GWM พัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ L4 ไม่ต้องมีคนควบคุม เตรียมขายในรถยนต์รุ่นใหม่ ปีหน้า
Great Wall ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบขับขี่ด้วยตัวเอง หรือ Autopilot L4
ปัจจุบันการ อุสาหกรรมรถยนต์ได้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ หนทางใหม่ในอุสาหกรรม และผู้นำคงหนีไม่พ้น Tesla ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์แบบเดิมๆ ทั่วโลกต่างเปลี่ยนแปลงตัวเอง และหนึ่งในการแข่งขันคือการพัฒนา ระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L4
ระบบ Autopilot ประกอบด้วยการทำงาน Traffic-Aware Cruise Control ซึ่งควบคุมความเร็วของรถตามลักษณะของการจราจรโดยรอบ และ Autosteer ซึ่งช่วยควบคุมรถในเลนที่มีเส้นแบ่งชัดเจนและทำงานร่วมกับ Traffic-Aware Cruise Control หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Autopilot ของ Tesla จะควบคุมความเร็วของรถตามสภาพการจราจรพร้อมกับควบคุมให้รถอยู่ในเลน
Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่
- ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
- ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
- ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
- ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
- ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City
ในความเป็นจริง และ น่าแปลกใจที่ทาง Great Wall Motors ในประเทศจีนเป็นหนึ่งใน บริษัท รถยนต์ชั้นนำในประเทศ สามารถพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ L4 และพร้อมจะเปิดตัวในรถยนต์รุ่นใหม่ๆของค่ายโดยเฉพาะเรือธง H6 ในปีหน้า
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Great Wall Motors ได้จัดงาน “Ecological Ideas Behind Smart Driving Coffee” Zhang Kai ผู้รับผิดชอบในระบบขับขี่อัตโนมัติของ Great Wall Motors และประธาน Haomo Zhixing ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลลัพธ์และกลยุทธ์ การใช้งาน Great Wall Coffee Smart Driving
Zhang Kai กล่าวว่า เรากำลังเปลี่ยนแปลง Great Wall Motors ให้เปลี่ยนเป็น บริษัท การท่องเที่ยวด้านเทคโนโลยีระดับโลกและกล่าวว่า ” ระบบขับขี่อัตโนัมติ เป็นแนวโน้ม สำคัญของอุสาหกรรมยานยนต์ ”
ในเวลาเดียวกัน Zhang Kai ยังเปรียบรถอัจฉริยะในอนาคตว่า “สี่ล้อ + ซูเปอร์คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง” ในอนาคต Coffee Smart Driving จะนำเสนอพื้นที่แห่งจินตนาการที่สมบูรณ์ ไม่มีขอบเขต และสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้ผู้คน รวมถึงการเดินทางที่สะดวกสบาย
Zhang Kai ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า Café Smart Driving จะทำให้เกิดการขับขี่อัจฉริยะครั้งแรกของจีนที่มีความสามารถระดับ L4 และ พร้อมจำหน่ายแก่ผู้บริโภคไม่เกินปี 2565
Great Wall Motor ได้ร่วมมือกับ Huawei และ Qualcomm ลงทุนใน Horizon Coffee Zhijia เป็นแพลตฟอร์มการผลิตรถยนต์ที่ซ้ำซ้อนแห่งแรกของโลก โดยเฉพาะระบบขับขี่อัตโนมัติ
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ออกมาเผยเมื่อต้นปีว่า เขากำลังจะพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติสูงสุดระดับ L5 คาดว่าเสร็จภายในปี 2564 ระบบรถยนต์ระดับ L5 จะปลอดภัยกว่าคนขับอย่างน้อย 100%