FORD โบกมือลาอินเดีย เลิกขาย เลิกผลิต ตามรอย GM
FORD บริษัทรถยนต์ชื่อดัง สัญชาติอเมริกันกล่าวว่า บริษัทขาดทุนสะสมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และเตรียมปิดโรงงาน พร้อมยุติการผลิตในอินเดีย ทั้ง 2 แห่งในเมืองซานันด์ รัฐคุชราต และเชนไน รัฐทมิฬนาฑูอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้พนักงานกว่า 4,000 คนจะตกงาน
Ford Motor Company หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายแรกที่เข้าสู่ตลาดอินเดียหลังจากการเปิดเสรีในปี 1991 และตอนนี้ ได้ตัดสินใจยุติการผลิตในประเทศอย่างเป็นทางการ
น่าแปลกใจอย่างมากที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกในสหรัฐฯ กำลังหันหลังให้อินเดีย อย่างปี 2560 GM หรือ General Motors ได้ประกาศยกเลิกจำหน่ายในอินเดีย รวมทั้ง ในปี 2561 บริษัทมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน Harley-Davidson หยุดการผลิตและลดขนาดการดำเนินการด้านการขายในตลาดรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การประกาศของ Ford เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการหารือเพื่อโอนการดำเนินงานไปให้คู่แข่งในท้องถิ่นอย่าง Mahindra & Mahindra
ในเดือนสิงหาคม ฟอร์ดมีส่วนแบ่งตลาด 1.4% ในตลาดอินเดีย ซึ่งถูกครอบงำโดย Maruti Suzuki ของญี่ปุ่นและ Hyundai Motor ของเกาหลีใต้ซึ่งมีส่วนแบ่งมากกว่า 60% ทั้งสองร่วมมือกับบริษัทสัญชาติอินเดีย
Ford India กล่าวว่าจะยังคงขายโมเดล CBU (Completely Built-up Unit) ที่นำเข้าต่อไป และจะ “ขยายทีม Business Solutions ของพนักงาน 11,000 คนในอินเดียในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อสนับสนุน Ford ทั่วโลก”
จิม ฟาร์ลีย์ ประธานและซีอีโอของ Ford Motor Company กล่าวว่า ” นี้คือส่วนหนึ่งของแผน Ford+ ของเรา เพราะตอนนี้เรากำลังเผชิญปัญหาที่ยาก
ถือเป็นการสิ้นสุดการผลิตรถยนต์กว่า 25 ปีในอินเดียที่ต้องดิ้นรนอย่างมาก และ มีการแข่งขันที่สูงในตลาดรถยนต์ขนาดเล็กลำบากในการทำกำไรระยะยาว รวมทั้งการจัดสรรเงินทุน เพื่อการเติบโตในภูมิภาคที่เหมาะสมกว่า”