Advertisement

Advertisement

GWM และ MG พร้อมรับส่วนลด 150,000 บาท มาตรการจูงใจซื้อรถยนต์อีวี ในงาน มอเตอร์โชว์ 2022

GWM และ MG พร้อมรับส่วนลด 150,000 บาท มาตรการจูงใจซื้อรถยนต์อีวี ในงาน มอเตอร์โชว์ 2022
Spread the love

Advertisement

Advertisement

GWM และ MG พร้อมแล้วสำหรับ มาตรการจูงใจซื้อรถยนต์อีวี พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลง ภายในงาน มอเตอร์โชว์ 2022 ระหว่าง 23 มีนาคม – 3 เมษายน 2022 (ในรอบสื่อมวลชน 22 มีนาคม 2022) นอกจากนี้ยังมีค่ายญิปุ่น นิสสัน มิตซูบิชิ ฮอนด้า โตโยต้า ให้ความสนใจ แต่ยังไม่เปิดโครงการ

ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า ภายในงาน มอเตอร์โชว์ เราจะเห็นลดคันละ 150,000 – 160,000 บาท กรณีที่เป็นรถนำเข้าจากจีน หากเป็นรถจาก ญี่ปุ่น เกาหลี หรือยุโรป อาจเห็นส่วนลดถึง 300,000 – 400,000 บาท เพราะนอกจากได้เงินหนุน ยังได้ส่วนลดภาษีนำเข้าศุลกากร

  • เพราะเดิมรถนำเข้าจากจีน ได้รับประโยชน์จากการนำเข้า โดยคิดภาษีเป็น 0 อยู่แล้ว

ขณะที่เงื่อนไขการเข้าร่วมมาตรการนั้น ต้องให้ค่ายรถยนต์เซ็นสัญญานำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดอากรขาเข้า ลดภาษีสรรพสามิต และรัฐให้เงินอุดหนุนราคารถอีวี ตั้งแต่ 70,000-150,000 บาท

สำหรับส่วนลด MG และ GWM เราจะแสดงให้เห็นโดยประมาณ จะมาพร้อมส่วนลด 160,000 – 200,000 บาท บาท

ส่วนลด 227,000 บาท MG EP EV ใหม่ ราคา 761,000-771,000 บาท

https://www.car250.com/zs-ev-th-new-color-2022.html
https://www.car250.com/zs-ev-th-new-color-2022.html

MG ZS EV ไมเนอร์เช้นจ์ แบตเตอรี่ 50.3kWh จะได้ส่วนลด 150,000 บาท (ยังไม่ระบุราคา)

https://www.car250.com/ora-good-cat-th-2022.html

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ต้องผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าในปี 2565-2566 โดยสามารถผลิตรถรุ่นใดก็ได้

  • ลดอากรนำเข้าสูงสุด 40 % ระหว่าง 2565 – 2566
  • ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ระหว่าง 2565 – 2568
  • เงินหนุนระหว่างปี 2565 – 2568
    • แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 70,000 บาท
    • แบตเตอรี่สูงกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 150,000 บาท

มาตรการดังกล่าว กำหนด 3 รูปแบบได้แก่

  1. การส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าชนิดใช้แบตเตอรี่หรือ BEV ภายในประเทศ
  2. การส่งเสริมการผลิต BEV เพื่อชดเชยการนำเข้า
  3. การผลิตและการใช้ชิ้นส่วน BEV สำคัญภายในประเทศ

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ต้องผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าในปี 2565-2566 โดยสามารถผลิตรถรุ่นใดก็ได้

  • ลดอากรนำเข้าสูงสุด 40 % ระหว่าง 2565 – 2566
  • ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ระหว่าง 2565 – 2568
  • เงินหนุนระหว่างปี 2565 – 2568
    • แบตเตอรี่ต่ำกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 70,000 บาท
    • แบตเตอรี่สูงกว่า 30kWh ได้เงินหนุน 150,000 บาท

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาเกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท

  • ลดอากรนำเข้าสูงสุด 20 % ระหว่าง 2565 – 2566
  • ลดภาษีสรรพสามิต จาก 8% เหลือ 2% ระหว่าง 2565 – 2568

ต้องเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศ, ผลิตรถยนต์ชดเชยในปี 2567 เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ในปี 2565-2566 หากจำเป็นต้องขยายเวลา การผลิตชดเชยได้ถึง 2568 และจะต้องผลิตในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.5 เท่า (นำเข้า 1 คัน ผลิต 1.5 คัน)

รถจักรยานยนต์

  • ราคาขายปลีกไม่เกิน 150,000 บาท รับเงินหนุน 18,000 บาทต่อคันทั้ง CKD และ CBU (ปี 2565-2568)

ต้องเป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศ, ผลิตรถยนต์ชดเชยในปี 2567 เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ในปี 2565 – 2566 หากจำเป็นต้องขยายเวลาการผลิตชดเชยได้ถึงปี 2568 โดยจะต้องผลิตในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.5 และต้องเลือกผลิตรถยนต์จากรถรุ่นใดรุ่นหนึ่งที่ได้นำเข้ามาในช่วงปี 2565 – 2566 เท่านั้น

รถกระบะ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท

  • ลดภาษีสรรพสามิตเป็น 0% ในปี 2565-2568
  • เงินหนุน 150,000 บาท ปี 2565 – 2568 สำหรับกระบะ BEV แบตเตอรี่ขนาดตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป (เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศ เท่านั้น)

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้