TESLA ยังคงเป็นผู้นำ BEV ในปี 2024 ด้วยยอดขาย 1,789,226 คัน ส่วน BYD ขายไฟฟ้าล้วน 1,764,992 คัน
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 มีพัฒนาการที่สำคัญ โดย BYD แซงหน้า Tesla ในยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกเป็นครั้งที่สอง หลังจากเคยทำได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 รายละเอียดมีดังนี้
ผลประกอบการของ Tesla ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024
- ยอดส่งมอบรถยนต์:
Tesla ส่งมอบรถยนต์ทั่วโลกจำนวน 495,570 คัน ซึ่งต่ำกว่าที่ Wall Street คาดการณ์ไว้ที่ 512,277 คัน แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 และเพิ่มขึ้น 7.06% จากไตรมาสที่ 3- รุ่น Model 3 และ Model Y: ส่งมอบได้ 471,930 คัน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 484,575 คัน
- รุ่นอื่น ๆ (Model S, Model X และ Cybertruck): ส่งมอบได้ 23,640 คัน
- การผลิตรถยนต์:
Tesla ผลิตรถยนต์ทั้งหมด 459,445 คัน ในไตรมาสนี้- Model 3 และ Model Y: ผลิตได้ 436,718 คัน
- รุ่นอื่น ๆ: ผลิตได้ 22,727 คัน
- ยอดรวมตลอดปี 2024:
- ยอดส่งมอบ: 1,789,226 คัน ลดลง 1.07% จาก 1,808,581 คันในปี 2023 ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
- การผลิต: 1,773,443 คัน
- Model 3 และ Model Y: ผลิตได้ 1,679,338 คัน
- รุ่นอื่น ๆ: ผลิตได้ 94,105 คัน
ผลประกอบการของ BYD ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024
- ยอดขาย BEV:
BYD ขายรถ BEV สำหรับผู้โดยสารได้ 595,413 คัน ในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 13.11% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 34.28% จากไตรมาสที่ 3 - ยอดขาย NEV (BEV + PHEV):
ยอดขายรวมของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) อยู่ที่ 1,513,969 คัน ในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 60.61% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และ 34.07% จากไตรมาสก่อนหน้า - ยอดรวมตลอดปี 2024:
- BEV: ขายได้ 1,764,992 คัน ใกล้เคียงกับ Tesla ที่ขายได้ 1,789,226 คัน
- NEV: ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกิดจากการขายในตลาดจีนเป็นหลัก โดยยอดขายในต่างประเทศมีเพียง 8% ของยอดขาย NEV ทั้งหมด
การเปรียบเทียบ Tesla กับ BYD
- ตลาด BEV:
Tesla ซึ่งผลิตเฉพาะ BEV กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก BYD ที่มียอดขาย BEV เติบโตอย่างรวดเร็ว - การขยายตลาดทั่วโลก:
- Tesla พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และจีนเป็นหลัก โดยโรงงานในเซี่ยงไฮ้เป็นฐานการผลิตและส่งออกสำคัญ
- BYD มีฐานลูกค้าในจีนเป็นหลัก แต่กำลังขยายไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น
แนวโน้มในอนาคต
- Tesla จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ในวันที่ 29 มกราคม 2025 ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์และความท้าทายที่บริษัทเผชิญ
- การแข่งขันระหว่าง Tesla และ BYD แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาด EV ที่ถูกขับเคลื่อนโดยจุดแข็งด้านภูมิภาค ความสามารถในการผลิต และความต้องการของผู้บริโภค
Tesla ยังคงสร้างสถิติใหม่ในตลาดโลก โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มียอดขายที่น่าประทับใจในปี 2024 โดย Tesla Model Y ครองอันดับหนึ่งในยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศจีน ด้วยยอดสะสมมากกว่า 480,000 คัน นอกจากนี้ ยอดขายในเดือนธันวาคมยังสูงถึง 83,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 12.8% เมื่อเทียบรายเดือน และยอดขายทั้งปีทะลุ 657,000 คัน เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบรายปี
สำหรับการส่งมอบในปี 2024 Tesla ได้ส่งมอบรถยนต์ Model 3 และ Model Y รวมประมาณ 1.704 ล้านคัน พร้อมกับการผลิตที่ประมาณ 1.679 ล้านคัน แม้ว่าตัวเลขการส่งมอบในไตรมาสที่สี่จะสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยอดขายทั้งปีกลับลดลงครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ
การขยายโครงสร้างพื้นฐาน
Tesla ยังมุ่งมั่นในการขยายโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับผู้ใช้งานทั่วโลก โดยในปี 2567 มีการติดตั้งเสาชาร์จซุปเปอร์ (Supercharger) เพิ่มขึ้น 11,500 เสา หรือ เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบรายปี ทำให้จำนวนรวมเสาชาร์จทั่วโลกมากกว่า 67,000 เสา พร้อมแผนขยายเพิ่มเติมในปี 2568
ความสำเร็จในโรงงานจีน
โรงงาน Shanghai Gigafactory ของ Tesla ยังเป็นจุดสำคัญในความสำเร็จ โดยในเดือนตุลาคม 2567 ได้ผลิตรถยนต์คันที่ 3 ล้านคัน ซึ่งประมาณหนึ่งในสามของจำนวนนี้ถูกผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดเอเชียแปซิฟิกและยุโรป ตอกย้ำความสำคัญของจีนในฐานะศูนย์กลางการผลิตของ Tesla
ด้วยฐานผู้ใช้ที่เติบโตจนมีเจ้าของรถยนต์ Tesla มากกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ในปี 2567 Tesla ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก
ยอดขายรวม BYD ในเดือนธันวาคม 2024 รวม 514,800 คัน BYD QIN ยังนำอันดับ 1