ปี 2024 GWM มียอดขาย 1.23 ล้านคันทั่วโลก มีช่องทางการขายต่างประเทศกว่า 1,400 แห่ง

ไฮไลต์รุ่นเด่น:
- GWM HAVAL B26: SUV Boxy Hybrid 1.5T เจเนอเรชันใหม่ พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ Hi4 และโหมดขับขี่ 7 รูปแบบ
- ALL NEW GWM WEY 80: เอสยูวีหรู 3 รุ่นย่อย จัดเต็มเทคโนโลยี Coffee OS 3.2 กวาดยอดจอง 7,848 คันใน 24 ชั่วโมง
- GWM TANK 300 Hook Edition: ออฟโรดพันธุ์โหด ตัวจริงสายลุย พัฒนาคู่เส้นทางสุดโหดระดับโลก
- GWM ORA07 Touring Edition: อีวีสไตล์แฟชั่น มาพร้อม NOA ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
- GWM POER SAHAR Hi4-T: กระบะออฟโรดไฮบริดพลังกำลังสูง
- GWM SOUO S2000GL: บิ๊กไบค์สายทัวริ่ง Flat-8 DCT 8 สปีด ล้ำด้วยจอสัมผัส 12.3 นิ้ว
เทคโนโลยีสุดล้ำ:
-
ร่วมมือกับ Cerence AI พัฒนาค็อกพิตอัจฉริยะ Cerence xUI™ โต้ตอบได้ลื่นไหลด้วย AI LLM
เป้าหมายปี 2025:
- ผลิตรถยนต์ครบ 15 ล้านคัน
- ขยายกลยุทธ์ “One GWM” รุกตลาดโลกอย่างเป็นระบบ
- เสริมแกร่งยุทธศาสตร์ “Ecological Globalization” ครอบคลุม R&D ถึงบริการหลังการขาย
- ตั้งเป้าเชื่อมโลกด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม
ผลงานล่าสุด:
- ปี 2024 GWM ขายรถใหม่ทั่วโลก 1.23 ล้านคัน (+43.39% ในตลาดต่างประเทศ) ทุบสถิติยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์
- ปัจจุบัน GWM มีช่องทางการขายในต่างประเทศมากกว่า 1,400 แห่ง และมีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคน
GWM ขนยนตรกรรมกว่า 40 รุ่น จาก 6 แบรนด์หลัก ในงาน Auto Shanghai 2025 นำโดย GWM HAVAL B26, ALL NEW GWM WEY 80, GWM TANK 300 Hook Edition, GWM ORA07 Touring Edition และมอเตอร์ไซค์ GWM SOUO S2000GL สะท้อนการเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
กรุงเทพฯ 29 เมษายน 2568 – GWM ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” ล่าสุด GWM สร้างความตื่นตาตื่นใจในงาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition ครั้งที่ 21 (Auto Shanghai 2025) ด้วยการนำเสนอทัพยนตรกรรมกว่า 40 รุ่นจาก 6 แบรนด์หลัก ได้แก่ GWM HAVAL, GWM WEY, GWM TANK, GWM ORA, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Tech GWM, Off-Road GWM, Global GWM” ที่สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของแบรนด์ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน พร้อมทั้งเปิดตัวโลโก้แบรนด์ใหม่ “GWM” เพื่อสื่อถึงแนวคิดระดับโลกอย่าง “GWM Go With More” ซึ่งสะท้อนถึงการขยายการเติบโตในระดับโลกอย่างไม่หยุดยั้ง ตอกย้ำภาพลักษณ์ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พลังงานทางเลือกที่หลากหลายและครอบคลุม และระบบนิเวศของไลฟ์สไตล์ยานยนต์อัจฉริยะของ GWM ได้อย่างครบวงจร
GWM ขนนวัตกรรมที่ล้ำหน้ามากมายไปจัดแสดง โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่ม Smart Living และกลุ่ม Off-Road Machines เพื่อนำเสนออนาคตแห่งการเดินทางที่ตอบความต้องการของผู้คนยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ สำหรับ Smart Living คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยยนตรกรรมจาก 3 ตระกูล ได้แก่ GWM HAVAL, GWM WEY และ GWM ORA ซึ่งมีรุ่นไฮไลต์ ได้แก่ GWM HAVAL B26 รถเอสยูวีรูปทรง BOXY เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5T เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อไฮบริดอัจฉริยะ Hi4 รุ่นล่าสุด มอบทั้งสมรรถนะการขับขี่และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 7 โหมด ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ADAS ระดับ L2 และฟีเจอร์จอดรถอัตโนมัติที่รองรับการจอดที่ซับซ้อนกว่า 40 รูปแบบ และเทคโนโลยีภายในล้ำสมัยอีกมากมาย นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานกิจกรรมกลางแจ้งด้วยอุปกรณ์เสริมเฉพาะทางอย่าง ไฟแคมป์ปิ้ง และม่านบังแดดท้ายรถ รวมถึงมีระบบจ่ายไฟภายนอก 3.3 กิโลวัตต์ ตอบโจทย์ทั้งการเดินทางในเมืองและการผจญภัยออฟโรดอย่างแท้จริง ขณะที่ GWM ORA07 Touring Edition เป็นการผสมผสานแฟชั่น ความอัจฉริยะ และความกว้างขวาง มาพร้อมระบบ lidar และระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ NOA (Navigation on Autopilot) ทำให้ผู้ใช้งานขับขี่ได้อย่างมั่นใจทั้งบนทางด่วนและในเมือง นอกจากนี้เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งานเพื่อการเดินทางแบบครอบครัวและนักธุรกิจ ALL NEW GWM WEY 80 ได้เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ GWM WEY80 7, GWM WEY80 8 และ GWM WEY80 9 ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Hi4 Performance version ระบบช่วยขับ Coffee Pilot Ultra และ Coffee OS 3.2 สมาร์ทค็อกพิตรุ่นใหม่ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างส้นหลามด้วยยอดจองถล่มทลายไปกว่า 7,848 คัน ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
สำหรับกลุ่ม Off-Road Machines ครอบคลุมไปด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ตระกูล GWM TANK, GWM POER และ GWM SOUO Motorcycles เอาใจสายลุยผู้ชื่นชอบการเดินทางเพื่อประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ท้าทาย ผ่านยนตรกรรมออฟโรดด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่ง ดุดัน และพลังอันเปี่ยมล้น โดยยนตรกรรมไฮไลต์ที่โดดเด่นในกลุ่มนี้ ได้แก่ GWM TANK 300 Hook Edition รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสมรรถนะสูง พัฒนาร่วมกับเส้นทางออฟโรดระดับโลก “Hook Route” เพื่อพิชิตภูมิประเทศที่ท้าทายที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก รวมถึง GWM POER SAHAR Hi4-T รถกระบะพรีเมียมสายออฟโรดพลังงานใหม่ที่เผยโฉมทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Global Edition และรุ่น Performance Edition สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มออฟโรดซุปเปอร์ไฮบริด Hi4-T และ Shanhai POER Hi4-T ผสมผสานพลังที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพไฟฟ้าแรงกล้า และการประหยัดน้ำมันมากกว่าที่เคย และตื่นตาตื่นใจไปกับยนตรกรรมสองล้อหนึ่งเดียวของ GWM กับ GWM SOUO Motorcycles บิ๊กไบค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเหล่านักบิดสายทัวร์ริ่งเปิดตัว GWM SOUO S2000GL “Tengyun Ruishi” Limited Edition ซึ่งมีเครื่องยนต์ Flat 8 แบบแนวนอน จับคู่กับระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Dual-Clutch 8 สปีด มาพร้อมกับคุณสมบัติล้ำสมัย เช่น ชิปเซ็ต 8155 และแผงหน้าปัดสมาร์ทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว มอบสมรรถนะที่ทรงพลังและประสบการณ์การขับขี่ระดับไฮเอนด์ที่ทนทานเหนือระดับ
มู่ เฟิง ประธาน GWM กล่าวว่า “ในปี 2025 GWM จะเดินหน้าสู่หมุดหมายสำคัญด้วยการผลิตรถยนต์คันที่ 15 ล้าน นับเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของการพัฒนาแบรนด์สู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันในปีนี้ยังถือเป็นปีแรกของการเดินหน้ากลยุทธ์
‘One GWM’ อย่างเป็นทางการ โดยยึดแนวทางการเติบโตแบบระบบนิเวศควบคู่กับการขยายการเติบโตในระดับท้องถิ่นเพื่อก้าวเข้าสู่สู่ตลาดโลกอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงดีเอ็นเอสายลุยที่เป็นเอกลักษณ์ของ GWM ไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างไลฟ์สไตล์แห่งอนาคตที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงกับผู้คนเพื่อช่วยให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น”
ภายในงาน GWM ยังได้ร่วมมือกับ Cerence AI เปิดตัวประสบการณ์ค็อกพิตอัจฉริยะแบบใหม่ภายในรถยนต์ ด้วยการนำเสนอแพลตฟอร์ม Cerence xUI™ ซึ่งเป็นระบบ AI แบบ agentic ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างชาญฉลาดและเป็นธรรมชาติ การสาธิตครั้งนี้จัดขึ้นภายในรถยนต์ของ GWM เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของประสบการณ์ภายในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) ซึ่งทำงานผสานกันอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ภายในรถยนต์และระบบคลาวด์ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ในการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำสมัย เชื่อมต่อ และเข้าใจผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของ GWM ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคตที่ไม่เพียงขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม แต่ยังให้ความสำคัญกับการยึดผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลางอีกด้วย
ปัจจุบัน GWM มีช่องทางการขายในต่างประเทศมากกว่า 1,400 แห่ง และมีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกมากกว่า 15 ล้านคน โดยในปี 2024 GWM มียอดขายรถใหม่รวม 1,233,292 คัน และมียอดขายในตลาดต่างประเทศถึง 453,141 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามากถึง 43.39% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ GWM โดยแบรนด์จะยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ “Ecological Globalization” ที่ครอบคลุมการวิจัยและพัฒนา การผลิต ซัพพลายเชน การขาย และบริการไปยังตลาดต่างประเทศอย่างครบวงจร เพื่อสร้างระบบอุตสาหกรรมระดับโลกที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ตอกย้ำจุดยืนของ GWM ในการขับเคลื่อนแบรนด์สู่มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง