสงคู่ที่ให้ความรู้สึกทันสมัย ส่วนไฟหน้าแยกสำหรับไฟสูง-ต่ำ คาดว่าจะถูกจัดวางในตำแหน่งแบบ C-Shaped เปิดเผยความเป็นไปได้ในการใช้งานระบบไฟแบบเมทริกซ์ (Matrix Lighting)
  • มีช่องระบายอากาศแบบแอคทีฟ (Active Air Intake)、มือจับประตูแบบซ่อน (Hidden Door Handles) และล้อที่มีแรงต้านลมน้อย (Low-Drag Wheels)
  • โครงสร้างตัวถังที่สมดุล เส้นสายของตัวรถถูกออกแบบให้เรียบง่ายแต่สื่อถึงความสปอร์ต หลังคามีความเรียบตรงช่วยเพิ่มความกว้างขวางให้กับภายใน ส่วนฐานล้อ (Wheelbase) ที่ยาวขึ้นทำให้ตัวรถมีสัดส่วนที่สมดุล ด้านดีไซน์มือจับประตูคาดว่าจะเป็นแบบซ่อนตัว (Flush Door Handles) เพื่อเสริมความทันสมัย
  • ท้ายรถที่โฉบเฉี่ยว ระบบไฟท้ายแบบแถบยาวที่ออกแบบให้มีลวดลายสาน (Woven Pattern) พร้อมขอบตกแต่งสีดำช่วยเพิ่มความลึกให้กับดีไซน์ ไฟเบรกด้านบนในสไตล์รถแข่ง และกันชนท้ายที่ออกแบบเน้นความสปอร์ต เพิ่มเสน่ห์ให้กับส่วนท้ายของรถ
  • ขนาดล้อมีให้เลือกทั้ง 20 นิ้ว และ 21 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย

ภายในห้องโดยสารของ BYD Tang L ได้รับการออกแบบโดยใช้แนวคิด “กระดูกสันหลัง” เป็นหัวใจสำคัญ สื่อถึงความแข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางของรถ พร้อมใช้วัสดุพรีเมียม เช่น แผ่นไม้ไผ่ตกแต่งแบบเฉพาะตัว ซึ่งเพิ่มมิติและความหรูหราในแบบจีนโบราณ

  • หน้าจอควบคุมกลางแบบลอยตัว + หน้าปัดดิจิทัล + ระบบ AR-HUD
  • การชาร์จมือถือแบบไร้สาย
  • ระบบเสียงระดับพรีเมียม (DiSound)
  • ตู้เย็นสำหรับเก็บของเย็นและร้อน
  • ระบบปรับอากาศพร้อมปล่อยกลิ่นหอม
  • ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ “ตาแห่งเทพเจ้า” (God’s Eye Driving System)

รถรุ่นนี้มาพร้อมกับเบาะแบบ 3 แถว (2+3+2) หุ้มหนังแท้ทั้งหมด พร้อมฟังก์ชันหลากหลาย เช่น

  • เบาะแถวหน้า: ปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทาง, มีระบบอุ่น, ระบายอากาศ, นวด และจดจำตำแหน่ง
  • เบาะแถวที่สอง: มีระบบอุ่น, ระบายอากาศ, นวด และฟังก์ชันช่วยเข้า-ออกง่าย
  • เบาะแถวที่สาม: สามารถพับเรียบเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ

ขุมพลังและเทคโนโลยีการขับเคลื่อน

  • เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
    • ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด DM-i รุ่นที่ 5
    • เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า
    • มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (ประมาณ 272 แรงม้า)
    • ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนมี 3 รุ่นย่อย: 135 กม., 150 กม. และ 165 กม.
  • เวอร์ชันไฟฟ้าล้วน (BEV)
    • สร้างบนแพลตฟอร์ม e-Platform 3.0
    • มีรุ่นมอเตอร์เดี่ยว (Single Motor) และมอเตอร์คู่ (Dual Motor)
    • รุ่นมอเตอร์เดี่ยวให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้า PS
    • รุ่นมอเตอร์คู่มีมอเตอร์หน้า-หลัง ให้กำลัง 312 แรงม้า และ 788 แรงม้า PS ตามลำดับ
    • แบตเตอรี่ Blade ขนาด 100.5kWh
  • ช่วงล่างและระบบกันสะเทือน
    • ช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut และด้านหลังแบบ 5-Link Suspension
    • ติดตั้งระบบ DiSus-C เพิ่มความนุ่มนวลและเสถียรภาพขณะขับขี่

ความท้าทายและความหวังในตลาด

การเปิดตัวถัง L เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการพัฒนา SUV ที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์ใหม่ๆ อย่าง Ideal (Li Auto) และ AITO ในกลุ่มรถ SUV ขนาดใหญ่ ถัง L จะไม่ได้เป็นแค่รถยนต์พลังงานใหม่ธรรมดา แต่จะเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของรถยนต์ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ

TANG L ไม่ใช่แค่การอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า แต่เป็นก้าวสำคัญของ BYD ในการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ SUV พลังงานใหม่ระดับไฮเอนด์ ด้วยดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีอัจฉริยะ และขุมพลังที่ทรงพลัง ถัง L จะไม่เพียงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในกลุ่ม SUV แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของอนาคตที่ BYD มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

Autohome

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้