Advertisement

Advertisement

รวมรถเปิดตัวในไทย ท้ายปี 2020

รวมรถเปิดตัวในไทย ท้ายปี 2020
Spread the love

Advertisement

Advertisement

พฤศจิกายน 2020 ถือเป็นเดือนแห่งการเปิดตัวรถยนต์หลายๆรุ่น ซึ่งเราไม่สามารถรวบรวมได้หมด เพราะบางรุ่นยังไม่ประกาศวันออกมาอย่างเป็นทางการ ทีมงานพยายามรวบรวมเท่าที่ประกาศวัน และบางรุ่นอย่าง BT-50 ยังไม่ประกาศวันซึ่งคาดว่าน่าจะต้องรออีกสักพัก สำหรับ CITY 5 ประตู และไฮบริดจะเปิดตัวพร้อมกัน MG ส่ง MG5 EV ไฟฟ้าใหม่รุกหนักตลาดไฟฟ้า ส่วน มิตูซูบิชิ ส่ง Outlander PHEV ตัวเก่ามาขายไทย คาดราคาล้านนิดๆ ตัวแรงอย่าง GR YARIS ขายเช่นกันมีจำนวนจำกัดและราคาโหด ได้ข่าวมาว่า 3 ล้านอัพ ส่วน Kia Carnival น่าสนใจอย่างมาก ยังไงโปรดติดตามราคากันอีกที

  • Honda CITY ไฮบริด / CITY HB 24 พฤศจิกายน 2020
  • MG 5 Wagon EV 26 พฤศจิกายน 2020
  • Kia Carnival 26 พฤศจิกายน 2020
  • Lexus IS 27 พฤศจิกายน 2020
  • Lexus UX 300e EV 27 พฤศจิกายน 2020
  • Toyota GR YARIS – ต้นธันวาคม 2020
  • Mitsubishi Outlander PHEV 1 ธันวาคม 2020
  • NEW Mazda BT-50 ปลายปีนี้

Honda CITY Hatchback

All NEW Honda City Hatchback เปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลก 24 พฤศจิกายน 2020 การออกแบบไม่ได้แตกต่างจาก CITY SEDAN มาพร้อมขุมพลังเดียวกัน 1.0 TURBO 122 แรงม้า และน่าจะติดตั้ง BSW ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมรุ่นไฮบริด e-HEV

เบนซิน 1.5 e: HEV

  • เครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle กำลังสูงสุด 97 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร

ภาพการทดสอบวิ่ง Honda CITY HB ดังกล่าวผู้ถ่ายอ้างว่าทดสอบที่ อยุธยา ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเปิดตัวเร็วๆนี้ ในประเทศไทยอย่างเร็วสุดคืองาน Motor Expo 2020 ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ช้าสุดคือต้นปีหน้า ยังไงโปรดติดตาม รายละเอียดไม่ได้แตกต่างจาก CITY SEDAN แต่จะมาพร้อมออฟชั่นเสริมเช่น ระบบกล้องจับภาพด้านข้างหรือ Honda LaneWatch ที่เราเห็นกล้องบริเวณกระจกมองข้าง เป็นต้น สำหรับจะมีรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนในมาเลเซียหรือเปล่า อันนี้ต้องติดตามกันอีกที

ระหว่างการรอเปิดตัวของ Honda City 2020 Hatchback ในประเทศไทย ซึ่งจะมีขึ้นช่วงปลายปี 2020 ทางสำนักแต่งชื่อดังอย่าง NKSDesign ประเทศไทยได้เผยภาพ Official ชุดแต่ง Honda City 2020 Hatchback Type R body kit รอบคันก่อนใคร

Type R คือรถยนต์ในตระกูล Honda ที่ได้รับการปรับให้มีสมรรถนะสูง ทั้งชุดแต่งใหม่ แต่ครัั้งนี้ทางสำนักแต่ง NKS Design ได้เผยภาพเรนเดอร์ในโฉม Honda Civic Type R ใหม่ ที่มีรูปลักษณ์คล้ายๆ Civic

Honda City 2020 Type R By NKS-Design กำหนดการออกแบบให้ City รุ่น SV หรือรองท๊อป ใหม่ ด้วยชุดแต่ง Type R โดยไม่ดัดแปลงเครื่องยนต์แต่อย่างใด ติดตั้งสเกิร์ตรอบคันคล้ายๆ Civic ท่อไอเสีย 3 ท่อวางกลาง สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่

รถยังไม่เปิดตัวชุดแต่ง ออกแบบมาก่อน สามารถสั่งจองกันได้ที่ NKSDesign

  • สามาติดต่อสอบถามได้ที่
  • whatsapp +66926594465
  • nksimportexport@gmail.com

เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VTEC Turbo 988 ซีซี. กระบอกสูบ × ช่วงชัก 73.0 × 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 หัวฉีด PGM-FI กำลังสูงสุด122 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิตสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีต ระบบควบคุมการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ DBW รองรับ E20

  • ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100g./km.
  • มาตรฐานมลพิษ EURO 5
  • ระบบเบรก ABS, EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว VDC ทุกรุ่น
  • ขุมพลังประหยัดน้ำมันขึ้น 33%
  • อัตราความประหยัด 23.8 กม./ลิตร

ระบบเบรก

  • หน้า : ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
  • หลัง : ดรัมเบรก

ระบบกันสะเทือน

  • หน้า : แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม
ขอบคุณภาพ J.S.Racing Wheels

Parabrisas.perfil.com

ขอบคุณภาพจากคุณ Mick Makawan

รถยนต์ยังไม่เปิดตัว ภาพมาเต็มจริงๆ หลังจากมีการเผยแพร่ภาพสิทธิบัตร Honda City Hatchback และ ล่าสุด นักออกแบบอิสระ Kleber Silva คนดัง ได้เผยภาพการตกแต่งพิเศษ Honda City Hatchback รุ่น RS เป็นรุ่นที่ควรจะมีเหมือน Honda Jazz RS บ้านเรา

ตัวถังรุ่น RS ไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นปกติ เพียงแต่ได้หยิบยกชุดแต่งเล็กน้อยอย่างสเกิร์ตหลัง หลังคาสีดำ ล้ออัลลอยลายพิเศษ ตัดดสปอยเลอร์หลังออก ตัดไฟทับทิมด้านหลังออกเช่นกัน

All-NEW Honda FIT ใหม่เปิดตัวในญี่ปุ่น และส่งออกในยุโรป แน่นอนว่า โฉมแดนปลาดิบไม่ขายบ้านเรา แต่ข่าวล่าสุดเผยออกมาว่า Honda City Hatchback จะมาแทน Jazz ใหม่

เว็บไซต์ Indian Autoblog สื่ออินเดีย เผยให้เห็นดีไซน์ใหม่ที่ Jazz ใหม่บนพื้นฐาน Honda City Hatchback อ้างอิงข้อมูลจากภาพสิทธิบัตรในสไตล์สปอร์ตมากกว่ารุ่นซีดาน

ภาพดังกล่าวเหมือน Honda City โฉมปัจจุบันทุกประการ ต่างกันตรงที่ตั้งแต่แนวเสา C-D เป็นต้นมา ออกแบบโดยสื่อมาเลเซีย Paultan.org อิงจากภาพสิทธิบัตรที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์

สเปค Honda City 1.0 เทอร์โบ 122 แรงม้า โฉมปัจจุบัน

เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว VTEC Turbo 988 ซีซี. กระบอกสูบ × ช่วงชัก 73.0 × 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 หัวฉีด PGM-FI กำลังสูงสุด122 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิตสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีต ระบบควบคุมการเปิด-ปิดลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ DBW รองรับ E20

  • ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100g./km.
  • มาตรฐานมลพิษ EURO 5
  • ระบบเบรก ABS, EBD, ระบบควบคุมการทรงตัว VDC ทุกรุ่น
  • ขุมพลังประหยัดน้ำมันขึ้น 33%
  • อัตราความประหยัด 23.8 กม./ลิตร

ระบบเบรก

  • หน้า : ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน
  • หลัง : ดรัมเบรก

ระบบกันสะเทือน

  • หน้า : แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง
  • หลัง : ทอร์ชั่นบีม

ภายนอก

  • ไฟหน้าแบบ LED ภายในเรียงตัวเหมือนเปลือกหอย
  • ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์
  • ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • กระจังหน้า สีดำเงา Gloss Black
  • กันชนหน้า และกระจังหน้าแบบสปอร์ต RS
  • มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
  • กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต
  • กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา
  • เสาอากาศครีบฉลาม
  • ไล่ฝ้ากระจกหน้า-หลัง
  • สปอยเลอร์หลัง แบบ Gloss Black

ภายในห้องโดยสาร

  • ภายในโทนดำแดง ในรุ่น RS
  • เบาะหนังสังเคราะห์ / และเบาะผ้า สลับหนังกลับ Suede ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
  • วัสดุตกแต่งภายใน Piano Black
  • มือเปิดประตูภายในโครเมียม
  • เบาะนั่งคนขับปรับสูงต่ำได้
  • เบาะคนขับปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
  • เบาะผู้โดยสารหน้าปรับมือ 4 ทิศทาง
  • ที่วางแขนเบาะหลัง พร้อมที่วางแก้ว
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ + หน้าจอแสดงผล
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
  • ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ
  • พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง
  • ระบบIdle Stop พร้อมสวิตซ์เปิด-ปิด
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย Paddle Shift
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise control
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ 2 วงขนาดใหญ่ เรืองแสง Optitron สีแดง
  • กระจกไฟฟ้า 4 บาน ขึ้นลงอัตโนมัติฝั่งคนขับ
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ระบบกุญแจ Honda Smart Key System
  • กุญแจเปิดฝากระโปรงท้าย

ระบบเครื่องเสียง

  • หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay /Android
  • รองรับ USB / HDMI / ระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI / Smart Phone / Bluetooth
  • Honda Connect
    • ล็อค – ปลดล็อค
    • สตาร์ทรถยนต์
    • เปิดสัญญาณไฟ
    • แสดงพิกัดตัดรถ Find My Car
  • ลำโพง 8 ตำแหน่ง
  • ช่องจ่ายไฟ 12V 1 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

ระบบความปลอดภัย

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ถุงลมนิรภัยข้างคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
  • ระบบป้องกันล้อล๊อก และกระจายแรงเบรก ABS & EBD
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน ESS
  • กล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าดึงกลับอัตโนมัติ
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
  • เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย
  • ระบบล๊อคประตูอัตโนมัติ
  • กุญแจ Wave Key
  • ไฟเบรกดวงที่ 3
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX

Autonetmagz.com

NEW Honda Cityราคา
S CVT579,500
V CVT609,000
SV CVT665,000
RS CVT739,000
  • สีแดง Ignite Red Metallic (เฉพาะรุ่น RS)
  • สีขาวมุก Platinum White Pearl (เฉพาะรุ่น RS / SV) เพิ่มเงิน 10,000 บาท
  • สีดำ Crystal Black Pearl เพิ่มเงิน 6,000 บาท
  • สีเงิน Lunar Silver Metallic
  • สีเทา Modern Steel Metallic
  • สีขาว Taffeta White

นัท (Honda) ฮอนด้า ซัมมิท หัวหมาก  รับสั่งจองรถยนต์ Honda ทุกรุ่น
เบอร์โทร : 087-4144642
Line ID : 0877090797
E mail : nutyada-ram@hotmail.com 

ภาพดังกล่าวออกแบบโดย Kleber Silva แสดงให้เห็นแนวคิดของหน้า CITY RS โฉมปัจจุบันบนตัวถัง CIVIC โดยมีการออกแบบไฟท้ายและกันชนท้าย Insight

Honda CIVIC เจนที่ 11 เตรียมขายปีหน้าช่วงกลางปี 2021 มีให้เลือกทั้ง ซีดานและแฮทช์แบ็ก แต่คูเป้อาจไม่กลับมาจำหน่าย เพราะยอดขายที่แย่ทำให้ต้องยุติการผลิตในรุ่น Coupe

ในการลดต้นทุนปี 2021 ฮอนด้าจะปิดโรงงานในยุโรปสองแห่งที่ผลิตรถแฮทช์แบ็กรุ่นที่ 10 หัวหน้าผู้บริหาร Takahiro Hachigo ยืนยันว่ารูปแบบตัวถังห้าประตูจะผลิตในอเมริกาเหนือ แม้ว่ายอดขาย 20 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯจะมาจาก Civic Hatchback ก็ตาม

Autoevolution.com/

Honda CITY HYBRID

All NEW Honda City Hatchback เปิดตัวในไทยครั้งแรกในโลก 24 พฤศจิกายน 2020 การออกแบบไม่ได้แตกต่างจาก CITY SEDAN มาพร้อมขุมพลังเดียวกัน 1.0 TURBO 122 แรงม้า และน่าจะติดตั้ง Honda LaneWatch กล้องกระจกมองข้าง และเบรกมือไฟฟ้าด้วย พร้อมรุ่นไฮบริด e-HEV

เบนซิน 1.5 e: HEV (สเปคมาเลเซีย)

  • เครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle กำลังสูงสุด 97 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร

HONDA CITY ในมาเลเซียเปิดให้จองรุ่นเบนซิน 1.5 ลิตรตั้งแต่เดือนสิงหาคม ได้รับเสียงรอบรับอย่างดี มียอดจองมากถึง 5,000 คัน มีให้เลือก 4 เกรด ได้แก่ S, E, V ส่วนรุ่น RS e: HEV เปิดให้จองมกราคม 2021

ราคาจำหน่าย CITY ในมาเลเซียเริ่ม 81,664 – 86,561 ริงกิต หรือประมาณ 615,000 – 651,000 บาท

เบนซิน 1.5 e: HEV

  • เครื่องยนต์รหัส LEB-MMD เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle กำลังสูงสุด 97 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตร พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังสูงสุด 109 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร

เบนซิน 1.5 ลิตร

  • เครื่องยนต์รหัส L15B1 เบนซิน 4 สูบ DOHC ขนาด 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 73.0 x 89.5 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า

Keyauto.my

โรงงาน HONDA ในมาเลเซีย ผลิต CITY ไฮบริด

การเผยภาพ และข้อมูลบางส่วนของ Honda CITY ไฮบริด i-MMD สร้างความน่าสนใจให้ชาวไทยไม่น้อยเพราะจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing และอื่นๆอีกเพียบ พูดง่ายๆคือ CITY มาเลเซียออฟชั่นจัดเต็มมากกว่าบ้านเรา

HONDA CITY RS e: HEV 2020 ได้รับการประกอบที่ โรงงานประกอบของ Honda Malaysia ใน Pegoh มะละกา พร้อมเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย

โรงงานหมายเลข 1 และ 2 มาพร้อมเครื่องจักรหุ่มยนต์ และเครื่องมือใหม่ๆที่ได้รับการอัพเกรด นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงในสายการผลิตตั้งแต่โครงสร้างจนถึงการเชื่อม และทาสีจนถึงขั้นตอนตรวจสอบขั้นสุดท้าย

CITY เจนใหม่ ผ่านกระบวนการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์ นอกจากนี้กระบวนการทาสีถึง 6 ขั้นตอน รวมถึงการจุ่มลงในสระเพื่อเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อน และตรวจสอบการรั่วไหล

City i-MMD ไฮบริดในมาเลเซียซึ่งเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้รับการติดตั้งขุมพลังนี้ นอกจากนี้โรงงานแห่งนี้จะผลิต i-MMD ในโมเดลอื่นๆอีกด้วยในอนาคต

Honda CITY RS ไฮบริด i-MMD ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี EEV อย่างน้อย 30% ของการประกอบหลักซึ่งรวมถึงระบบส่งกำลังแบบไฮบริดระบบขับเคลื่อนตัวถังและชิ้นส่วนภายใน และแม้แต่ ชุดแบตเตอรี่ไฮบริดหรือที่เรียกว่า Intelligent Power Unit (IPU) ประกอบด้วยมือ

Honda Malaysia ใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการส่งมอบ IPU ที่ผิดพลาดให้แก่ลูกค้า วิธีหนึ่งในการดำเนินการนี้คือการประกอบและติดตั้งแบตเตอรี่ในรถยนต์ภายใน 180 วันนับจากวันที่ผลิตเซลล์ลิเธียมไอออน

ช่วยลดอัตราการเกิดข้อบกพร่องได้อย่างมาก แต่ในกรณีที่มีการผลิต IPU ที่ผิดพลาดอาจมีการส่งคืนให้กับผู้ผลิตหรือนำไปรีไซเคิลอย่างรับผิดชอบโดย Honda Assembly Malaysia

เครื่องยนต์ i-VTEC Atkinson-cycle 1.5 ลิตรของ i-MMD ประกอบมากถึง 19 ขั้นตอน และ ระบบส่งกำลังไฮบริด Sport Hybrid i-DCD ก็ได้ถูกสร้างบนฐานนี้

อย่างไรก็ตามกำลังการผลิตยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โรงงานทั้งสองแห่งยังคงสามารถผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลได้ 100,000 คัน (รวมกัน) ต่อปี

โรงงานแห่งนี้ยังมีสนามทดสอบระยะทาง 2.1 กิโลเมตรสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการวิจัยและพัฒนาและศูนย์ตรวจสอบก่อนส่งมอบหลายแห่ง

ฮอนด้า มาเลเซีย ได้จัดแสดง Honda CITY RS i-MMD ที่หน้าโรงงานประกอบ Honda Malaysia ที่เมือง Pegoh รัฐมะละกา เตรียมเปิดตัวเดือนหน้า พร้อมให้ข้อมูลก่อนเปิดตัว Multi-Mode Drive อัจฉริยะ (i-MMD) ระบบส่งกำลังไฮบริด รวมถึงระบบความปลอดภัย Honda Sensing

Honda Sensing

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow – ACC with LSF)
  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System – CMBS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System – LKAS) 
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning – RDM with LDW) 
  • ระบบช่วยเตือนระวังการเกิดอุบัติเหตุพร้อมกล้องบันทึกเหตุการณ์ Forward Collision Warning (FCW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam – AHB) 

ฮอนด้า ประเทศมาเลเซีย เตรียมประกาศเปิดตัว Honda CITY RS i-MMD อย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกในไตรมาส 4 ของปีนี้

Honda CITY RS ไฮบริด i-MMD จะมีให้เลือกเฉพาะรุ่นท๊อปเท่านั้น ด้วยการวางตำแหน่งในขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร i-MMD ไร้ระบบอัดอากาศ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำกังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิต 253 นิวตัน-เมตร

นอกจากนี้ยังมีรุ่นเบนซินปกติ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลัง 121 แรงม้า แรงบิต 145 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT

และได้อุปกรณ์เพิ่มเติมคล้ายๆกับเวอร์ชั่นอินเดียอย่าง Honda LaneWatch กล้องกระจกมองข้าง และเบรกมือไฟฟ้าด้วย ล้ออัลลอยทูโทน 16 นิ้ว

Honda City RS i-MMD มาเลเซียมีให้เลือก 5 สีได้แก่ Modern Steel Metallic, Passion Red Pearl, Platinum White Pearl, Crystal Black Pearl และ Lunar Silver Metallic

Honda CITY RS ไฮบริด i-MMD ดีไซน์รวมๆไม่ต่างจากบ้านเรา แต่มาพร้อมขุมพลังไฮบริดครั้งแรกของโลก

Honda.com.my Paultan.org

Paultan.org / Carbase.my/

MG 5 Wagon EV 26 พฤศจิกายน 2020

ล่าสุดมีการจับภาพทดสอบวิ่งของรถยนต์รุ่นหนึ่งคาดว่าเป็น MG 5 Estate Wagon หรืออีกร่างของ Roewe Ei5 Estate รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในสหราชอาณาจักร ขายในแดนมังกรตั้งแต่ปี 2018

การทดสอบวิ่งในไทย ครั้งล่าสุดนับจาก MG HS PHEV เปิดตัวเมื่อ 27 ตุลาคม 2020 ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดตัวในไทย 25 พฤศจิกายน 2020

MG 5 Estate Wagon ติดตั้ง มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 114 แรงม้า แบทเตอรีขนาด 52.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งได้ 444 กม./การชาร์จไฟ 1 ครั้ง ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. และสามารถชาร์จแบบเร่งด่วน (Fast-Charging) จาก 0 ถึง 80 % ได้ภายในเวลา 40 นาที

ขนาดตัวถัง

  • ความยาว 4,540 มม.
  • ความกว้าง 1,820 มม.
  • ความสูง 1,540 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,670 มม.

SAIC Roewe Ei5 ในประเทศจีน หรือประมาณ 585,000 บาท หากเปิดตัวในไทย คงแพงกว่านี้มากยังไงโปรดติดตาม

Toyota GR YARIS – ต้นธันวาคม 2020

Toyota YARIS GR ใหม่ เตรียมเปิดตัวและให้จับจอง ภายในงาน Motor Expo 2020 ระหว่างวันที่ 1-13 ธันวาคม 2020 @ Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี ส่งมองครึ่งปีหน้า

ราคาตอนนี้ยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ

รุ่น RS

รุ่น GR

รุ่น RZ“High performance

การเปิดตัวของ Toyota Yaris GR ตัวแรง ถือว่ารวดเร็วทันใจมาก เพราะเจนปัจจุบันพึ่งเปิดตัวใกล้ๆงาน Tokyo Motor Show 2019 เมื่อปลายตุลาคมที่ผ่านมา และเสริมทัพด้วยชุดแต่งต่างๆ ล่าสุด Yaris GR เปิดตัวในงาน Tokyo Auto Salon 2020 วันที่ 10 มกราคม – 12 มกราคม 2020 และเผยราคาออกมาทั้ง 3 รุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับ Toyota Yaris GR SPORT พร้อมขุมพลังเบนซิน 1.6 ลิตร 272 แรงม้าสุดแรง ตอกย้ำความสปอร์ตอย่างลงตัว

  • GR ถูกย่อมาจากคำว่า Gazoo Racing บริษัทในเครือของโตโยต้าที่เน้นพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูง โดยมีตัวท็อปสุดที่เรียกว่า GRMN ซึ่งย่อมาจาก Gazoo Racing Masters of Nürburgring เน้นการปรับจูนเครื่องยนต์ และชุดแต่งสปอร์ต

GR Yaris (GR-4) ได้รับการปรับแต่งให้เป็นรถยนต์ในแบบแรลลี่ ตัวถัง 3 ประตู ตัดประตูผู้โดยสารด้านหลังออก ด้วยการปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ช่วงล่าง รวมถึงการออกแบบภายนอกในแบบฉบับ GR SPORTS อัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/40/R18

ขนาดมิติตัวถัง

  • ยาว 3,995 มม. กว้าง 1,805 มม. และสูง 1,460 มม. ให้ระยะฐานล้อ 2,558 มม.

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ G16E-GTS 1.6 ลิตร 3 สูบ 1,618 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิต 370 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 6MT ระบบ GR-Four ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ พัฒนาร่วมกับ Subaru ติดตั้ง Torsen Limited Slip 2 ชุด ทางด้านหน้าและทางด้านหลัง รวมถึงตัดตัดกำลัง Center Diff ทำงานด้วยคลัทซ์ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด Normal / Sport และ Track ดิสก์เบรก 4 ล้อ

ภายใน

  • พวงมาลัยสุดพิเศษ
  • เบาะนั่งสปอร์ตแบบพรีเมี่ยม
  • การตกแต่งภายในด้วยสีเงินควัน
  • ระบบเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
  • แป้นเหยียบพร้อมแผ่นอลูมิเนียมแบบสปอร์ต
  • ระบบเสียง JBL (8 ลำโพง)
YARIS
First Edition
ราคาเยนบาท ประมาณ
RZ “High performance”4,560,000 เยน1,270,000 บาท
RZ3,960,000 เยน1,100,000 บาท
RS2,650,000 เยน779,000 บาท

ราคาจำหน่ายรุ่นท๊อป 4.56 ล้านเยน หรือประมาณ 1,320,000 บาท เปิดตัว 10 มกราคม 2020 ในญิปุ่น ที่งาน Tokyo Auto Salon, 10th Jan–12th Jan, 2020

นับเป็นการทดสอบวิ่งครั้งแรก ตั้งแต่เปิดตัวของ GR YARIS ใหม่ ในประเทศญี่ปุ่นและหลังจากรอคอยมาหลายเดือน

ภาพการทดสอบวิ่งของสื่อมวลชนในประเทศญี่ในสนามจริง แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของขุมพลังใหม่ และระบบช่วงล่าง ระบบ GR-Four พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด Normal / Sport ช่วยให้คุณปรับการกระจายแรงบิดหน้า – หลังได้อย่างอิสระแม้จะมีน้ำหนักเบาและเรียบง่าย

Response.jp

Toyotagazooracing.com

Kia Carnival 26 พฤศจิกายน 2020

Kia Carnival เจนใหม่ รุ่น 11 ที่นั่ง ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.2 เตรียมเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ 26 พฤศจิกายน 2020 เวลา 18.00 น.

Kia Carnival 2020 เจนที่ 4 ในฐานะ ‘Grand Utility Vehicle’ มินิแวนขายดีของค่ายแดนโสม ได้รับการออกแบบมาเพื่อดึงดูดครอบครัววัยหนุ่มสาวที่ก้าวหน้าด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมความยืดหยุ่น อย่างมีสไตล์

เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.2 ลิตร 2,151 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ VGT กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 85.4 x 96.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.0 : 1 กำลังสูงสุด 202 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 2WD มาตรฐานไอเสีย EURO5

เปิดตัว Kia Carnival 2020 ใหม่ ซึ่งเผยภาพ Official ออกมาอย่างเป็นทางการ ก่อนขายจริง ในอเมริกาเหนือในปีหน้าในปี 2022

Kia Carnival หรือ Kia Sedona ในตลาดสหรัฐฯ ต้องอัพเกรดใหม่ เพราะโมเดลปัจจุบันขายตั้งแต่ปี 2014 และดูเก่ามากหากเทียบกับ Kia รุ่นอื่นๆ

Kia Carnival มีขนาดตัวถัง ความยาว 5155 มม. กว้าง 1995 มม. สูง 1740 มม. และระยะฐานล้อ 3090 มม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าความยาวโดยรวมเพิ่มขึ้น 40 มม. และความกว้างโดยรวมเพิ่มขึ้น 10 มม.

Kia Carnival 2020 เจนที่ 4 ในฐานะ ‘Grand Utility Vehicle’ มินิแวนขายดีของค่ายแดนโสม ได้รับการออกแบบมาเพื่อดึงดูดครอบครัววัยหนุ่มสาวที่ก้าวหน้าด้วยการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมความยืดหยุ่น อย่างมีสไตล์

การออกแบบด้านหน้าได้รับการปรับเปลี่ยนค่อนข้างมาก กระจังหน้าแบบ “tiger nose” ไฟตัดหมอกใหม่ พร้อมตกแต่งด้วยโครเมี่ยม กันชนหน้าที่ต่ำลง กระโปรงหน้ารถที่ยาวขึ้น ไฟหน้ามุมและไฟ LED ส่องสว่างกลางวันแบบรวมโคม

หลังคาสีเดียวกับตัวถัง เช่นเดียวกับ Kia Sorento ใหม่ 2021 Carnival / Sedona มีการออกแบบเสา C-Signature ที่มีครีบโครเมี่ยมรูปแบบเพชร ติดตั้งสปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ ไฟหลัง LED ลากเชื่อมทั้งสองฝั่ง ไฟทับทิมหลังแนวนอนพร้อมติดกันชนหลัง ล้ออลูมิเนียมในรูปแบบ 17, 18 และ 19 นิ้ว

ภายในห้องโดยสาร ปรับการออกแบบใหม่ โดยมาพร้อม 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 4 แถว 11 ที่นั่ง แดชบอร์ดออกแบบพรีเมี่ยม เน้นโทนสีเบจอ่อน ให้เรียบหรูหรา ในแบบฉบับยุโรปมากขึ้น พื้นที่บรรทุกสัมภาระมากถึง 2,905 ลิตร

จอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วและระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กระจกชิ้นเดียว Apple CarPlay และ Android Auto

มาพร้อมดีเซล 2.2 ใหม่ ให้กำลัง 199 แรงม้า แรงบิต 324 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์เบนซิน MPi 3.5 ลิตร 268 แรงม้า 245 ปอนด์ฟุต (332 นิวตันเมตร) และ GDi V6 3.5 ลิตร 290 แรงม้า แรงบิต 355 นิวตัน-เมตร

Mitsubishi Outlander PHEV 1 ธันวาคม 2020

Mitsubishi Outlander PHEV (Plug-in Hybrid) หลังจากโผล่โชว์ตัวในประเทศไทย ที่งานจัดแสดงเทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ที่สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ 5 แห่ง โดยเริ่มที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ 6 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา

Mitsubishi Outlander PHEV โฉมที่จะเปิดตัวในบ้านเรา เป็นโฉมปัจจุบันที่ขายในญี่ปุ่น (ไม่ใช่รุ่นไมเนอร์เช้นจ์ล่าสุด)

เทคโนโลยี เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ ของมิตซูบิชิ ในภาษาญี่ปุ่น “เดน” หมายถึง “ไฟฟ้า” และ “โด” หมายถึง “การขับขี่” เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ คือ ชุดระบบไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับที่พักอาศัย ประกอบด้วย Mitsubishi Outlander PHEV และอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าเทคโนโลยีแบบ Vehicle-to-Home หรือ V2H ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการจ่ายและรับกระแสไฟฟ้าระหว่างยานพาหนะและที่พักอาศัยแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่สำหรับที่พักอาศัย

ระบบ เดนโด ไดร์ฟ เฮ้าส์ สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยแผงโซลาร์เซลล์ นำไปชาร์จ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี  และในทางกลับกันยังสามารถดึงพลังงานไฟฟ้ากลับจากตัวรถ เพื่อนำไปใช้ในที่พักอาศัย จึงมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยลดการบริโภคพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมเป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าในกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกมาก

หลังจากที่ BOI อนุมัติโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า PHEV Plug-in Hybrid Electric Vehicle ของมิตูซูบิชิ ประเทศไทย เมื่อ 15 มีนาคม 62 ลงทุนทั้งหมด 3,130 ล้านบาท และเริ่มเดินสายผลิต Mitsubishi Outlander PHEV ที่โรงงานแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย 1 ธันวาคม 2020

Mitsubishi Outlander PHEV ขนาดตัวถัง

  • ยาว  4,695 มม.
  • กว้าง  1,800 มม.
  • สูง  1,710 มม.
  • ระยะฐานล้อ  2,670 มม.
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น 190 มม.
  • ความจุถังน้ำมัน 45 ลิตร

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC MIVEC ECI-Multi 4B12 ขนาด 2.4 ลิตร 2,359 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 86.0 x 97.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1  กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที

  • มอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Permanent Magnetic Motor 2 ตัว ด้านหน้า S61 กำลังสูงสุด 82 แรงม้า 137 นิวตันเมตร และ ด้านหลัง Y61 กำลังสูงสุด 95 แรงม้า 195 นิวตันเมตร
  • เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำำลังรวม 305 แรงม้า 300 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion 300 volts 13.8 kWh ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
  • ชาร์จไฟฟ้า AC 3.7 kW 230V 16A 0-100% 3 ชั่วโมง 30 นาที
  • ชาร์จไฟฟ้า CHAdeMO Fast Charge 0-80% 32 นาที
  • วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 45 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ S-AWC เพิ่มโหมด Sport และ โหมด Snow จากเดิมมีแต่โหมด Normal และโหมด 4WD Lock 

การอกแบบภายนอก Mitsubishi Outlander จะมาพร้อมหน้าตาแบบ Dynamic Shield กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ ไฟหน้าแบบ LED ปราดเปรียวมากขึ้น ไฟส่องสว่างกลางวัน LED Daytime กันชนหน้าใหม่ เสาอากาศครีบฉลามพร้อมไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยให้เลือก 8 สีทูโทนเข้มขนาด 18 นิ้วยาง 225/55R18 และมาพร้อมหลังคาซันรูฟ เสริมสร้างบรรยากาศอีกแบบในการขับขี่

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมความหรูหราเต็มขั้นสามารถจุได้ 7 ที่นั่งพร้อมเบาะนั่งกึ่งหนังแท้สามารถปรับสูง-ต่ำด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านมี Paddle Shift เพิ่มความสนุกในการขับเคลื่อน หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วรองรับ Apple CarPlay เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา กระจังมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ประตูท้ายเปิดไฟฟ้า

พร้อมระบบความปลอดภัยได้แก่

  • ระบบถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน
  • ระบบควบคุมการทรงตัว ASC
  • ระบบออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • ระบบป้องกันการลืนไถล TCL
  • กล้องมองรอบคัน

Mazda BT-50

ปัจจุบัน Mazda ออสเตรเลียได้เผยข้อมูลทั้งหมดของ Mazda BT-50 2020 ใหม่ เฉพาะรุ่น 4 ประตูเท่านั้น และล่าสุดได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการสำหรับ 2 ประตู หรือ Freestyle cab

Mazda BT-50 Single Cab และ Freestyle Cab เผยราคาออกมาอย่างเป็นทางการ และเตรียมเปิดจำหน่ายในออสเตรเลียวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

กระบะตอนเดียว

  • Single Cab 2WD AT : 36,550 เหรียญ ประมาณ 802,000 บาท
  • Single Cab 4WD AT : 43,856 เหรียญ ประมาณ 974,000 บาท
    • Apple CarPlay®และ Android Auto®
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปรับอัตโนมัติ
    • กล้องถอยหลัง

Freestyle Cab 2 ประตู

  • XT Cab Chassis 2WD ราคา $47,285 หรือประมาณ 1.04 ลบ.
  • XT Cab Chassis 4WD ราคา $52,521 หรือประมาณ 1.04 – 1.16 ลบ.
    • ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
    • ที่ปัดน้ำฝนตรวจจับฝน
    • ไฟหน้า LED

Dual Cab 4 ประตู

  • XT Cab Chassis 2WD $51,356 หรือประมาณ 1.13 ลบ.
    • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
    • กล้องถอยหลัง
    • Android Auto ™และ Apple CarPlay®ไร้สาย
  • XT Cab 2WD $50,566 หรือประมาณ 1.18 ลบ.
    • เซนเซอร์จอดรถด้านหลัง
    • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
    • ไฟหน้า LED
  • XTR Cab 2WD $54,746 หรือประมาณ 1.21 ลบ.
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
    • ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
    • ระบบ keyless ขั้นสูง
  • XT Cab Chassis 4WD $56,891 หรือประมาณ 1.25 ลบ.
    • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
    • กล้องถอยหลัง
    • Android Auto ™และ Apple CarPlay®ไร้สาย
  • XTR Cab 4WD $56,101 หรือประมาณ 1.24 ลบ.
    • เซนเซอร์จอดรถด้านหลัง
    • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
    • ไฟหน้า LED
  • XTR Cab 4WD $60,251 หรือประมาณ 1.33 ลบ.
    • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone
    • ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
    • ระบบ keyless ขั้นสูง
  • GT Cab 4WD $62,641 หรือประมาณ 1.38 ลบ.
    • เบาะหนัง
    • ซ็นเซอร์จอดรถด้านหน้า
    • เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น

รูปแบบตัวถังของทั้งสองมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น XT ระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD ในรุ่น 2WD มีให้เฉพาะกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดในขณะที่ 4 × 4 มีตัวเลือกทั้งแบบอัตโนมัติหรือแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

อุปกรณ์มาตรฐานใน Single Cab และ Freestyle Cab ทุกรุ่นประกอบด้วยไฟหน้า LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วและระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 7.0 นิ้วพร้อม Android Auto วิทยุดิจิตอล DAB + และ Apple CarPlay ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth

รวมถึงระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCM ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดบอด Blind Spot Assist ระบบเตือนออกนอกเลน LDW ระบบ​ช่วย​รักษา​ช่องทางเดินรถ LKA เป็นต้น

Single Cab และ Freestyle Cab ลากจูงได้ 3500 กก. ลุยน้ำลึก 800 มม. น้ำหนักบรรทุกอยู่ระหว่าง 1120 กก. สำหรับ Freestyle Cab 4 × 2 ถึง 1186 สำหรับ 4 × 4 Single Cab

ทั้งหมดแน่นอนว่าสร้างบนพื้นฐานเดียวกัน รวมถึงขุมพลัง 3.0 ลิตรเหมือนกัน

  • เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

Carexpert.com.au

NEW Mazda BT-50 เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในออสเตรเลีย และในไทยอีกไม่กี่เดือนจะเปิดตัวตามมาล่าสุดทาง ANCAP ออสเตรเลียได้รายงานว่า NEW Mazda BT-50 ทำการทดสอบผ่านมาตรฐานการทดสอบความปลอดภัยได้ระดับ 5 ดาว

  • คะแนนปกป้องผู้ใหญ่ 83% ได้คะแนน 31.66 จาก ทั้งหมด 38
  • คะแนนการปกป้องผู้โดยสารเด็กได้ 89% ด้วยคะแนน 44 จาก 49
  • คะนนทางด้านการปกป้องคนเดินเท้ามีคะแนนต่ำกว่า Isuzu ปกป้อง 67% มีคะแนน 36.62 คะแนน จาก 54 คะแนน
  • ระบบความปลอดภัย และช่วยเหลือการขับขี่ได้ 81%

เวอร์ชั่นออสเตรเลียติดตั้งระบบความปลอดภัยเช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบป้องกันการหลุดจากเลน ระบบ Advance Speed Assisted ในทุกรุ่นย่อย

Ancap.com.au

เปิดราคา BT-50 dual-cab ute 11 รุ่นย่อย

  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×2 auto: $44,090 หรือประมาณ 992,000 บาท
  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×2 auto: $45,490 หรือประมาณ 1.02 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×4 manual: $49,360 หรือประมาณ 1.11 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×2 auto: $49,470 หรือประมาณ 1.11 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×4 manual: $50,760 หรือประมาณ 1.14 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab chassis 4×4 auto: $51,860 หรือประมาณ 1.16 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XT dual-cab pickup 4×4 auto: $53,260 หรือประมาณ 1.19 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×4 manual: $54,710 หรือประมาณ 1.23 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 GT dual-cab pickup 4×4 manual: $56,990 หรือประมาณ 1.28 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 XTR dual-cab pickup 4×4 auto: $57,210 หรือประมาณ 1.28 ล้านบาท
  • 2021 Mazda BT-50 GT dual-cab pickup 4×4 auto: $59,990 หรือประมาณ 1.34 ล้านบาท

BT-50 ใหม่เปิดโชว์รูมในวันที่ 1 ตุลาคม ในออสเตรเลีย

ล่าสุดทางเพจ Aussie Car News ได้เผยภาพการขนส่งของ NEW Mazda BT-50 ทั้ง 39 คัน ไปเปิดตัวในออสเตรเลีย โดยจะถึงท่าเรือขนส่งบริสเบนในสัปดาห์นี้โดยขนส่งโดยเรือ Florida Hwy

ช่วงเปิดตัว BT-50 ประกอบด้วยแชสซีแบบดูอัลแค็บและรูปแบบตัวถังรถกระบะดูอัลแค็บ มีให้เลือก 3 เกรดหลักๆได้แก่ XT , XTR , GT เปิดตัวช่วงตุลาคม 2020 ในออสเตรเลีย ก่อนขายไทย พฤศจิกายนนี้

เครดิตภาพ : CarExpert

ไม่แปลกที่มาสด้าต้องพัฒนากระบะให้ดีที่สุด การออกแบบของ BT50 โดย นายอิคุโอะ มาเอดะ (Ikuo Maeda) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ใช้หลักการออกแบบ Kodo Design มาใส่ในกระบะเพื่อตอบโจทย์ดีไซน์มากขึ้น

ด้านหน้าของรถกระบะคันใหม่นั้นมีชุดไฟหน้ามาสด้าที่คุ้นเคยซึ่งคล้ายกับของ Mazda CX-5 (และมาสด้ารุ่นอื่นทุกรุ่น) นอกจากนี้ยังพบที่ด้านหน้าเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมที่โดดเด่น ไฟตักดหมอกด้านล่างที่ไม่ค่อยจะโด่ดเด่น ไฟท้ายออกแบบใหม่ ที่มีรูปทรงแตกต่างจากเดิม แต่มิติภายในโคมยังไม่โด่ดเด่น

ขนาดตัวถัง

  • กว้าง 5,280 มม.
  • ยาว 1,870 มม.
  • สูง 1,790 มม.
  • ฐานล้อยาว 3,125 มม.
  • รัศมีวงเลี้ยว 6.1 เมตร
  • น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,065 กิโลกรัม
  • การลากจูง 3,500 กิโลกรัม

ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ พร้อมบุหนังสีน้ำตาลบริเวณคอนโซลหน้า พวงมาลัยสามก้านแบบสปอร์ตและหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ที่มี Apple CarPlay และ Android Auto

พร้อมใช้ขุมพลัง และ พื้นฐานจาก ISUZU D-MAX

ดีเซล 3.0 VGS Turbo

  • เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD และระบบขับเคลื่อนสองล้อ ตัวถังมีน้ำหนักเบากว่าโฉมปัจจุบัน

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Mazda BT-50 ปี 2021 มาพร้อมกับ

  • ระบบควบคุม Hill Ascent และ Hill Descent แบบมาตรฐาน,
  • Adaptive Cruise Control ระบบที่ช่วยควบคุมความเร็วในการขับขี่ให้สอดคล้องกับสภาพของการจราจรอย่างอัตโนมัติ ,
  • Autonomous Emergency Braking ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ,
  • Autonomous Emergency Warning ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ,
  • Lane Departure Warning ระบบเตือนการออกนอกเลนส์ ,
  • Blind Spot Monitoringระบบช่วยเตือนจุดอับสายตาขณะขับขี่
  • Rear Cross Traffic Alert ระบบเรด้าร์ที่ช่วยเตือนเมื่อมีรถวิ่งผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
  • Mazda BT-50 ใช้พื้นฐานจาก D-max รวมถึง ช่วงล่าง เครื่องยนต์ของ ISUZU D-max แต่มีการปรับโช้คอัพและสปริงให้ความรู้สึกแตกต่างจาก D-max
  • ย้ายผลิตจากโรงงาน ATT ระยอง ไปผลิตที่โรงงาน ISUZU และส่งขายทั่วโลก
  • การออกแบบยังคงแนวคิด KODO Design เหมือนในมาสด้าทุกๆรุ่น

Mazda BT-50 single-cab chassis

Mazda BT-50 extra-cab chassis

Mazda BT-50 dual-cab chassis

Carexpert.com.au

NEW Mazda BT-50 เผยสเปคอย่างเป็นทางการในออสเตรเลีย ก่อนเปิดตัวช่วงตุลาคม มีทั้งหมด 7 รุ่นย่อย แบ่งเป็น XT 2 รุ่น XTR 4 รุ่น และ GT (รุ่นท๊อป) 1 รุ่น

มี 7 สีให้เลือก

  • สีเทา Concrete Grey Mica
  • สีนำเงิน Gunblue Mica
  • สีขาว Ice White Solid
  • สีเทา Rock Grey Mica
  • สีแดง Red Volcano Mica
  • สีเงิน Ingot Silver Metallic
  • สีดำ True Black Mica

ไม่แปลกที่มาสด้าต้องพัฒนากระบะให้ดีที่สุด การออกแบบของ BT50 โดย นายอิคุโอะ มาเอดะ (Ikuo Maeda) หัวหน้าฝ่ายออกแบบ ใช้หลักการออกแบบ Kodo Design มาใส่ในกระบะเพื่อตอบโจทย์ดีไซน์มากขึ้น

ด้านหน้าของรถกระบะคันใหม่นั้นมีชุดไฟหน้ามาสด้าที่คุ้นเคยซึ่งคล้ายกับของ Mazda CX-5 (และมาสด้ารุ่นอื่นทุกรุ่น) นอกจากนี้ยังพบที่ด้านหน้าเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยมที่โดดเด่น ไฟตักดหมอกด้านล่างที่ไม่ค่อยจะโด่ดเด่น ไฟท้ายออกแบบใหม่ ที่มีรูปทรงแตกต่างจากเดิม แต่มิติภายในโคมยังไม่โด่ดเด่น

ขนาดตัวถัง

  • กว้าง 5,280 มม.
  • ยาว 1,870 มม.
  • สูง 1,790 มม.
  • ฐานล้อยาว 3,125 มม.
  • รัศมีวงเลี้ยว 6.1 เมตร
  • น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,065 กิโลกรัม
  • การลากจูง 3,500 กิโลกรัม

ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ พร้อมบุหนังสีน้ำตาลบริเวณคอนโซลหน้า พวงมาลัยสามก้านแบบสปอร์ตและหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ที่มี Apple CarPlay และ Android Auto

พร้อมใช้ขุมพลัง และ พื้นฐานจาก ISUZU D-MAX

ดีเซล 3.0 VGS Turbo

  • เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

ทั้งสองเครื่องยนต์ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD และระบบขับเคลื่อนสองล้อ ตัวถังมีน้ำหนักเบากว่าโฉมปัจจุบัน

Mazda BT-50 XT

  • ล้อแม็กซ์อัลลอย 17 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับได้
  • ระบบ Cruise Control ในเกียร์ธรรมดา
  • ระบบ Adaptive Cruise Control with Stop & Go ในเกียร์อัตโนมัติ
  • หน้าจอกลาง Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 7.0 ลิตร รองรับการใช้งาน Apple CarPlay ทั้งเสียบสายและไร้สาย และ Android Auto
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth เพื่อใช้งานระบบ Hands-free
  • กล้องมองหลัง
  • ช่องชาร์จ USB ที่นั่งด้านหลัง
  • ถุงลมนิรภัย 8 จุด
  • ABS
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB)
  • ระบบเตือนมุมบอดด้านข้าง Blind Spot Monitor (BSM)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC)
  • ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนช่วงฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping (ELK)
  • ระบบสัญญาณไฟเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal (ESS)
  • ระบบควบคุมความเร็วเมื่อลงทางลาดชัน  Hill Descent Control (HDC)  
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน  Hill Launch Assist (HLA)
  • ระบบเตือนเมื่ออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
  • ระบบป้องกันการออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
  • ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane-keep Assist System (LAS)(มีเฉพาะในเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น)
  • ระบบล๊อกเฟืองท้าย Locking Rear Differential (LRD) (เปิดปิดได้ เฉพาะรุ่น 4×4 เท่านั้น)
  • ระบบเตือนรถวิ่งตัดด้านหลังเมื่อถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
  • ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Roll Over Protection (ROP)
  • ระบบ Secondary Collision Reduction
  • ระบบป้องกันการลื่นไถลของรถ   Traction Control System (TCS)
  • ระบบ Speed Assist System
  • ระบบ Turn Assist

Mazda BT-50 XTR เพิ่มเติมจากรุ่น XTR

  • ล้อแม็กซ์อัลลอย 18 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับได้อัตโนมัติ
  • ไฟตัดหมอก LED
  • บันไดข้าง
  • ไฟ Daytime Runing Light
  • แอร์อัตโนมัติพร้อมระบบแยกโซน แะช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • พวงมาลัยหุ้มหนังและหัวเกียร์
  • ไฟห้องโดยสารหรี่อัตโนมัติ
  • ที่ท้าวแขนเบาะด้านหลัง
  • หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
  • ระบบนำทาง
  • ระบบ Advanced keyless entry

Mazda BT-50 GT เพิ่มจาก XTR

  • กระจกกรอบโครเมียมพร้อมระบบอุ่นกระจก
  • เบาะหนังตัดขอบสีน้ำตาล
  • เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะคู่หน้ามีระบบอุ่นเบาะ
  • ระบบสตาร์ทรถด้วยรีโมท
  • เซ็นเซอร์ด้านหน้า

mazda.com.au

  • Mazda BT-50 ใช้พื้นฐานจาก D-max รวมถึง ช่วงล่าง เครื่องยนต์ของ ISUZU D-max แต่มีการปรับโช้คอัพและสปริงให้ความรู้สึกแตกต่างจาก D-max
  • ย้ายผลิตจากโรงงาน ATT ระยอง ไปผลิตที่โรงงาน ISUZU และส่งขายทั่วโลก
  • การออกแบบยังคงแนวคิด KODO Design เหมือนในมาสด้าทุกๆรุ่น

Mazda BT-50 single-cab chassis

Mazda BT-50 extra-cab chassis

Mazda BT-50 dual-cab chassis

Carexpert.com.au

รวมชุดแต่ง Mazda BT-50 เจนใหม่ ในออสเตรเลีย

Mazda ออสเตรเลีย เผยภาพ Mazda BT-50 ชุดแต่งพิเศษพร้อมระบุว่า มีอุปกรณ์เสริมมากกว่า 100 รายการ Mzda BT-50 ใหม่จะมาพร้อมกับสปอร์ตบาร์ระดับพรีเมี่ยมที่ทำจากเหล็กเคลือบสีดำ และมีแผ่นปิดด้านข้างพร้อมตราสัญลักษณ์ BT-50 Mazda ฝาครอบโทนสีอ่อน ล้ออัลลอยสีดำ 18 นิ้วให้เลือก และมีอีกชุดแต่งมากมายเช่น BOSS ADVENTURE , BOSS SPORTS , BOSS TOURING , BOSS LIFESTYLE , BOSS SHADOW

Lexus UX 300e EV พฤศจิกายน 2020

ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous Motor ติดตั้งด้านหน้า พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า FWD และ แบตเตอรี่ Lithium-ion ติดตั้งที่พื้นตัวถังรถ ขนาด 54.3 kWh

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.6 วินาที
  • วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 367 km. (มาตรฐาน WLTP)
  • วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 408 km. (มาตรฐาน JC08)
  • รองรับการชาร์จ แบบปกติ 6.6 kW 0-100% ภายใน 8 ชั่วโมง 30 นาที
  • รองรับการชาร์จ แบบ Quick Charge สูงสุด 50 kW 0-80% ภายใน 80 นาที

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้