“แม่ทัพเก่าคืนสนาม” – Volvo ดึง Håkan Samuelsson คุมทัพ รับมือศึกตลาดรถไฟฟ้า
Håkan Samuelsson กลับมาคุมบังเหียน Volvo อีกครั้ง หลัง Jim Rowan ลาออก
Volvo Cars ประกาศเปลี่ยนแม่ทัพ! โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2025 เป็นต้นไป Håkan Samuelsson จะกลับมารับตำแหน่ง CEO และประธาน Volvo Cars อีกครั้ง เป็นระยะเวลา 2 ปี หลังจากที่ Jim Rowan ประกาศลาออกจากคณะกรรมการบริหารและตำแหน่ง CEO มีผลวันที่ 31 มีนาคม 2025
Samuelsson ไม่ใช่หน้าใหม่ในบ้านนี้ — เขาคืออดีต CEO ที่พา Volvo ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงปี 2012-2022 ทั้งการรีแบรนด์, ขยายตลาด และนำ Volvo เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (IPO) ได้สำเร็จ
สถานการณ์ไม่ถึงขั้นวิกฤติแบบ Nissan แต่ก็ไม่ง่าย
แม้ Volvo จะไม่ได้อยู่ในจุดลำบากเหมือนบางค่ายที่ต้อง “สู้เพื่ออยู่รอด” แต่ความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม, สงครามทางเทคโนโลยี, และการแข่งขันที่ร้อนแรงขึ้น ก็ทำให้บอร์ดบริหารต้องเลือก “คนคุ้นเคยในช่วงเวลาที่ไม่คุ้นเคย” เพื่อประคองบริษัทในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
จาก EV Only กลับสู่ความยืดหยุ่น
อีกหนึ่งสัญญาณสำคัญคือ Volvo ได้ปรับจุดยืนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า — ไม่ได้มุ่งสู่ EV 100% ภายในปี 2030 อีกต่อไป แต่จะยังคงพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปที่มีระบบไฟฟ้าช่วย (Electrified ICE) คู่ไปกับการขยายไลน์อัป EV
เสียงจากบอร์ดและ CEO คนใหม่ (แต่หน้าเดิม)
Eric Li ประธานบอร์ด Volvo Cars กล่าวต้อนรับ Samuelsson ว่า “เขาคือผู้นำที่เคยพา Volvo ผ่านทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง และสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์”
Samuelsson เองก็กล่าวว่า “วงการรถยนต์ตอนนี้เจอแรงกดดันจากหลายทิศทาง ผมรู้ดีว่าความท้าทายรออยู่ และพร้อมทำงานกับทีมของเรา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ Volvo และเตรียมความพร้อมสำหรับผู้นำคนต่อไป”
ขอบคุณ Jim Rowan สำหรับผลงาน 3 ปี
บอร์ดบริหารยังกล่าวขอบคุณ Jim Rowan ที่พา Volvo เปลี่ยนผ่านสู่บริษัทที่เน้นซอฟต์แวร์และการเชื่อมต่อมากขึ้น รวมถึงพัฒนาความแข็งแกร่งด้านดิจิทัลตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
Rowan กล่าวปิดท้ายว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำ Volvo เราได้ร่วมกันพัฒนาแบรนด์ที่เติบโตเร็วและเชื่อถือได้ รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัยและเน้นความปลอดภัยที่สุดในอุตสาหกรรม”
ปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน
แม้ปี 2024 จะเป็นปีที่ดีที่สุดของ Volvo ในประวัติศาสตร์ 98 ปี — ด้วยยอดขาย 763,389 คัน รายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ — แต่ปี 2025 กำลังถูกวางให้เป็น “ปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน” เตรียมพร้อมสู่ยุคต่อไปของแบรนด์ภายใต้ความไม่แน่นอนของวงการยานยนต์
