Advertisement

Advertisement

เปิดตัวในไทย 23 มีนาคม 2022 FORD RANGER และ FORD EVEREST

เปิดตัวในไทย 23 มีนาคม 2022  FORD RANGER และ FORD EVEREST
Spread the love

Advertisement

Advertisement

ยืนยันจาก ฟอร์ต มอเตอร์ ประเทศไทย อย่างเป็นทางการ สำหรับการเปิดตัว FORD RANGER และ FORD EVEREST พร้อมกันในไทยวันที่ 23 มีนาคม 2022 ในงานมอเตอร์โชว์ 2022 พร้อมจองที่โชว์รูมฟอร์ตทั่วประเทศ

FORD EVEREST มี 2 รุ่น

  • EVEREST Sport ดีเซล 2.0 Turbo 6AT 2WD
  • EVEREST Titanium+ ดีเซล 2.0 Bi-Turbo 10AT 4WD
https://www.car250.com/ford-everest-th-new.html
สีขาว Arctic White

ล่าสุดมีการจับภาพทดสอบวิ่งแบบไม่พลางตัว สำหรับ FORD EVEREST ใหม่ในประเทศไทย ภาพดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดย Kongsiam Worrajit สำหรับ FORD RANGER , RANGER RAPTOR , และ FORD EVEREST จะมาโชว์ตัวในงาน Motor Show 2022 ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

รายละเอียด FORD EVEREST

สีเงิน Aluminium
สีขาว Arctic White
สีเทา Meteor Grey
สีส้ม Sedona Orange
สีน้ำตาล Equinox Bronze
สีดำ Absolute Black

https://youtube.com/watch?v=UQEfgV822IA%3Ffeature%3Doembedhttps%3A

Ford Everest ใหม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ บนแพลตฟอร์ม T6 เวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่ ราคาตอนนี้ยังไม่เปิดเผย แต่จะเปิดตัวช่วงไตรมาส 3 ของปี 2022

Ford Everest ใหม่ มีให้เลือก 4 เกรด ได้แก่ Ambiente, Trend, Sport และ Platinum ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมาก

Everest ใหม่ ติดตั้งขุมพลังดีเซล Bi-Turbo EcoBlue TDCi 4 สูบ 2.0 210 แรงม้า แรงบิต 500 นิวตัน-เมตร (ลากจูง 3000 กก.)

ดีเซล Power Stroke V6 3.0 เทอร์โบ 254 แรงม้า แรงบิต 597 นิวตัน-เมตร ตัวเลขอิงจาก F-150 ในสหรัฐอเมริกา (ลากจูง 3500 กก.) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดเท่านั้น

ขับเคลื่อน 4 ล้อ ปรับด้วยไฟฟ้า (Electronic Shift-On-The-Fly) พร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC) ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร และ 2.3 ลิตร EcoBoost 4 สูบ 270 แรงม้า และ 420 นิวตันเมตร จำหน่ายในบางประเทศ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบซีเล็กชิฟท์ 10 สปีด

ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift-On-The-Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา (set-and-forget mode) ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การขับขี่ของลูกค้าได้ในทุกสภาพถนน ทั้งยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ออฟโรดที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยตะขอเกี่ยวคู่หน้าที่กันชนหน้า เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ตะขอคู่หน้า ช่องพ่วงออฟโรต Upfitter Switch

โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ประกอบด้วย Normal, Eco, Tow Haul และ Slippery ในขณะที่โหมด off-road ที่มีใน 4×4 Trend, Sport และ Platinum รวมถึง Mud/Ruts และ Sand

Ford Everest รักษาความยาวเท่าเดิม แต่ฐานล้อเพิ่มขึ้น 50 มม. จากรุ่นก่อน แทร็กเพิ่มขึ้น 50 มม. สามารถลุยน้ำลึก 800 มม. หลังคาของเอเวอเรสต์สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกคงที่สูงสุด 350 กก.

https://youtube.com/watch?v=vTNQ_wz-b3I%3Ffeature%3Doembed

การออกแบบโดยรวมโดยเฉพาะด้านหน้าของ Everest คล้ายกับ Ranger ที่เน้นกระจังหน้ากว้างขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างแบบ C-clamp ไฟหน้าแบบ LED เมทริกซ์ ตัวถังที่เหลี่ยมขึ้นหลังคาสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว

ทุกรุ่นมีระบบอินโฟเทนเมนท์ Sync 4A พร้อม Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วในแนวตั้ง โดยรุ่นพื้นฐานใช้ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™)iv,v แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 – 12.4 นิ้วตามเกรด ไฟบรรยากาศ Ambiente กล้อง 360 องศา

  • Ford Everest FordPass ™6 Connectivity เจนเนอเรชั่นใหม่ ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น แรงดันลมยาง , ตำแหน่งของรถ สามารถปลดล็อกรถจากระยะไกล เปิดใช้งาน Zone Lighting (หากติดตั้งไว้) และสตาร์ทรถผ่านแอป FordPass
  • ช่อง USB สำหรับแถวหน้าและแถวที่สอง นอกจากนี้ยังมีปลั๊กไฟ 12V สำหรับแถวที่สามและพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • ไฟส่องสว่างโซน สามารถให้แสงสว่างภายนอกรอบคัน เหมาะกับการตั้งแคมป์ หรือท่องเที่ยวอย่างมาก

ในเกรด Platinum ติดตั้งเบาะหนังแบบหนาพิเศษ ระบบแสงโดยรอบ และ ซันรูฟแบบพาโนรามา

เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะนั่งแถวที่สอง เลื่อนได้แบ่ง/พับ 60:40 โดยแถวที่สามมีการแบ่ง 50/50 ทั้งสองแถวได้รับการออกแบบให้พับราบได้

แถวที่สามยังมีพื้นที่วางไหล่และที่เก็บของ ด้านหลังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 537 ลิตร มีพื้นที่เก็บของใต้พื้น ในขณะที่ Ford ได้ติดตั้งลิ้นเล็กๆ สำหรับพื้นที่บรรทุกซึ่งเรียกว่า ‘apple catcher’ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของหลุดออกมาเมื่อเปิดประตูท้าย

ระบบความปลอดภัย และ ช่วยเหลือการขับขี่ได้แก่

  • ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง มีถุงลมนิรภัยตรงกลางแบบใหม่ระหว่างผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชนกันจากการกระแทกด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยยังคงครอบคลุมทั้งสามแถว / ถุงลมนิรภัยหัวเข่า เฉพาะคู่หน้า
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
  • ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Lane Centering)
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping System with Road-edge Detection)
  • ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steer Assist)
  • ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse Brake Assist)
  • ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind Spot Information System with Trailer coverage)
  • ระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision Assist with Intersection Functionality)
  • ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ix ช่วยจอดสะดวกสบายมากขึ้นในพื้นที่แคบเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็ว เบรก ให้จอดรถแบบขนาน หรือ เข้าช่องจอดง่ายๆ

หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกของโลกในวันนี้ Ford Everest ปี 2023 จะออกสู่ตลาดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย และอื่นๆ สำหรับรุ่น ปลั๊กอินไฮบริด PHEV จะตามมาทีหลัง

FORD EVEREST

FORD RANGER

FORD RANGER หัวเดี่ยว SWB มาพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ คอยล์สปริง ไม่มีแหนบ ล้ออลูมิเนียม เน้นการขนส่ง
Ranger Wildtrak : เครดิตภาพ Aek Pongnavee
Ranger Wildtrak : เครดิตภาพ Aek Pongnavee
Ranger Wildtrak : เครดิตภาพ Aek Pongnavee
Sport : เครดิตภาพ นุ โคกกกม่วง
RANGER SPORT : เครดิตภาพ Aek Pongnavee
RANGER SPORT : เครดิตภาพ Aek Pongnavee
https://youtube.com/watch?v=D9inNQx0EIg%3Ffeature%3Doembed

Carexpert สื่อออสเตรเลียได้พาไปชม FORD RANGER Prototype หรือตัวต้นแบบก่อนจำหน่ายจริง รายละเอียดค่อนข้างเวอร์ชั่นผลิตจริงเกือบ 100% เราบันทึกภาพให้สามารถดูได้แบบภาพนิ่ง สำหรับท่านที่ดู VDO ก็สามารถคลิกดูได้เช่นกัน

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นที่ 5 เผยภาพออกมาอย่างเป็นทางการ พัฒนาบนแพลตฟอร์มเดียวกับ Volkswagen Amarok (T6) NEW FORD RANGER มีทั้งหมด 5 เกรดให้เลือกได้แก่ XL / XLS / XLT / SPORT / WILDTRAK

  • ฟอร์ดยังได้ประกาศแผนสำหรับอุปกรณ์เสริม ตกแต่ง ที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงงานเกือบ 600 รายการ รวมถึงบางส่วนที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับ ARB

FORD RANGER ใหม่ จะมาพร้อมจำหน่ายใน 180 ประเทศทั่วโลก คาดว่าจะเปิดตัวในออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นจึงเข้าสู่อเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้

ฟอร์ดเรียกนิยามของการใช้ชีวิตแบบเรนเจอร์ว่า ‘Live The Ranger Life’ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักออกแบบ และวิศวกรที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยึดถือร่วมกัน

XL
XLS
XLT
SPORT

ในแง่ของรูปลักษณ์ ด้านหน้าของรถใหม่ใช้การออกแบบใหม่ กระจังหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น คาดด้วยแถว 2 ชั้นทะลุไปถึงไฟหน้ารูปตัว C ไฟหน้า Matrix LED องศา Ford Maverick แต่ก็ใกล้เคียงกับ Ford F-150 ในแง่การออกแบบโดยรวม

ไฟท้าย FORD RANGER ออกแบบใหม่ให้มีมิตินูนออกนอกเล็กน้อย พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ พร้อมกล้อง 360 องศา

  • ระยะฐานล้อได้รับการขยายอีก 50 มม. (เกือบ 2 นิ้ว)
  • ด้านหลังได้ขยายแทร็กให้กว้างขึ้น 50 มม. (2 นิ้ว)
  • ยังมีชุดอุปกรณ์ และ จุดผูกสัมภาระเพิ่มเติมในกระบะท้าย
https://youtube.com/watch?v=METhzqlJY5k%3Ffeature%3Doembed

ภายในรถใหม่จะติดตั้งหน้าจอ LCD แบบเต็มขนาด 12 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียควบคุมส่วนกลางแนวตั้งขนาด 15.5 นิ้วและติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ SYNC 4 ล่าสุด รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย และ รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air

  • เจ้าของสามารถใช้แอป FordPass เพื่อสตาร์ทและล็อก/ปลดล็อกรถจากระยะไกล ตลอดจนตรวจสอบสถานะได้ โมเดลควรปรับปรุงตามอายุด้วยการอัปเดตแบบ over-the-air

เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 แบบ

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0T 4 สูบ ขนาดเล็กกว่า (ยังไม่ระบุเลขกำลัง)

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ​ 2.0 ลิตร

เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 เทอร์โบคู่ของ Ranger Raptor ให้กำลัง 210 แรงม้า แรงบิต 500 นิวตัน-เมตร

เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 5 สูบ จะถูกแทนด้วย เครื่องยนต์ดีเซล V6 รุ่นใหม่ที่มีความจุ 3.0 ลิตร (ยังไม่ระบุเลขกำลัง)

อีกทางหนึ่ง ฟอร์ดจะขายรถกระบะปรับปรุงใหม่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร

จะมีชุดเกียร์ให้เลือก 3 แบบ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด / เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดอัปเดตใหม่

ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift-On-The-Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา (set-and-forget mode) ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การขับขี่ของลูกค้าได้ในทุกสภาพถนน ทั้งยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ออฟโรดที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยตะขอเกี่ยวคู่หน้าที่กันชนหน้า

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้