ดีลใหญ่สะเทือนโลก EV! จีน–ยุโรป เปิดโต๊ะคุยตั้ง ‘ราคาขั้นต่ำ’ แทนภาษี 45%

ดีลใหญ่สะเทือนโลก EV! จีน–ยุโรป เปิดโต๊ะคุยตั้ง ‘ราคาขั้นต่ำ’ แทนภาษี 45%
Spread the love

Advertisement

Advertisement

สรุปแบบกระชับ:

  • EU และจีนเริ่มเจรจาเพื่อตั้ง “ราคาขั้นต่ำ” สำหรับรถ EV จีน ที่จะเข้าสู่ยุโรป แทนการใช้ภาษีสูงแบบปัจจุบัน (สูงสุด 45.3%)

  • การเจรจานี้เป็นผลทางอ้อมจากนโยบายภาษีที่ “เน้นเล่นงานจีน” ของทรัมป์ ซึ่งทำให้จีนเบนเป้ามายุโรปแทน

  • จีนได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ส่งออกรถยนต์ โดยเน้นยุโรป แทนสหรัฐฯ ที่กีดกันอย่างรุนแรง

  • นักวิเคราะห์มองว่านี่คือตัวอย่างของ การเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) เพราะตลาดที่ถูกปิด ก็จะหันไปโตในตลาดที่เปิด

  • EU ต้องการหากรอบความร่วมมือที่ยั่งยืนกับจีน เพราะเล็งเห็นความสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าจีนในยุโรป

  • การตั้งราคาขั้นต่ำอาจช่วยให้ผู้ผลิตจีนวางแผนธุรกิจในยุโรปได้แม่นยำขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภาษี

ตามรายงานของ Reuters ที่อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ของเยอรมนี สหภาพยุโรป (EU) และจีนได้เริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับ การกำหนดราคาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจนำมาใช้แทนระบบภาษีปัจจุบันของ EU การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตและอาจเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอนาคต ดำเนินนโยบายภาษีแบบมุ่งเป้าไปที่จีน ซึ่งส่งผลให้รถยนต์จีนขยายตัวในยุโรป แต่ถูกจำกัดในตลาดสหรัฐฯ

โฆษกของ EU ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กรรมาธิการการค้าของ EU นาย Maros Sefcovic ได้เจรจากับ รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน นายหวัง เหวินเทา ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะ ศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนด “ราคาขั้นต่ำ” (price floor) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เข้าสู่ตลาดยุโรป

กระทรวงพาณิชย์จีนก็ยืนยันจากปักกิ่งว่า การเจรจาในประเด็นนี้จะ “เริ่มต้นทันที

นาย Sefcovic ย้ำว่า ข้อตกลงราคาขั้นต่ำนี้จะต้อง มีประสิทธิผลและตรวจสอบได้ เทียบเท่ากับระบบภาษีในปัจจุบัน โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 EU ได้เก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนสูงสุดถึง 45.3% ซึ่งนำไปสู่การตอบโต้จากจีน เช่น การเก็บภาษีนำเข้า “คอนญักฝรั่งเศส” จากแบรนด์ดังอย่าง Hennessy และ Rémy Martin

การเจรจานี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ประกาศหยุดเก็บภาษีตอบโต้กับทุกประเทศ ยกเว้นจีน เป็นเวลา 90 วัน พร้อมประกาศเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนโดยเฉพาะ

ผลจากนโยบายของทรัมป์คือ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนที่ไม่สามารถเข้าตลาดสหรัฐฯ ได้ ต้องหันไปขยายตลาดในยุโรปแทน ถึงแม้จะต้องเจอภาษีในยุโรป แต่ก็ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้เรื่อย ๆ

นักวิเคราะห์ชี้ว่า ยอดส่งออกรถยนต์จีนไปยังสหรัฐฯ มีสัดส่วนต่ำมากอยู่แล้ว และตลาดยุโรปกำลังกลายเป็นเป้าหมายหลักสำหรับแบรนด์จีนอย่าง BYD, SAIC, Geely และอื่น ๆ

ผู้เชี่ยวชาญการค้าระหว่างประเทศรายหนึ่งกล่าวว่า “นี่เป็นตัวอย่างคลาสสิกของ การเบี่ยงเบนทางการค้า (trade diversion) เพราะเมื่อสหรัฐฯ ปิดตลาดอย่างเข้มงวด จีนจึงเบนเข็มไปยังตลาดอื่นที่ยังเข้าถึงได้”

ท่าทีของ EU ที่พร้อมเปิดการเจรจานี้ บ่งชี้ว่า ยุโรปเองก็ตระหนักถึงความจำเป็นในการวางกรอบการค้าที่ยั่งยืนกับจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระดับโลกที่ทรัมป์มีส่วนทำให้รุนแรงขึ้น

สำหรับผู้ผลิตรถจีน การกำหนดราคาขั้นต่ำแทนการเก็บภาษีเป็นเปอร์เซ็นต์ จะทำให้การคาดการณ์ต้นทุนและการปรับกลยุทธ์ในยุโรปง่ายขึ้น นำไปสู่การวางแผนระยะยาวอย่างมั่นคงในภูมิภาคที่กลายเป็นตลาดส่งออกสำคัญที่สุดนอกเอเชีย

ผลลัพธ์หนึ่งที่น่าสนใจจากท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์ คือ ทำให้ จีนและยุโรปกลับมาเปิดโต๊ะเจรจาการค้า ในขณะที่ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ ยังเปราะบาง

การเจรจา “ตั้งราคาขั้นต่ำ” สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจีนในยุโรป แทนการเก็บภาษีนำเข้าแบบเดิม จะ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งทางเศรษฐกิจ การค้า และการแข่งขันระหว่างประเทศ

1. เปลี่ยนเกมการแข่งขันของรถยนต์ EV ในยุโรป

  • แทนที่จีนจะต้องรับภาษีนำเข้าสูงลิ่ว (สูงสุด 45.3%) ซึ่งทำให้ราคารถแพงจนขายยาก
  • ถ้ามี “ราคาขั้นต่ำ” (price floor) จะกลายเป็นกติกาที่ทุกแบรนด์จีนต้องเล่นตาม แต่ ยังคงราคาที่แข่งขันได้
  • ส่งผลให้ BYD, NIO, Geely, SAIC, XPENG เดินเกมได้แม่นยำขึ้น วางกลยุทธ์ระยะยาวได้เต็มสูบ
  • ค่ายรถยุโรปเองอย่าง Volkswagen, Renault, Stellantis ก็ต้องเร่งนวัตกรรมและลดต้นทุนเพื่อรับมือคู่แข่งที่แข็งขึ้นเรื่อยๆ

2. ทำให้ราคาตลาดรถไฟฟ้าทั่วยุโรป “นิ่งขึ้น”

  • แทนที่จีนจะขายตัดราคาแบบ “low-ball” เพื่อชิงตลาด (ซึ่ง EU มองว่า unfair)
  • การมี price floor ช่วยให้ ตลาดไม่ถล่มราคาจนเสียสมดุล
  • ผู้บริโภคยุโรปยังได้ของดี ราคาสมเหตุสมผล แต่ ไม่ถูกแบบอัดให้เจ๊ง

3. จีนจะยิ่ง “ปักธง” ในยุโรปหนักขึ้น

  • เมื่อโดนกีดกันในอเมริกา จีนก็จะเททรัพยากรทั้งหมดมาลุยยุโรป
  • เปิดโรงงาน ประกอบในยุโรป ใช้วิธี Localize เพื่อเลี่ยงภาษีในอนาคต
  • จีนอาจ กลายเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ของ EV ในยุโรป ได้ใน 3-5 ปี

4. เปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์การค้าโลก

  • ทรัมป์ปิดตลาดอเมริกา แต่ผลักให้จีน–ยุโรป คุยกันมากขึ้น!
  • ความสัมพันธ์ EU–China อาจแน่นแฟ้นในด้าน “EV diplomacy”
  • สหรัฐฯ เสี่ยง กลายเป็นตลาดโดดเดี่ยว ด้าน EV หากยังเดินเกมภาษีหนักมือ

5. อาจส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่นด้วย

  • ถ้าโมเดล “price floor แทนภาษี” เวิร์ก อุตสาหกรรมอื่น เช่น พลังงาน, เซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่ อาจเอาแนวทางนี้ไปใช้ด้วย
  • สร้างกรอบความร่วมมือที่ไม่ใช่แค่ “ตีกันด้วยภาษี” อีกต่อไป

 สรุปแบบฟาดๆ

“นี่คือการเปลี่ยนจากศึกภาษี → สู่เกมเจรจา เพื่อรักษาตลาด + ปรับสมดุลอำนาจในตลาด EV โลก” และใช่… จีนกำลังเป็นผู้เล่นระดับ global ที่เล่นหมากนี้ได้เหนือชั้นขึ้นเรื่อยๆ


รอยเตอร์

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้