Advertisement

Advertisement

HAOMO AI เปิดตัวรถขนส่งอัตโนมัติ ราคา 441,000 บาทในจีน โดย Great Wall Motor

HAOMO AI เปิดตัวรถขนส่งอัตโนมัติ ราคา 441,000 บาทในจีน โดย Great Wall Motor
Spread the love

Advertisement

Advertisement

HAOMO AI ตาร์ทอัพระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของจีนที่ควบคุมโดยประธาน Wei Jianjun ของ Great Wall Motor ได้เปิดตัว Little Magic Camel 3.0 ที่จัดงาน World Intelligence Conference ครั้งที่ 7

Little Magic Camel 3.0 รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ สำหรับงานเทอร์มินัลขนาดกลาง หรือการขนส่งขนาดเล็ก เบื้องต้นรถรุ่นใหม่มีราคาจำหน่ายเพียง 89,999 หยวน หรือประมาณ 441,000 บาท

Little Magic Camel 3.0 อยู่ในตำแหน่งรถขนส่งอัตโนมัติสำหรับขนส่งปลายทางขนาดกลาง ซึ่งสามารถรับฟังก์ชั่นการขับขี่อัตโนมัติระดับ L4 ในระดับนี้ไม่ต้องการมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน L3 เพราะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์

Little Magic Camel 3.0 ใช้การออกแบบโมดูลาร์ และรองรับการขยายตัว ในแง่ของขนาด รถรุ่นนี้มีความยาว 2.4 เมตร กว้าง 1.1 เมตร มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 2 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถขยายเป็น 3 ลูกบาศก์เมตรในภายหลัง ซึ่งมันสามารถขนส่งสินค้าได้พอสมควร

ในแง่ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะของ Little Magic Camel 3.0 มาพร้อมโซลิดสเตตลิดาร์ 3 ตัวและกล้องความละเอียดสูง 7 ตัว พร้อมกับตัวควบคุมโดเมนไมโครที่พัฒนาขึ้นเองด้วยกำลังการประมวลผลสูง 360TOPS และติดตั้งแพลตฟอร์ม Qualcomm Snapdragon Ride (SA8540P และ SA9000P ) ชิปคู่ สามารถวิ่งได้กว่า 140 กม./ชาร์จ

  • รองรับอุปกรณ์โต้ตอบแบบหน้าจอสัมผัสที่เป็นอุปกรณ์เสริม

สำหรับประเทศจีนอัตราการเติบโตที่สม่ำเสมอสำหรับช่วงเวลาข้างต้นจะเท่ากับ 10% ภายในประเทศ ขนาดตลาดของสถานีขนส่งด่วนของจีนอยู่ที่ประมาณ 130,000 ล้านหยวน ประมาณ 637,584 ล้านบาท และขนาดตลาดของบริการจัดส่งด่วนอยู่ที่ประมาณ 320,000 ล้านหยวน ประมาณ 1.56 ล้านล้านบาท

ตามสถิติจากสถาบันที่เกี่ยวข้อง ตลาดกระจายสินค้าทั่วโลกจะมีมูลค่าประมาณ 197.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2022 และคาดว่าจะสูงถึง 424.3 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030

Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
  • ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
  • ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
  • ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
  • ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้