วิศวกร TESLA หักปีก Elon Musk ปฏิเสธยังพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไม่ถึง L5 ตอนนี้ได้แค่ L2
วิศวกร TESLA หักปีก Elon Musk พร้อมยื่นจดหมายฟ้องรัฐ Californi เรื่องที่ Elon ระบุว่าสามารถพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติไร้คนขับระดับ L5 ได้ก่อนสิ้นปีนี้
ทาง TESLA ออกมาโจมตีระบบขับขี่อัตโนมัติ หรือ Autopilot หลังจาก Elon Musk ได้โฆษณาเรื่องว่าระบบ Autonomous Driving Level 5 ของ Tesla หรือระบบขับขี่อัตโนมัติไร้คนขับขั้นสูงสุดที่คนขับไม่จำเป็นต้องดูทางอีกต่อไปใกล้จะสำเร็จ
ทางพนักงาน ยังแฉว่า Tesla ยังอยู่ในระดับ L2 หรือ Autonomous Driving Level 2 และยังไม่มีความเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ ณ ตอนนี้ที่จะก้าวไปถึงระดับ L5 อย่างที่ CEO ของเขากล่าว
แม้ว่าทางค่ายรถยนต์จีน จะประกาศว่าตนเองสามารถทำระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L4 ได้สำเร็จ แต่ยังคงเป็นเพียงโมเดลรถต้นแบบเท่านั้น แม้ว่าปัจจุบัน ไป่ตู้ บริษัท เทคโนโลยีของจีน กำลังให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ ในกรุงปักกิ่ง แต่ยังมีรถที่ทดสอบใช้จริงน้อย ถึงอย่างนั้นยังคงต้องติดตามต่อไปเรื่องการใช้งานจริง และความปลอดภัยบนท้องถนนจริง
Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่
- ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
- ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
- ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
- ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
- ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City