FORD F-150 อาจเลื่อนการเปิดตัวเจนใหม่ออกไป พร้อมรุ่น ไฟฟ้าช่วงขยาย Range-Extended
ฟอร์ดอาจเลื่อนการเปิดตัว F-150 เจเนอเรชันใหม่ออกไปถึงปี 2028
เดิมที ฟอร์ดมีกำหนดเปิดตัว F-150 เจเนอเรชันถัดไปในปี 2027 แต่รายงานล่าสุดระบุว่า อาจต้องรอจนถึงช่วงกลางปี 2028 กว่าที่รถกระบะรุ่นใหม่นี้จะออกสู่ตลาด
ฟอร์ดได้ยกเลิกหรือเลื่อนการเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าบริษัทจะเปิดตัว F-150 รุ่นปรับโฉมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 แต่ยอดขายกลับลดลง 5% เมื่อปีที่แล้ว ทำให้ Toyota RAV4 ซึ่งเป็นโมเดลเก่ากว่า กลายเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในอเมริกา
จากข้อมูลของ Crain’s Detroit Business ซึ่งอ้างอิงจากผู้บริหารของซัพพลายเออร์สามราย ระบุว่า การเปิดตัวของ F-150 รุ่นใหม่ถูกเลื่อนออกไปอย่างน้อยหนึ่งปี เดิมทีโมเดลนี้ซึ่งมีรหัสโครงการ P736 มีกำหนดเปิดตัวในปี 2027 แต่ขณะนี้ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงกลางปี 2028 ซึ่งส่งผลให้ฟอร์ดต้องขยายการผลิต F-150 รุ่นปัจจุบันออกไปอีกหนึ่งปี
สาเหตุของความล่าช้ายังไม่ชัดเจน และเมื่อถูกสอบถาม ฟอร์ดก็ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธเกี่ยวกับระยะเวลาของการเปิดตัว อย่างไรก็ตาม F-150 ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญของฟอร์ด และเป็นรุ่นที่สร้างกำไรได้อย่างมหาศาล การเลื่อนการเปิดตัวจึงถือเป็นเรื่องผิดปกติ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ Chevrolet, GMC, Ram และ Toyota สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น ในขณะที่ F-150 รุ่นปัจจุบันเริ่มเก่า
ฟอร์ดเลื่อนหรือยกเลิกรถหลายรุ่นในแผนอนาคต
ปัจจุบัน ฟอร์ดได้ปรับเปลี่ยนแผนเปิดตัวรถยนต์หลายรุ่น บริษัทเคยวางแผนเปิดตัวครอสโอเวอร์ไฟฟ้าสามแถวในปี 2025 แต่เลื่อนออกไปเป็นปี 2027 ก่อนจะยกเลิกโครงการไปในที่สุด
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเลื่อนการเปิดตัว F-150 Lightning รุ่นใหม่ ที่มีรหัสโครงการ T3 ไปเป็นช่วงครึ่งหลังของปี 2027 โดยให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีต้นทุนต่ำลง และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ ในขณะที่ตลาดยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับปี 2027 ฟอร์ดยังมีแผนเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นใหม่ ที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ คาดว่าจะเป็น Ranger EV ซึ่งจะตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการ “ระยะทางที่มากขึ้น ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายขึ้น และความคุ้มค่ามากขึ้น”
ฟอร์ดหันมาให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบขยายระยะทาง (Range-Extended EVs)
ในข่าวอื่น ๆ ซีอีโอของฟอร์ด Jim Farley ได้เผยว่า บริษัทกำลังให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ระบบขยายระยะทาง (Range-Extended EVs) โดยรถประเภทนี้จะใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กและราคาถูกกว่ารถ EV ทั่วไป แต่ยังสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นหลักได้ เขายังกล่าวเสริมว่า การเลือกใช้ระบบนี้จะช่วยประหยัดต้นทุนได้ถึง “หลายหมื่นดอลลาร์”
การเปลี่ยนแปลงแนวทางของฟอร์ดนี้สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่กำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่คู่แข่งอย่าง GM, Toyota และ Tesla ก็กำลังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมของตนเองอย่างต่อเนื่อง
