รวมรถใหม่ เตรียมเปิดตัวไทย ในปี 2564
ต้อนรับปีหมู 2021 หรือ 2564 วงการรถยนต์ในประเทศไทย เริ่มคึกคัก ด้วยการจ่อเปิดตัวค่ายรถยนต์ GWM นำทัพโดย HAVAL ในประเทศไทยครั้งแรก ยักษ์ใหญ่วงการรถยนต์ในจีนรุกหนัก หลังจาก Chevrolet ประกาศเลิกจำหน่ายและผลิตในไทยช่วงกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาหรือเกือบ 1 ปี นับจากนั้นสถานการณ์ COVID-19 เริ่มเข้ามาในไทย และรุนแรงในช่วงมีนาคม ยอดขายรถยนต์ตกต่ำ โรงงานปิดชั่วคราว แรงซื้อน้อย ทำให้ปีที่ผ่านมา เป็นปีแห่งความยากลำบาก ของหลายๆอุสาหกรรม แต่เราจะผ่านพ้นไปด้วยกันเข้าสู่ปีใหม่ 2021 และรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
รถยนต์ที่จะเปิดตัวในไทยปี 2021
- All-NEW MAZDA BT-50
- HAVAL H6 รุ่นใหม่
- ORA Good Cat รุ่นใหม่
- HONDA ACCORD ไมเนอร์เช้นจ์
- HONDA CIVIC โมเดลเชนจ์
- NISSAN TERRA ไมเนอร์เช้นจ์
- HONDA HR-V โมเดลเชนจ์
- NISSAN NOTE โมเดลเชนจ์
- MAZDA 2 ไมเนอร์เช้นจ์
- Toyota Camry ไมเนอร์เชนจ์
- Subaru XV ไมเนอร์เชนจ์
MAZDA BT-50
สำหรับการทดสอบวันที่ 19 ธันวาคม 2020 เป็นเพียงให้สื่อเทสก่อนเปิดตัว Pre-review ตอนนี้ยังไม่ได้เผยราคาออกมาอย่างเป็นทางการในไทย
ปิกอัพที่อยู่เคียงข้างคุณมาตลอด สร้างความรู้สึกประทับใจและความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน กำลังจะกลับมาสร้างความรู้สึกดีๆ อีกครั้ง เร็วๆ นี้
สำหรับประเทศไทยมี 2 ตัวถังให้เลือกได้แก่ Freestyle Cab และ Dubble Cab มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 บล๊อกเดียวกับ ISUZU D-MAX
การเปิดตัวจะมีขึ้นไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2020 หรือ มกราคม – มีนาคม ไม่เกินนี้ รอกันยาวๆ
ราคาในออสเตรเลีย
กระบะตอนเดียว
- Single Cab 2WD AT : 36,550 เหรียญ ประมาณ 802,000 บาท
- Single Cab 4WD AT : 43,856 เหรียญ ประมาณ 974,000 บาท
- Apple CarPlay®และ Android Auto®
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปรับอัตโนมัติ
- กล้องถอยหลัง
Freestyle Cab 2 ประตู
- XT Cab Chassis 2WD ราคา $47,285 หรือประมาณ 1.04 ลบ.
- XT Cab Chassis 4WD ราคา $52,521 หรือประมาณ 1.04 – 1.16 ลบ.
- ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
- ที่ปัดน้ำฝนตรวจจับฝน
- ไฟหน้า LED
Dual Cab 4 ประตู
- XT Cab Chassis 2WD $51,356 หรือประมาณ 1.13 ลบ.
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
- กล้องถอยหลัง
- Android Auto ™และ Apple CarPlay®ไร้สาย
- XT Cab 2WD $50,566 หรือประมาณ 1.18 ลบ.
- เซนเซอร์จอดรถด้านหลัง
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ไฟหน้า LED
- XTR Cab 2WD $54,746 หรือประมาณ 1.21 ลบ.
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
- ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
- ระบบ keyless ขั้นสูง
- XT Cab Chassis 4WD $56,891 หรือประมาณ 1.25 ลบ.
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
- กล้องถอยหลัง
- Android Auto ™และ Apple CarPlay®ไร้สาย
- XTR Cab 4WD $56,101 หรือประมาณ 1.24 ลบ.
- เซนเซอร์จอดรถด้านหลัง
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ไฟหน้า LED
- XTR Cab 4WD $60,251 หรือประมาณ 1.33 ลบ.
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
- ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
- ระบบ keyless ขั้นสูง
- GT Cab 4WD $62,641 หรือประมาณ 1.38 ลบ.
- เบาะหนัง
- ซ็นเซอร์จอดรถด้านหน้า
- เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
รูปแบบตัวถังของทั้งสองมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น XT ระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD ในรุ่น 2WD มีให้เฉพาะกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดในขณะที่ 4 × 4 มีตัวเลือกทั้งแบบอัตโนมัติหรือแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
อุปกรณ์มาตรฐานใน Single Cab และ Freestyle Cab ทุกรุ่นประกอบด้วยไฟหน้า LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วและระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 7.0 นิ้วพร้อม Android Auto วิทยุดิจิตอล DAB + และ Apple CarPlay ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth
รวมถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCM ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดบอด Blind Spot Assist ระบบเตือนออกนอกเลน LDW ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ LKA เป็นต้น
Single Cab และ Freestyle Cab ลากจูงได้ 3500 กก. ลุยน้ำลึก 800 มม. น้ำหนักบรรทุกอยู่ระหว่าง 1120 กก. สำหรับ Freestyle Cab 4 × 2 ถึง 1186 สำหรับ 4 × 4 Single Cab
ทั้งหมดแน่นอนว่าสร้างบนพื้นฐานเดียวกัน รวมถึงขุมพลัง 3.0 ลิตรเหมือนกัน
- เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
NEW Mazda BT-50 เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในออสเตรเลีย และในไทยอีกไม่กี่เดือนจะเปิดตัวตามมาล่าสุดทาง ANCAP ออสเตรเลียได้รายงานว่า NEW Mazda BT-50 ทำการทดสอบผ่านมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยได้ระดับ 5 ดาว
- คะแนนปกป้องผู้ใหญ่ 83% ได้คะแนน 31.66 จาก ทั้งหมด 38
- คะแนนการปกป้องผู้โดยสารเด็กได้ 89% ด้วยคะแนน 44 จาก 49
- คะนนทางด้านการปกป้องคนเดินเท้ามีคะแนนต่ำกว่า Isuzu ปกป้อง 67% มีคะแนน 36.62 คะแนน จาก 54 คะแนน
- ระบบความปลอดภัย และช่วยเหลือการขับขี่ได้ 81%
เวอร์ชั่นออสเตรเลียติดตั้งระบบความปลอดภัยเช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบป้องกันการหลุดจากเลน ระบบ Advance Speed Assisted ในทุกรุ่นย่อย
เปิดราคา BT-50 dual-cab ute 11 รุ่นย่อย
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×2 auto: $44,090 หรือประมาณ 992,000 บาท
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×2 auto: $45,490 หรือประมาณ 1.02 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×4 manual: $49,360 หรือประมาณ 1.11 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×2 auto: $49,470 หรือประมาณ 1.11 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×4 manual: $50,760 หรือประมาณ 1.14 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×4 auto: $51,860 หรือประมาณ 1.16 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×4 auto: $53,260 หรือประมาณ 1.19 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×4 manual: $54,710 หรือประมาณ 1.23 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 GT dual-cab pickup 4×4 manual: $56,990 หรือประมาณ 1.28 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×4 auto: $57,210 หรือประมาณ 1.28 ล้านบาท
- 2021 Mazda BT-50 GT dual-cab pickup 4×4 auto: $59,990 หรือประมาณ 1.34 ล้านบาท
ล่าสุดทางเพจ Aussie Car News ได้เผยภาพการขนส่งของ NEW Mazda BT-50 ทั้ง 39 คัน ไปเปิดตัวในออสเตรเลีย โดยจะถึงท่าเรือขนส่งบริสเบนในสัปดาห์นี้โดยขนส่งโดยเรือ Florida Hwy
ช่วงเปิดตัว BT-50 ประกอบด้วยแชสซีแบบดูอัลแค็บและรูปแบบตัวถังรถกระบะดูอัลแค็บ มีให้เลือก 3 เกรดหลักๆได้แก่ XT , XTR , GT เปิดตัวช่วงตุลาคม 2020 ในออสเตรเลีย ก่อนขายไทย พฤศจิกายนนี้
เครดิตภาพ : CarExpert
ไม่แปลกที่มาสด้าต้องพัฒนากระบะให้ดีที่สุด การออกแบบของ BT50 โดย นายอิคุโอะ มาเอดะ (Ikuo Maeda) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ใช้หลักการออกแบบ Kodo Design มาใส่ในกระบะเพื่อตอบโจทย์ดีไซน์มากขึ้น
ด้านหน้าของรถกระบะคันใหม่นั้นมีชุดไฟหน้ามาสด้าที่คุ้นเคยซึ่งคล้ายกับของ Mazda CX-5 (และมาสด้ารุ่นอื่นทุกรุ่น) นอกจากนี้ยังพบที่ด้านหน้าเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมที่โดดเด่น ไฟตักดหมอกด้านล่างที่ไม่ค่อยจะโด่ดเด่น ไฟท้ายออกแบบใหม่ ที่มีรูปทรงแตกต่างจากเดิม แต่มิติภายในโคมยังไม่โด่ดเด่น
ขนาดตัวถัง
- กว้าง 5,280 มม.
- ยาว 1,870 มม.
- สูง 1,790 มม.
- ฐานล้อยาว 3,125 มม.
- รัศมีวงเลี้ยว 6.1 เมตร
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,065 กิโลกรัม
- การลากจูง 3,500 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ พร้อมบุหนังสีน้ำตาลบริเวณคอนโซลหน้า พวงมาลัยสามก้านแบบสปอร์ตและหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ที่มี Apple CarPlay และ Android Auto
พร้อมใช้ขุมพลัง และ พื้นฐานจาก ISUZU D-MAX
ดีเซล 3.0 VGS Turbo
- เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD และระบบขับเคลื่อนสองล้อ ตัวถังมีน้ำหนักเบากว่าโฉมปัจจุบัน
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Mazda BT-50 ปี 2021 มาพร้อมกับ
- ระบบควบคุม Hill Ascent และ Hill Descent แบบมาตรฐาน,
- Adaptive Cruise Control ระบบที่ช่วยควบคุมความเร็วในการขับขี่ให้สอดคล้องกับสภาพของการจราจรอย่างอัตโนมัติ ,
- Autonomous Emergency Braking ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ,
- Autonomous Emergency Warning ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ,
- Lane Departure Warning ระบบเตือนการออกนอกเลนส์ ,
- Blind Spot Monitoringระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาขณะขับขี่
- Rear Cross Traffic Alert ระบบเรด้าร์ที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถวิ่งผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- Mazda BT-50 ใช้พื้นฐานจาก D-max รวมถึง ช่วงล่าง เครื่องยนต์ของ ISUZU D-max แต่มีการปรับโช้คอัพและสปริงให้ความรู้สึกแตกต่างจาก D-max
- ย้ายผลิตจากโรงงาน ATT ระยอง ไปผลิตที่โรงงาน ISUZU และส่งขายทั่วโลก
- การออกแบบยังคงแนวคิด KODO Design เหมือนในมาสด้าทุกๆรุ่น
Mazda BT-50 single-cab chassis
Mazda BT-50 extra-cab chassis
Mazda BT-50 dual-cab chassis
NEW Mazda BT-50 เผยสเปคอย่างเป็นทางการในออสเตรเลีย ก่อนเปิดตัวช่วงตุลาคม มีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย แบ่งเป็น XT 2 รุ่น XTR 4 รุ่น และ GT (รุ่นท๊อป) 1 รุ่น
มี 7 สีให้เลือก
- สีเทา Concrete Grey Mica
- สีนำเงิน Gunblue Mica
- สีขาว Ice White Solid
- สีเทา Rock Grey Mica
- สีแดง Red Volcano Mica
- สีเงิน Ingot Silver Metallic
- สีดำ True Black Mica
ไม่แปลกที่มาสด้าต้องพัฒนากระบะให้ดีที่สุด การออกแบบของ BT50 โดย นายอิคุโอะ มาเอดะ (Ikuo Maeda) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ใช้หลักการออกแบบ Kodo Design มาใส่ในกระบะเพื่อตอบโจทย์ดีไซน์มากขึ้น
ด้านหน้าของรถกระบะคันใหม่นั้นมีชุดไฟหน้ามาสด้าที่คุ้นเคยซึ่งคล้ายกับของ Mazda CX-5 (และมาสด้ารุ่นอื่นทุกรุ่น) นอกจากนี้ยังพบที่ด้านหน้าเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมที่โดดเด่น ไฟตักดหมอกด้านล่างที่ไม่ค่อยจะโด่ดเด่น ไฟท้ายออกแบบใหม่ ที่มีรูปทรงแตกต่างจากเดิม แต่มิติภายในโคมยังไม่โด่ดเด่น
ขนาดตัวถัง
- กว้าง 5,280 มม.
- ยาว 1,870 มม.
- สูง 1,790 มม.
- ฐานล้อยาว 3,125 มม.
- รัศมีวงเลี้ยว 6.1 เมตร
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,065 กิโลกรัม
- การลากจูง 3,500 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ พร้อมบุหนังสีน้ำตาลบริเวณคอนโซลหน้า พวงมาลัยสามก้านแบบสปอร์ตและหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ที่มี Apple CarPlay และ Android Auto
พร้อมใช้ขุมพลัง และ พื้นฐานจาก ISUZU D-MAX
ดีเซล 3.0 VGS Turbo
- เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD และระบบขับเคลื่อนสองล้อ ตัวถังมีน้ำหนักเบากว่าโฉมปัจจุบัน
Mazda BT-50 XT
- ล้อแม็กซ์อัลลอย 17 นิ้ว
- ไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับได้
- ระบบ Cruise Control ในเกียร์ธรรมดา
- ระบบ Adaptive Cruise Control with Stop & Go ในเกียร์อัตโนมัติ
- หน้าจอกลาง Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 7.0 ลิตร รองรับการใช้งาน Apple CarPlay ทั้งเสียบสายและไร้สาย และ Android Auto
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth เพื่อใช้งานระบบ Hands-free
- กล้องมองหลัง
- ช่องชาร์จ USB ที่นั่งด้านหลัง
- ถุงลมนิรภัย 8 จุด
- ABS
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB)
- ระบบเตือนมุมบอดด้านข้าง Blind Spot Monitor (BSM)
- ระบบควบคุมการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC)
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนช่วงฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping (ELK)
- ระบบสัญญาณไฟเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal (ESS)
- ระบบควบคุมความเร็วเมื่อลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA)
- ระบบเตือนเมื่ออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
- ระบบป้องกันการออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane-keep Assist System (LAS)(มีเฉพาะในเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น)
- ระบบล๊อกเฟืองท้าย Locking Rear Differential (LRD) (เปิดปิดได้ เฉพาะรุ่น 4×4 เท่านั้น)
- ระบบเตือนรถวิ่งตัดด้านหลังเมื่อถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Roll Over Protection (ROP)
- ระบบ Secondary Collision Reduction
- ระบบป้องกันการลื่นไถลของรถ Traction Control System (TCS)
- ระบบ Speed Assist System
- ระบบ Turn Assist
Mazda BT-50 XTR เพิ่มเติมจากรุ่น XTR
- ล้อแม็กซ์อัลลอย 18 นิ้ว
- ไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับได้อัตโนมัติ
- ไฟตัดหมอก LED
- บันไดข้าง
- ไฟ Daytime Runing Light
- แอร์อัตโนมัติพร้อมระบบแยกโซน แะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
- พวงมาลัยหุ้มหนังและหัวเกียร์
- ไฟห้องโดยสารหรี่อัตโนมัติ
- ที่ท้าวแขนเบาะด้านหลัง
- หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
- ระบบนำทาง
- ระบบ Advanced keyless entry
Mazda BT-50 GT เพิ่มจาก XTR
- กระจกกรอบโครเมียมพร้อมระบบอุ่นกระจก
- เบาะหนังตัดขอบสีน้ำตาล
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะคู่หน้ามีระบบอุ่นเบาะ
- ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท
- เซ็นเซอร์ด้านหน้า
mazda.com.au
- Mazda BT-50 ใช้พื้นฐานจาก D-max รวมถึง ช่วงล่าง เครื่องยนต์ของ ISUZU D-max แต่มีการปรับโช้คอัพและสปริงให้ความรู้สึกแตกต่างจาก D-max
- ย้ายผลิตจากโรงงาน ATT ระยอง ไปผลิตที่โรงงาน ISUZU และส่งขายทั่วโลก
- การออกแบบยังคงแนวคิด KODO Design เหมือนในมาสด้าทุกๆรุ่น
Mazda BT-50 single-cab chassis
Mazda BT-50 extra-cab chassis
Mazda BT-50 dual-cab chassis
รวมชุดแต่ง Mazda BT-50 เจนใหม่ ในออสเตรเลีย
Mazda ออสเตรเลีย เผยภาพ Mazda BT-50 ชุดแต่งพิเศษพร้อมระบุว่า มีอุปกรณ์เสริมมากกว่า 100 รายการ Mzda BT-50 ใหม่จะมาพร้อมกับสปอร์ตบาร์ระดับพรีเมี่ยมที่ทำจากเหล็กเคลือบสีดำ และมีแผ่นปิดด้านข้างพร้อมตราสัญลักษณ์ BT-50 Mazda ฝาครอบโทนสีอ่อน ล้ออัลลอยสีดำ 18 นิ้วให้เลือก และมีอีกชุดแต่งมากมายเช่น BOSS ADVENTURE , BOSS SPORTS , BOSS TOURING , BOSS LIFESTYLE , BOSS SHADOW
HAVAL H6
GWM หรือ Great Wall Motor พร้อมเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 28 มกราคม 2020 และมีแผนเปิดตัวเรือธง SUV อย่าง HAVAL H6 เจนที่ 3 ในไตรมาสแรกปี 2020 คาดว่าไม่น่าเกิน Motor Show 2020 ปลายเดือนมีนาคม
ยอดขาย Haval H6 เกิน 55,000 คัน! และ Great Wall ขายได้ 45,000 คันในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยอดขายที่รุนแรงเป็นผลมาจากแรงพลักดันของแบรนด์ Haval H6, Haval Big Dog และ ORA รุ่นใหม่ยอดขายของ Great Wall Motor Group ก็เพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม Great Wall Motors ประกาศยอดขายในเดือนพฤศจิกายน 145,240 คันเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปีและเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนยอดขายสะสมของ Great Wall Motors อยู่ที่ 961,489 คันซึ่งครบปีถึงล้านแน่นอน
แบรนด์ Haval ขายได้มากกว่า 100,000 คันในเดือนพฤศจิกายนถึง 101,812 คันเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในแง่ของโมเดลในฐานะรุ่น “National No. 1 SUV” Haval H6 ยังคงเป็นรุ่นขายหลักของ Great Wall
Haval H6 ขายได้ระดับ 50,000 คันเป็นเวลาสองเดือนติดต่อกันและขายได้ 55,001 คันในเดือนพฤศจิกายนสร้างสถิติยอดขายใหม่ต่อเดือนสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบเป็นรายปีและยอดขาย SUV ต่อเดือนสะสมเป็นเวลา 90 เดือน ยังคงรักษาแชมป์
Haval Big Dog ซึ่งเป็นที่นิยมในชื่อ “Big Dog” มียอดขาย 8,555 คันในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 22%
Haval F1 ยังขายได้ 12,087 คันในเดือนพฤศจิกายนกลายเป็นอีกรุ่นที่ทำเงินได้ 10,000 คันในเดือนเดียวภายใต้ค่าย Haval
กระบะ Great Wall มียอดขาย 22,610 คันในเดือนพฤศจิกายนและเกิน 20,000 คันติดต่อกัน 7 เดือนโดยมีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 50% ในตลาดรถกระบะในประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนยอดขายสะสมอยู่ที่ 203,365 คันเพิ่มขึ้น 53% เมื่อเทียบเป็นรายปี
WEY Tank 300 จองเกิน 10,000 ในเวลาเพียงสองสัปดาห์
ORA มียอดขายรถยนต์ใหม่ 11,592 คันในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 415% เมื่อเทียบรายปี ORA Black Cat ขายได้ 9,463 คันในเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 373% เมื่อเทียบเป็นรายปีและเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน Great Wall Motors ได้ประกาศผลการขายในเดือนตุลาคมอย่างเป็นทางการ ที่ 136,000 คัน เพิ่มขึ้น 15% จากเดือนกันยายนและ 18% เมื่อเทียบเป็นรายปีทำให้มียอดขายต่อเดือนสูงสุด และครั้งนี้ HAVAL H6 ทำยอดขายสูงสุดอีกครั้งที่ 52,724 คัน
ในแง่ยอดขายสะสม GWM มียอดขายสะสม มกราคม – ตุลาคม รวม 816,000 คัน ลดลง 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ยอดขายรถกระบะ GWM มียอดขาย 20,000 คันในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบเป็นรายปียอดขายต่อเดือนเกิน 20,000 คันติดต่อกัน 6 เดือน ยอดขายสะสมของรถปิคอัพ Great Wall สูงถึง 180,000 คัน Great Wall Cannon ขายได้ 11,000 คันในเดือนตุลาคม
แบรนด์ Haval ขายได้ 98,000 คันในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 13% เทียบรายปี มกราคม – ตุลาคม สะสม 543,000 คัน
- HAVAL H6 ขายได้ 52,734 คัน
- HAVAL M6 16,657 คัน
- HAVAL F7 13,090 คัน
- Haval Big Dog ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 กันยายนปีนี้มียอดขายรวม 10,058 คันใน 36 วัน
- และอื่นๆ
แบรนด์ Ora มียอดขาย 8,000 คันในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 352% เมื่อเทียบเป็นรายปี ORA Good Cat 6,000 คัน นเพิ่มขึ้น 287% เมื่อเทียบเป็นรายปี
WEY เป็นแบรนด์เดียวที่ยอดขายลดลงเพียงเดือนเดียวของ Great Wall โดยลดลง 14% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 9,000 คัน
นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2011 (พ.ศ. 2554) HAVAL H6 เป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยยอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 3 ล้านคันภายในสิ้นเดือนธันวาคมปี 2562
- นับตั้งแต่ปี 2015 ถึงปี 2019 HAVAL H6 ได้คะแนนสูงสุดและเป็นอันดับหนึ่ง ของการจัดอันดับของ CACSI (ดัชนีความพึงพอใจของลูกค้ายานยนต์ในประเทศจีน Chinese Auto Customer Satisfaction Index)
การเข้าสู่ 3M Club (รถยนต์ที่มียอดขายสูงถึง 3 ล้านคัน) ต้องอาศัยความพยายามมากมาย โดย HAVAL H6 แบรนด์รถยนต์อิสระของจีนได้กลายมาเป็นรถยนต์หลักที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก
HAVAL H6 ยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกและรุ่นเดียวของจีนที่สร้างยอดขายได้ 3 ล้านคันได้ภายในเวลาเพียง 8 ปี เข้าไปอยู่ในรายการ Top 10 SUVs ของโลกติดต่อกัน 5 ปีซ้อน สร้างความตื่นเต้นในตลาดรถยนต์ของจีนด้วยยอดขายมากกว่า 80,000 คัน ต่อเดือน
สร้างความประทับใจด้วยการครองอันดับหนึ่งด้านยอดขายภายในประเทศติดต่อกัน 7 ปีรวมเป็น 81 เดือนต่อเนื่องกัน สร้างสถิตดการทำยอดขายรายเดือนสูงที่สุดถึง 80,495 คัน หรือในทุกๆ 33 วินาที จะทำยอดขายได้ 1 คัน
gwm.co.th
เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Haval H6 SUV เจนใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร + เบนซิน 1.5T
Beijing Motor Show 2020 (2020 Beijing International Automobile Exhibition (ครั้งที่ 16) หรือ Auto China 2020 มหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เตรียมจัดขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน (รอบสื่อ) ถึง 5 ตุลาคม 2020
Haval H6 ในฐานะรถยนต์ SUV ยอดขายดีตลอด 83 เดือน เจนปัจจุบันเปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 ในประเทศจีน รวมระยะเวลาเพียง 3 ปี เตรียมปรับไมเนอร์เช้นจ์ เพื่อกระตุ้นตลาดอีกครั้ง
Haval H6 มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด กระจังหน้าหกเหลี่ยมเพิ่มชั้นให้มีมิติมากขึ้น ไฟหน้าแคบเรียวยาว ไฟท้ายแบบบาร์ขยาย ไฟทับทิมแนวตั้ง กันชนหลังสีดำ โลโก้ HAVAL ใหม่ชัดเจนมากขึ้น
ความยาว 4,653 มม. ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,738 มม. ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 58 มม. จากรุ่นปัจจุบัน
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่สองหน้าจอแบบลอย นอกจากนี้รถใหม่ยังใช้คันเกียร์แบบลูกบิดและติดตั้งเบรกมือแบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมช่องแอร์คู่ด้านหลัง
เครื่องยนต์ GW4B15A 1.5T รุ่นที่สามของ Great Wall Motor ให้กำลังสูงสุด 169 แรงม้า และจะมีขุมพลัง 2.0 เทอร์โบให้เลือก สำหรับราคาตอนนี้ยังไม่เปิดเผย
Autohome
ORA Good Cat
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมหารือรองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มุ่งผลักดันประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมหารือรองนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มุ่งผลักดันประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน
กรุงเทพฯ – 8 ธันวาคม 2563 – ผู้บริหารระดับสูงของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) จากประเทศจีน นำโดย มร. เฮนรี่ เมิ่ง ประธานบริหาร เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ มร. แซม หลิว รองประธาน พร้อมด้วย มร. เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และคณะ เข้าร่วมประชุมทางไกล (Conference Call) และเข้าพบนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อหารือแนวทางในการร่วมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ในอนาคตต่อไป
ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เดินหน้าลงทุนและพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์โลกาภิวัฒน์ (Globalization)
โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนในการผลิตและส่งออกรถยนต์พวงมาลัยขวา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พร้อมแผนในการตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศไทย เพื่อศึกษา คิดค้น และนำเอาเทคโนโลยี และนวัตกรรมอันล้ำสมัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาทักษะ รวมไปถึงการจ้างงานให้กับบุคลากรไทยให้มีศักยภาพพร้อมทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าได้อย่างเต็มศักยภาพ
มร. เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในภูมิภาคอาเซียน ความพร้อมของบุคลากรและทรัพยากรในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ตลอดจนการสนับสนุนอันดีจากภาครัฐ ทั้งฝั่งรัฐบาลและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
ทางเราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะลงทุนและจัดตั้งศูนย์การผลิตและการวิจัยพัฒนาของบริษัทในประเทศไทย พร้อมให้การสนับสนุนทุกด้านอย่างเต็มที่เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการสร้าง ecosystem เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการพัฒนาวิชาชีพ การจ้างงาน และการรับฟังเสียงของประชาชนชาวไทย เพื่อให้พัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการผลิตและพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย”
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยว่า “ทางภาครัฐมีความยินดีและขอบคุณทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เห็นความสำคัญและเชื่อมั่นในประเทศไทย
การเข้ามาลงทุนของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวทางการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภาครัฐได้เป็นอย่างดี ทั้งในด้านการวิจัยที่เราจะได้มีมุมมองและองค์ความรู้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น
การพัฒนาระบบรถยนต์ร่วมกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ รวมไปถึงการสร้างทักษะใหม่ๆ ให้กับบุคลากรไทย และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า นับเป็นการช่วยยกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยรวมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย”
ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ดำเนินธุรกิจในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรถรวมทั่วโลก ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคันในแต่ละปี ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company)
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นในการส่งมอบนวัตกรรมรถยนต์และเทคโนโลยีอันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ แต่ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร สภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจของในแต่ละประเทศอยู่เสมอ เพื่อให้ทั้งบริษัทและทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของแต่ละประเทศและแต่ละภูมิภาค สามารถเติบโตและพัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ORA ES11 ในจีน
ORA Good Cat หรือ ES11 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมด้วยดีไซน์แบบ Retro Futurism กลมมนสุดคลาสสิก ที่ผ่านการพัฒนาให้สามารถวิ่งได้กว่า 501 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
Beijing Motor Show 2020 (2020 Beijing International Automobile Exhibition (ครั้งที่ 16) หรือ Auto China 2020 มหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เตรียมจัดขึ้นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน (รอบสื่อ) ถึง 5 ตุลาคม 2020
ด้วยแบตเตอรี่แบบ CTP และ Liquid Cooling System ซึ่งสามารถชาร์จได้กว่า 80% (จากแบตเตอรี่คงเหลือ 30%) ภายในเวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพรส์ด้วยการเผยโฉม ORA Good Cat GT ปรับลุคให้รถไฟฟ้า ORA มีความความโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น
มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 143 แรงม้า แรงบิต 155 นิวตัน-เมตร
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,235 มม.
- กว้าง 1,825 มม.
- สูง 1,596 มม.
- ฐานล้อ 2,650 มม.
ORA Good Cat ได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์ยุโรปเช่น Porsche 911, VW Beetle และ Fiat 500
ภายในห้องโดยสารโทนครีมชมพูสัมผัสหนังนุ่ม พวงมาลัยแบบสองก้าน จอแสดงผลดิจิทัลด้านหน้าคนขับและจอแสดงผลระบบบันเทิงแบบ Widescreen
ราคาจำหน่ายเริ่ม 105,000 – 145,000 หยวน หรือประมาณ 486,000 – 672,000 บาท
ORA ES11 GT
HONDA CIVIC
HONDA CIVIC เจนใหม่จะเปิดตัวในไทยช่วงกลางปีหน้า ยืนยันว่ามาพร้อมขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร และไฮบริด e:HEV ใหม่ซึ่งจะเป็นตัว TOP สุดของรุ่น สำหรับขุมพลัง 1.5 เทอร์โบน่าจะใช้ของเดิม แต่น่าสนใจตรงที่ e:HEV ใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัดว่าจะมาในรูปแบบเครื่องยนต์บล๊อกไหน
1.5T CVT
- เครื่องยนต์รหัส L15B7 บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 89.4 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.6 : 1 พ่วงเทอร์โบ กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E20
CIVIC SI ภาพเรนเดอร์
ล่าสุดมีการทดสอบวิ่ง CIVIC SI ตัวแรงมากเพิ่ม พร้อมดีไซน์ที่แตกต่างเพียงเล็กน้อย น่าจะมีเฉพาะตัวถัง Sedan เท่านั้น คูเป้ยกเลิกจำหน่าย (แรงสุดคือ Type R) ภาพเรนเดอร์ดังกล่าวแสดงให้เห็นการออกแบบที่แตกต่างด้านชุดแต่งพอสมควรจาก HONDA Civic Prototype โดยเฉพาะไฟท้ายลากยาวเชื่อมกันตรงตามที่เราเคยเห็นจากภาพสิทธิบัตร
กันชนหน้ากรอบไฟยังเหมือน CIVIC เจนปัจจุบัน แตกต่างที่ไฟหน้าใช้ไฟใหม่ กระจังหน้าใหม่
การทดสอบวิ่งดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ Hocking Hills ของรัฐโอไฮโอเมื่อวันอังคาร
หลังจากการเปิดตัว HONDA CIVIC Prototype เจน 11 เวอร์ชั่นต้นแบบล่าสุดทาง HONDA ออกมายืนยันอีกครั้งว่า CIVIC ใหม่จะมาพร้อม เกียร์ธรรมดา Si , และตัวแรงอย่าง Type R
หัวหน้าฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ Gary Robinson ระบุว่า จะมี มอเตอร์ไฟฟ้าที่รวมอยู่ในเพลาล้อหลังของ Type R และราคามันจะแพงรวมถึงมีจำนวนที่น้อยในการผลิต
การเปิดตัวจะมีขึ้นช่วงกลางปีหน้าสำหรับ CIVIC เจน 11 จะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและมีโอกาสที่รถแฮทช์แบ็กจะถูกนำเสนอในเวลานั้นเช่นกัน
ภาพดังกล่าวน่าจะเป็นสีตัวถัง Cosmic Blue Metallic มีการตกแต่งพิเศษ ตัวถังโหลดต่ำลง เสริมสเกิร์ตพิเศษรอบคัน รวมถึงโลโก้พื้นแดง HONDA เสริมสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ให้อารมณ์ รถแข่ง Rally พร้อมล้ออัลลอยสีดำลายใหม่ กระจกมองข้างสีดำ กรอบหน้าต่างสีดำ
เป็นเพียงภาพ CG ที่ Car250 ทำขึ้นเท่านั้นไม่เกี่ยวกับ HONDA MOTORS แต่อย่างใด
HONDA Civic Prototype เตรียมเปิดตัวในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายน 2020 เวลาสากลโลก 8PM EST พร้อมกันทั่วโลก สำหรับประเทศไทยคือ 8.00 น. ยังไงโปรดติดตาม เวอร์ชั่นต้นแบบไม่น่าจะแตกต่างจากขายจริงมากสักเท่าไหร่ น่าจะมีความคล้ายถึงระดับ 99%
Civic ใหม่ทั้งหมดที่จะเปิดตัวครั้งแรกในอเมริกาในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2021 โดยเป็นครั้งแรกในรูปแบบซีดานและตามด้วย Civic Hatchback, Civic Si และ Civic Type R
การออกแบบโดยรวมทำให้เรานึกถึง Honda Accord ด้านหน้ามีกระจังหน้ากว้างขนาบข้างด้วยไฟหน้าแบบ Bi-LED ไฟวิ่งกลางวันที่โดดเด่น รุ่นนี้ยังมีช่องดักอากาศกว้างและไฟตัดหมอกทรงใหม่มีคิ้วสีดำครอบ กระจกมองข้างสีดำ ล้อสีดำขนาด 19 นิ้วล้อสีดำขนาด 19 นิ้ว สีใหม่ Solar Flare Pearl สีส้มแสงอาทิตย์
ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่หมด มีการหยิบยกภายในของ Honda E มาลงใน CIVIC ใหม่ ออกแบบเรียบหรู ด้วยสี Piano Black หน้าปัด Full Digital หน้าจอสัมผัสส่วนกลางแบบลอยตัว ขนาด 9 นิ้ว มีการลดปุ่มที่ไม่จำเป็นออกไปจำนวนมาก พวงมาลัย 3 ก้านออกแบบใหม่ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ใหม่ โดยรวมมีการปรับเปลี่ยนอย่างมาก ส่วนรายละเอียดน่าจะได้เห็นจริงๆ วันเปิดตัวปีหน้า
อัพเกรดความปลอดภัยของ Honda Sensing และเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ในขณะเดียวกันก็รวมถึงการออกแบบถุงลมนิรภัยใหม่ด้วย ยังมีโครงสร้างตัวถัง Advanced Compatibility Engineering เวอร์ชันใหม่ที่ปรับปรุงการป้องกันการชนของผู้โดยสาร และคนเดินถนน
Honda ยืนยันว่า Civic ปี 2022 จะผลิตในอเมริกาเหนือโดย Hatchback จะสร้างขึ้นที่โรงงาน Greensburg รัฐ Indiana
CIVIC Hatchback
CIVIC Hatchback ปรับปรุงการออกแบบใหม่เช่นกันด้านกันชนหน้าปรับปรุงใหม่ตัดคิ้วตกแต่งออก ไฟหน้าแบบ LED ด้านข้างตัวถังคล้ายๆ Sedan ไฟท้ายแบบ LED ลากยาวเชื่อมทั้งสองฝั่ง กันชนหลังออกแบบใหม่ตัดคิ้วตกแต่งออก เสริมกรอบหน้าต่างโครเมี่ยมเพิ่มความหรูหรา
CIVIC SEDAN
การออกแบบ HONDA CIVIC SEDAN เจนใหม่มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรโดยเฉพาะในส่วนการออกแบบด้านหน้า กันชนหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้าแบบ LED ที่เรียวยาวมากขึ้น เส้นด้านข้างออกแบบใหม่ให้มีความสปอร์ตมากกว่า ด้านท้ายออกแบบใหม่มาพร้อมไฟท้าย LED กันชนท้ายใหม่ เพิ่มความยาวของหน้าต่างเสา C เพียงเล็กน้อย
การปรับ ไมเนอร์เช้นจ์ในไทย ตอนไหน ?
Honda Civic เปิดตัวรุ่น Hatcback RS เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ไม่ใช่รุ่นปรับโฉมแต่อย่างใด แต่มาพร้อมการตกแต่งเพิ่มเติมบนตัวถัง 5 ประตู ปัจจุบัน Honda Civic พัฒนาทั้งหมด 10 เจนเนอเรชั่น นับตั้งแต่เจนที่ 1 ปี 2516 – เจนที่ 10 ปี 2559 ระยะเวลาขายกว่า 43 ปี ความไว้วางใจของแฟนๆ CIVIC ยังคงหอมหวานอยู่
รอบวงการปรับเราขอย้อน 4 เจน (อ้างอิงจาก wikipedia)
- เจนที่ 7 – 2000 – 2006 (6 ปี)
- เจน่ที่ 8 2006 – 2011 (5 ปี)
- เจนที่ 9 2011 – 2015 (5 ปี)
- เจนที่ 10 2016 – ปัจจุบัน
- เจนที่ 11 2021 กลางปีหน้า
จะเห็นได้ว่าระยะเวลาการปรับเจนระหว่าง 5 – 6 ปี และรุ่นหลังๆอย่างรุ่นที่ 9 มีระยะเวลาการปรับเพียง 5 ปี และทีมงานคาดว่า รุ่นที่ 10 ที่เปิดตัวในปี 2016 คาดว่าการปรับโฉมน่าจะลากยาวถึงปี 2021
เราคงคาดหวังการปรับรุ่นครั้งนี้ไม่ได้เลย แต่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นแน่ๆคือการใส่ระบบความปลอดภัย Honda SENSING ในเกือบทุกรุ่นย่อย (ปัจจุบันมีเฉพาะในรุ่น 1.5 VTEC TURBO RS และ Hatcback RS ) รวมถึงสีตัวถังใหม่ๆ
ปัจจุบันยกเลิกจำหน่ายรุ่น Coupe 2 ประตูอย่างเป็นทางการ
Kleber Silva นักออกแบบอิสระ ที่ชอบดีไซน์รถยนต์ก่อนเปิดตัว และมีความแม่นยำสูง แต่หากมองจากภาพทดสอบวิ่ง ไม่ค่อยเหมือนสักเท่าไหร่ยกเว้นของกระจกเสา C ที่คล้ายๆ แต่สำหรับส่วนหน้า มีการหยิบยกแนวทางการออกแบบจากพี่ใหญ่ Accord เจนปัจจุบัน มาใส่ใน CIVIC ทำให้ดูน่าสนใจมาก แต่ด้านท้ายยังคงเอกลักษณ์ CIVIC เจนปัจจุบันไว้ ลดขนาดของไฟทับทิม เสริมท่อใหม่ ปรับปรุงดีไซน์โดยรวมพอสมควร
หากมองจากภาพทดสอบวิ่ง เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ของ Honda Civic เจน 11 ด้านหน้าปรับปรุงดีไซน์ใหม่หมด กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ ไฟตัดหมอกใหม่ ฝากระโปรงหน้ามีช่องลมเล็กๆ ด้านข้างแน่นอนใหม่ โดยเฉพาะหน้าต่างผู้โดยสารด้านหลังเสา C มีการปรับมุมใหม่ เรารู้สึกว่ามีการเพิ่มขนาดของโป่งล้อเพียงเล็กน้อย ไฟท้ายดีไซน์ใหม่เช่นกัน
แต่น่าเสียดายไม่เห็นภายในห้องโดยสาร เพราะรถทดสอบวิ่งเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นข้างในได้ชัดเจน แต่อย่างใด คงต้องติดตามกันต่อไป สำหรับ CIVIC เจนใหม่ ช่วงนี้เห็นทดสอบกันบ่อย เหมือนเร่งวันเปิดตัว
HONDA HR-V
ขอบคุณภาพเรนเดอร์จากศิลปินดิจิตอล Theophilus Chin ที่ผสมผสานการออกแบบระหว่างภาพทดสอบวิ่งของ NEW HR-V กับตัวรถ Honda e Concept ที่เปิดตัวในปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา ด้วยการออกแบบแถบกระจังหน้าโครเมียม“ Solid Wing Face” ไฟหน้าแบบ Full LED เรียวยาว ไฟหลังเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว
หากมองจากภาพทดสอบวิ่ง เราสังเกตได้เลยว่า HR-V เจนใหม่ พัฒนาบนตัวถัง Coupe SUV
การเปิดตัวของ Honda HR-V เจนที่ 3 บนแพลตฟอร์มใหม่ จะมีขึ้นภายในปี 2021 หรือปี 2564 อย่างแน่นอน ช่วงกลางปีหน้าในประเทศญิ่ปุ่น และอาจมีรุ่นไฮบริดอย่าง e:HEV เสริมทัพเพื่อเป็นอีกทางเลือกเสริมของตลาด ทั้งนี้ต้องรอติดตามกันอีกที
- ขนาดตัวถัง Toyota Raize ความยาว 3,995 มม. ความสูง 1,695 มม. ความกว้าง 1,620 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,525 มม. ความจุสัมภาระ 369 ลิตร (ขนาดตัวถังเล็กกว่า Yaris เจนใหม่)
ขนาดมิติตัวถังที่เราคาดหวังใน HR-V 1.0 Turbo คือ ยาว x สูง x กว้าง 3,990 X 1,695 X 1,600 มม. น้ำหนักตัวถัง 1,180 กก. แนวโน้มเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.0 VTEC Turbo ให้กำลัง 129 แรงม้า แรงบิต 180 นิวตัน-เมตร + i-MMD มอเตอร์ไฟฟ้า
ปัจจุบัน Honda HR-V หรือญี่ปุ่นเรียก Vezel Touring / Vezel Hybrid จะมีเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้า คาดว่าขุมพลังนี้ จะได้รับการยกเลิก แทนด้วย 1.0 Turbo ในอนาคต
นอกจากนี้ยังเสริมเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing เช่น
- ACC ( Adaptive Cruise Control)
- CMBS ( Collision Mitigation Braking System)
- LKAS (Lane Keeping Assist System) และ
- RDM (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning (LDM) )
Honda HR-V ใหม่ เครื่องยนต์ 1.0 Turbo คงขายเฉพาะในแดนปลาดิบ แต่สำหรับไทย ต้องรอลุ้นกันอีกที จะมีการปรับแค่ MC ? อันนี้เป็นไปได้ แต่ถ้า Toyota Raize ยังไม่ขายไทย HR-V จะเปิดตัว 1.0 Turbo ในบ้านเราทำไม ?
เมืองไทยแบกโฉมปัจจุบันตั้งแต่ปี 2559 หากปรับโฉมคงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่การปรับใหญ่ครั้งนี้ต้องรอทางญี่ปุ่นเปิดตัวก่อน คาดว่าคงได้เชยขมประมาณปลายปี 2564
กระจังหน้าคุ้นๆหรือเปล่า ? การออกแบบดังกล่าวหยิบดีไซน์จาก Honda Insight Hybrid อย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงไฟตัดหมอกและไฟหน้า หรือเราเรียกว่า HR-V หน้า Insight ด้านท้ายไม่เหมือน Insight ยกเว้นไฟท้ายที่มีโคมคล้ายๆกัน การออกแบบโดยรวมบนตัวถังทูโทน เสริมคิ้วโครเมี่ยมกรอบกระจกบน
การออกแบบคล้ายๆ Honda Insight เราเคยเห็นภาพเรนเดอร์ก่อน CITY จะเปิดตัว ซึ่งหลายท่านให้ความสนใจไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้น CITY ที่เราคาดหวังก็ได้เปิดตัวอีกแบบซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก แต่ไม่เป็นไร HR-V ที่คาดหวังหน้าแบบ Insight ได้หยิบยกดีไซน์จากนักออกแบบ ให้ดูพลางๆ ก่อนจะเปิดตัวจริงในปี 2021 ซึ่งตอนนี้คาดเดาอะไรไม่ได้เลย
ต้องขอขอบคุณศิลปินดิจิตอลอีกครั้ง Kleber Silva ได้รังสรรค์ผลงานใหม่ๆ ให้เราได้ติดตามล่าสุดเผยภาพตัดต่อระหว่างว่าที่ HR-V เจนใหม่ และต้นแบบ Honda SUV e : concept ที่เผยโฉมในงานปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
การออกแบบดังกล่าวสร้างความน่าสนใจไม่น้อยบนตัวถัง SUV e Concept กระจังหน้าว่าที่ HR-V จากการทดสอบวิ่ง ดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ไม่น้อย ด้านท้ายพร้อมการออกแบบจากต้นแบบ e Concept แบบเต็มๆโดยเฉพาะไฟท้ายที่ลากเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว และกันชนล่างที่โด่ดเด่น
ในความเป็นจริง ความเป็นไปได้ที่ HR-V จะมาพร้อมการออกแบบด้านท้ายคล้ายๆ SUV e-Concept โดยเฉพาะไฟท้ายที่ลากเชื่อมกันให้ความเพรียวบางสปอร์ตมาก แต่เราคาดว่าไฟท้ายจะคล้ายๆ Toyota Harrier ใหม่มากกว่า
รวดเร็วทันใจ ศิลปินดิจิตอล Kleber Silva ได้รังสรรค์ภาพเรนเดอร์ของ All-NEW Honda HR-V เจนใหม่ ที่ทดสอบวิ่งในญี่ปุ่น การออกแบบของศิลปินท่านนี้ผสานดีไซน์ที่หลากหลายให้ดูมากถึง 3 รูปแบบ ทั้งหมดคือภาพในจินตนาการไม่เกี่ยวข้องกับ HONDA MOTOR แต่อย่างใด ยังไงโปรดติดตามรายละเอียดการเปิดตัว HR-V คาดว่าไม่เกินกลางปีหน้าจะได้เห็นคันจริง
Honda HR-V เจนต่อไป กำลังอยู่ในช่วงการออกแบบ สื่อต่างประเทศรายงานใว่า HR-V จะใช้แนวคิดการออกแบบ emotional value เน้นสุทรียภาพทางอารมณ์ และความเรียบง่าย สวยงามทนทานต่อการใช้งาน
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาในปี 2558 HR-V กลายเป็นหนึ่งในรถที่ขายดีที่สุดในระดับเดียวกัน Honda กำลังพัฒนารุ่นใหม่ จากข้อมูลของ Autocar India HR-V รุ่นต่อไปจะออกมาประมาณเดือนพฤษภาคมปี 2021
ภาพการทดสอบวิ่งครั้งแรกของโลกของ Honda HR-V / Vezel มีการออกแบบด้านหน้าคล้ายๆ New Honda Odyssey รุ่นไมเนอร์เช้นจ์ที่พึ่งเผยภาพ official ในญี่ปุ่นช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อมติดตั้งไฟหน้าใหม่ที่ยาวขึ้น ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED เป็นการทดสอบในต่างประเทศ
จากข้อมูลของ Autocar India HR-V ที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น HR-V จะใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ Fit รุ่นใหม่และมีเครื่องยนต์ต่อไปนี้ 1.0 เทอร์โบ 127 แรงม้า 1.5 เทอร์โบ 150 แรงม้าและ 1.5 ไฮบริด HR-V ใหม่ทั้งหมดนี้จะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมปี 2021
Hotcars.com / Honda, Autocar India
HONDA ACCORD
Honda สหรัฐอเมริกา เปิดตัว HONDA ACCORD รุ่นปรับปรุงใหม่ 2021 อัปเกรดเทคโนโลยีการขับขี่และคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ปรับปรุงดีไซน์เพียงเล็กน้อย
13 ตุลาคม 2020 Honda Accord ปรับปรุงอุปกรณ์ใหม่ การปรับเปลี่ยนหลักๆได้แก่ กระจังหน้าที่กว้างขึ้นพร้อมการปรับปรุงการทำงานร่วมกันของชุดเรดาร์ของ Honda Sensing ไฟหน้า LED แบบใหม่ ไฟส่องสว่างกลางวันยาวและกว้างขึ้น พร้อมไฟตัดหมอกเล็กลง
LX, EX-L และ Touring ยังได้รับการออกแบบล้ออัลลอยใหม่ในขณะที่ Sport, Sport Special Edition (SE) และ Touring มาพร้อมสีตัวถังภายนอก Sonic Grey Pearl ใหม่
ภา่ยในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอสัมผัส Display Audio ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เป็นมาตรฐาน เบาะหลังออกแบบใหม่ เปลี่ยนตำแหน่งใหม่สำหรับพอร์ต USB ด้านหน้าเ มีพอร์ต USB 2.5 โวลต์คู่สำหรับผู้โดยสารเบาะหลัง
Accord Hybrid ในปี 2021 อัปเดตระบบไฮบริดสองมอเตอร์ สำหรับเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 192 แรงม้า 1.5 ลิตรและ 252 แรงม้าได้รับการปรับปรุงซอฟต์แวร์ เพื่อการควบคุมคันเร่งและการตอบสนองดีขึ้น
นอกจากนี้รุ่นเทอร์โบ 1.5 ลิตร พร้อมระบบบ Idle Stop ในรุ่นเกียร์ธรรมดาจะไม่มีจำหน่ายอีกต่อไป ขณะที่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เท่านั้น ระบบเบรกได้รับการอัพเกรดใหม่ ให้ขับขี่ราบรื่นโดยเฉพาะในความเร็วต่ำ
Honda Accord Sport Special Edition มาพร้อมชุดแต่งรวมถึงคุณสมบัติอื่นๆเช่น เบาะหนัง, เบาะนั่งอุ่นด้านหน้า, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง, เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง, กระจกปรับความร้อน, Smart Entry และรีโมทสตาร์ทเครื่องยนต์
Accord Sport และ Accord Sport SE แตกต่างจากรุ่นอื่นๆเช่น ติดตั้ง สปอยเลอร์ฝากระโปรงหลังล้อขนาด 19 นิ้ว ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจังหน้าโครเมี่ยมสีเข้ม ขอบท่อไอเสียโครเมี่ยม
นอกจากนี้ติดตั้ง ระบบเบรกหน้าและหลังแบบใหม่ที่เรียกว่า Low Speed Braking Control นอกจากนี้ Honda Sensing suite ยังได้รับการอัปเดตระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) และ Lane Keeping Assist (LKAS)
ราคาสำหรับ Honda Accord ปี 2021 เริ่มต้นที่ 24,770 ดอลลาร์ ประมาณ 773,000 บาท ในขณะที่แอคคอร์ดไฮบริดปี 2021 มี MSRP เริ่มต้นที่ 26,370 ดอลลาร์ ประมาณ 823,000 บาท ราคาดังกล่าวไม่รวมการเรียกเก็บเงินปลายทาง $ 955
NISSAN TERRA
เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ NISSAN TERRA ไมเนอร์เช้นจ์ใหม่โดย Nissan Middle East หรือ นิสสัน ตะวันออกกลาง ภายใต้ชื่อ Nissan X-Perience (Xterra) รุ่นไมเนอร์เช้นจ์ หรือ Nissan Terra เปิดตัว 25 พฤศจิกายน 2020 เป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง
เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 2488 ซีซี 4 สูบ ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิต 241 นิวตัน-เมตรที่ 4000 รอบต่อนาที ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีต ระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD SHIFT-ON-THE-FLY 4X4 เปลี่ยนได้ 3 โหมด ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4900 มม.
- กว้าง 1865 มม.
- สูง 1865 มม.
- ฐานล้อ 2850 มม.
ภายนอก เน้นปรับปรุงรายละเอียดกระจังหน้าเพียงเล็กน้อย ด้านท้ายยังไม่มีภาพ แต่ปรับปรุงแน่นอน สิ่งที่น่าสนใจคือ การปรับปรุงครั้งนี้ค่อนข้างเล็กน้อยมาก ไฟหน้า – LED + SIGNATURE + AUTO LEVELIZER เปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟตัดหมอก LED ไฟท้ายแบบ LED สปอยเลอร์หลัง ราวหลังคา (สีเงิน) มือจับประตูด้านนอกโครเมี่ยม ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ยาง 255/65 R17
ภายในคุมโทนดำเบาะผ้าสีครีม พวงมาลัยแบบเอียงด้วยมือ สวิตช์พวงมาลัย สวิตช์ 4WD – ประเภทโรตารี่ หน้าปัดขนาด 7 นิ้ว TFT METER หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว + USB (TYPE-A + TYPE-C) + BLUETOOTH ลำโพง 6 ตำแหน่ง
NISSAN INTELLIGENT MOBILITY
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) INTELLIGENT AROUND VIEW MONITOR (IAVM)
- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ INTELLIGENT REAR VIEW MIRROR
- INTELLIGENT EMERGENCY BRAKING ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- INTELLIGENT FORWARD COLLISION WARNING ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ
- BLIND SPOT WARNING ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา
- LANE DEPARTURE WARNING ระบบเตือนการออกนอกเลนส์
- REAR CROSS TRAFFIC ALERT ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
- ระบบไฟหน้า High Beam Assist
- ระบบเตือนผู้ขับขี่ Intelligent Driver Alertness
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
สำหรับประเทศไทย ในเดือนกันายน 2020 ที่ผ่านมา NISSAN TERRA ขายได้เพียง 1 คัน เราคาดว่าน่าจะไม่มีรถส่งแล้ว และพร้อมที่จะเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เช้นจ์ในเร็วๆนี้ ล่าสุดมีภาพสิทธิบัตร แสดงให้เห็นการออกแบบกระจังหน้า และภายในห้องโดยสารใหม่ ของ Terra รุ่นปรับปรุง สิ่งที่สังเกตได้คือ ช่องแอร์ออกแบบใหม่ คอนโซลกลาง แผงหน้าปัด หน้าจอสัมผัสใหม่ทั้งหมด คาดว่ามีการปรับปรุงพวงมาลัยด้วยเช่นกัน เบาะนั่งยังไม่ยืนยัน แต่น่าจะเบาะใหม่
แต่สำหรับประเทศไทย คาดว่าน่าจะเปิดตัวต้นปีหน้า
NISSAN NOTE
24 พฤศจิกายน 2020 ประเทศญี่ปุ่นเปิดตัว Nissan Note e-POWER อย่างเป็นทางการไม่เหลือเค้าโครงเดิม พร้อมการออกแบบใหม่หมด พัฒนาบนแพล็ตฟอร์ม CMF-B เช่นเดียวกับ “Juke” และ “Micra” รุ่นที่สอง (รุ่น K14)
และวันที่ 23 ธันวาคม 2020 NOTE e-POWER ประเทศญี่ปุ่นเปิดตัวรุ่น 4WD 2 รุ่นให้เลือก
มี 4 รุ่นย่อย ราคาจำหน่าย 2,054,500 – 2,445,300 เยน หรือประมาณ 604,000 – 713,000 บาท ยังไม่รวมภาษีบ้านเรา
รุ่น 4WDราคา 2,288.000 – 2,445,300 เยน หรือ 664,000 – 713,000 บาท ในญี่ปุ่น
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,045 มิลลิเมตร
- กว้าง 1,695 มิลลิเมตร
- สูง 1,505 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,580 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดถึงพื้น120 มิลลิเมตร
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 82 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่มีหน้าที่ขับเคลื่อนส่งพละกำลังลงสู่ล้อ) ระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD
มอเตอร์ไฟฟ้า EM47 High Power กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 2,900 – 10,341 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,900 รอบ/นาที แบตเตอรี่ Lithium-ion
การออกแบบ Nissan Note ใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างมากโดยเฉพาะไฟหน้าแบบ LED 3 ดวง ไฟวิ่งกลางวัน LED รูปตัว L คล้าย Nissan Ariya ตัวถังทั้งหมดจะไม่เปลี่ยนแปลง
เส้นกรอบจากเสา A ไปยังหลังคา, หน้าต่างรูปสามเหลี่ยม หน้าต่างข้างเสา B เกือบจะเหมือนรุ่นปัจจุบัน คาดว่าเสา A อาจจะบางกว่ารุ่นปัจจุบัน เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ภายในห้องโดยสารเบรกจอดรถแบบไฟฟ้าและเบรกอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์มาตรฐานแทนเบรคแบบเท้าเหยียบหรือแบบใช้มือและคาดว่าระบบ ProPilot (บ้านเราคาดว่าจะตัดระบบ ProPilot เช่นเดียวกับ Kicks) แต่การออกแบบอาจหยิบยก กลิ่นอายจอง Kicks ผสาน Altima
MAZDA2
นี้คือภาพ CG ที่เราหาได้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ By : Bestcarweb.jp แสดงใหเห็นการออกแบบตามแนวคิดมาสด้า2 รุ่นใหม่ๆ การออกแบบที่รวมเอา“ Evolved Kodo Design” ซึ่งให้รสชาติที่เหมือนกับ Mazda 3 รุ่นก่อนหน้า
รายงานสื่อในญี่ปุ่น bestcarweb.jp เผยว่า Mazda2 ใหม่ จะมาพร้อมขุมพลัง เบนซิน Mazda SkyActiv-G ที่สามารถจุดระเบิดน้ำมันเบนซิน ด้วยแรงดันและอุณหภูมิสูงพร้อมกัน เทคโนโลยีล่าสุดของมาสด้า Mazda SkyActiv-X รวมถึงอาจมีความเป็นไปได้ที่ใช้ เทคโนโลยี Mild Hybrid เครื่องเบนซิน + มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตรอ์รี่ขนาดเล็ก โดยคาดว่าจะประหยัดน้ำมันกว่า 40 กม./ลิตร แต่ทั้งนี้ยังคงต้องติดตาม
ในฐานะรถยนต์ที่ขายดีที่สุดของ มาสด้า การปรับเปลี่ยนแต่ละครั้ง จึงเป็นเรื่องไม่ธรรมดา และแน่นอนหน้าตาไม่ค่อยต่างจากเดิมมาก เพิ่มเติมคือเทคโนโลยีใหม่ๆ และขุมพลังใหม่ๆ ให้เป็นทางเลือกในยุครักษ์โลก
การปรับเปลี่ยนล่าสุดคือ ไมเนอร์เช้นจ์ สำหรับ Mazda2 ในญี่ปุ่น และ เปิดตัวในไทยช่วงปลายปี 2019 การปรับปรุงครั้งนี้ไม่ได้มากอะไรเลย แต่ตามนโยบายของมาสด้า ที่พร้อมก้าวไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต และแน่นอน ต้องเข้าสู่ระบบไฮบริดก่อน ทำให้คิวการเปิดตัวขุมพลังไฮบริดมีลุ้นที่ น้องเล็กอย่างมาสด้า2
นี้คือการคาดการณ์ของสื่อรถยนต์ในญี่ปุ่น เพราะการเปิดตัวมาสด้า2 ใหม่ ต้องเปิดตัวในญี่ปุ่นก่อนบ้านเรา ชุดรูปแบบการออกแบบ “Kodo-Soul of Motion” ถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ ใบหน้าดูคมชัด รูปร่างของไฟหน้ามีการออกแบบที่ยาวกว่าของไฟหน้าในปัจจุบัน
การตกแต่งภายในมีจอแอลซีดีแบบมิเตอร์และมาสด้าคอนเน็คได้ติดตั้งระบบบันเทิง “NEW MAZDA CONNECT” TFT 8.8 นิ้วรุ่นใหม่ล่าสุดและเข้ากันได้กับ “Android Auto” และ “Apple CarPlay”
“Note e-POWER” ที่พึ่งเปิดตัวถือว่าเป็นคู่แข่งน่ากลัวเลยทีเดียว รวมถึง และ Yaris มีขุมพลังไฮบริด เบนซิน 1.0 ลิตรที่เปิดตัวต้นปี ในญี่ปุ่น ทำให้มาสด้า ต้องรีบส่ง Mazda2 ใหม่มาประชันตลาดอย่างแน่นอน
คู่แข่งที่น่ากลัวมีทั้งรุ่นเบนซิน และ ไฮบริด พร้อมก้าวสู่รถ EV เต็มสูบ มีหรอที่มาสด้าจะไม่พัฒนาตาม โปรดติดตามปี 2564
Bestcarweb.jp / Super.asurada.com
Toyota Camry
Toyota Camry Hybrid เปิดตัวรุ่นปรับปรุง MY2020 ในยุโรปอัพเกรดหน้าตาใหม่ และได้รับการปรับปรุงใหม่และ Infotainment ใหม่
Camry Hybrid รุ่นปรับปรุงใหม่ นำเสนอการออกแบบด้านหน้าใหม่ รวมถึงกันชนหน้าใหม่ทั้งตะแกรงบนและล่าง คิ้วขอบกันชนข้างโครเมี่ยม กระจังหน้าสีดำ และสีเทาเข้มขยายออกไปด้านข้าง เพื่อให้ Camry ยุโรปมีความสปอร์ตมากขึ้น ติดตั้งล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 และ 18 นิ้ว และสี Deep Metal Grey ใหม่ สีเทาโลหะ
นอกจากนี้ Camry Hybrid ปี 2021 ได้รับการอัพเกรด หน้าจอสัมผัสระบบอินโฟเทนเมนต์แบบลอยตัวขนาด 9 นิ้ว จัดตำแหน่งให้สูงขึ้น มีปุ่มและแป้นหมุนเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น รวมทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto เป็นมาตรฐาน
เบาะนั่งภายในห้องโดยสารแบบหนังพรีเมี่ยม สามารถเลือกได้ 2 แบบ ได้แก่ สีเบจหรือสีดำ เบาะหนังแบบใหม่มาพร้อมกับการเจาะรูลายก้างปลา เพื่อให้เบาะระบายอากาศได้ดี เบาะนั่งแบบหนังสีดำพร้อมผ้าแทรกเป็นตัวเลือกใหม่เช่นกัน แผงหน้าปัดเลือกแบบ Black Engineered Wood และลวดลาย Titanium Line ใหม่ได้เช่นกัน
เพิ่ม Toyota Safety Sense เวอร์ชันล่าสุด มีระบบ Pre-Collision System ที่ได้รับการปรับปรุงซึ่งรวมถึงการตรวจจับรถที่วิ่งมาจากด้านหน้าในเวลากลางวันระบบช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉินและระบบช่วยเลี้ยวทางแยก นอกจากนี้ยังมี Intelligent Adaptive Cruise Control ที่ทำงานร่วมกับ Road Sign Assist และ Lane Trace Assist ที่ปรับปรุงใหม่
Toyota Camry Hybrid 2021 ติดตั้งขุมพลังเดิมเบนซิน 2.5 4 สูบ + มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวม 215 แรงม้า