Advertisement
Advertisement
VIDEO
Lotus Cars Thailand โดย Wearnes Automotive ผู้นำเข้า และ จัดจำหน่ายรถยนต์ LOTUS อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มเปิดตัว Lotus ELETRE SUV ไฟฟ้าใหม่ในไทย พร้อมปรับราคาจำหน่าย ELETRE S 5,990,000 บาท และ ELETRE R 6,890,000 บาท
มาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่ High Voltage นาน 8 ปี หรือ 160,000 km. *สามารถกดเลือก Option สั่งเพิ่มเติมได้
Lotus Eletre พัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม Pure-EV ใหม่ที่สามารถรองรับการขยายขนาดได้ ทำให้แบรนด์ Lotus ภายใต้ Geely สามารถทำ SUV ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในราคาต่ำกว่า
Lotus Eletre SUV ไฟฟ้า เน้นกลุ่มรถครอบครัว ในราคาจับต้องได้ ซึ่งมันมีราคาต่ำกว่ารถสปอร์ตมาก เพราะโลตัส มีความจำเป็นต้องขยายผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง และเติบโตได้มากกว่า
Lotus Eletre MY2025 เพิ่มเติม
รุ่น Eletre S ราคาเพิ่ม 100,000 บาท
เพิ่มหลังคากระจก Glass Roof ในรุ่น S
เพิ่มแพ็คเกจเบาะนั่ง Comfort Seat Pack เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เพิ่มเครื่องเสียง KEF 3D เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เพิ่มสีขาว Akoya White
ยกเลิกระบบเบรกหลัง 6-Piston Red Calipers
รุ่น Eletre R ราคาเพิ่มขึ้น 300,000 บาท
นายธีรพงศ์ รอดลอย ผู้จัดการส่วนภูมิภาค บริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนจำหน่ายและให้บริ การหลังการขายรถยนต์โลตัสอย่ างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดี ยวในประเทศไทย บริษัท เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ รู้สึกยินดีที่ได้นำเสนอ Eletre สุดยอดไฮเปอร์เอสยูวีสู่นักขั บชาวไทยเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการยานยนต์ สมรรถนะสูงที่ใช้งานได้อย่ างอเนกประสงค์มากขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งการขับขี่ในชี วิตประจำวันและการเดินทางพักผ่ อนในวันหยุด โดยยังคงมอบสมรรถนะการขับขี่ขั้ นสุดและประสบการณ์สุดเร้าใจเสมื อนกำลังพุ่งทะยานในสนามแข่ งไปพร้อมกัน หากสิ่งที่แตกต่างคื อความสะดวกสบายที่เหนือกว่าด้ วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ อินโฟเทนเมนต์ และการเชื่อมต่อออนไลน์ที่คนยุ คใหม่ต้องการ ทำให้เราเชื่อมั่นว่า Eletre จะเป็นเอสยูวีอีกหนึ่งรุ่นที่ ครองใจลูกค้าโลตัสและนักขั บในเมืองไทยอย่างแน่นอน” Lotus Eletre มอบประสิทธิภาพทั้งในด้ านความคล่องตัว การควบคุม และความสะดวกสบาย บวกฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบควบคุมป้องกันการพลิกคว่ำ และเวกเตอร์แรงบิด ระบบควบคุมโครงแชสซีรวมแบบ 6D ช่วยเพิ่มความมั่นใจถึ งประสบการณ์การขับขี่แบบไดนามิก นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบกันสะเทือนอะลูมิ เนียมน้ำหนักเบาแบบมัลติลิงก์ พร้อมสปริงลม dual-chamber และระบบหน่วงกันสะเทือนแบบอิเล็ กทรอนิกส์ผันแปรเพื่ อมอบการตอบสนองที่ฉับไวในขณะขั บขี่ ระบบบังคับเลี้ยวกลไกไฟฟ้ าและระบบบังคับเลี้ยวล้อหลั งแบบแอ็กทีฟเพิ่มการควบคุมที่ แม่นยำ และด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่ างและยาง Pirelli สมรรถนะสูง จึงทำให้นักขับสามารถปรับแต่งรู ปแบบการขับขี่ได้ดังใจ ในส่วนของระบบเบรก นำเสนอตัวเลือกคาลิเปอร์หกลูกสู บและเบรกคาร์บอนเซรามิกเพิ่มเติ ม Eletre ได้รับการออกแบบให้มีคุ ณภาพการขับขี่และความคล่องตั วตามมาตรฐานระดับสูงของโลตัส สร้างขึ้นบนโครงสร้างแบบโมดู ลาร์ Electric Premium Architecture (EPA) เอกสิทธิ์เฉพาะแบรนด์ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยยกระดั บประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้ าได้อย่างมาก ทั้งจากการสร้างจุดศูนย์ถ่วงต่ำ โดยวางแบตเตอรี่ไว้ระหว่ างเพลาและใต้ท้องรถ การใช้วัสดุขั้นสูงยังทำให้ โครงแชสซีมีน้ำหนักเบาและแข็ งแกร่ง ซึ่งเป็นแบบฉบับของยานยนต์โลตัส ส่วนประกอบหลักอื่น ๆ ทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์เพื่อช่ วยลดน้ำหนัก โดยคิดเป็น 43% ของแพลตฟอร์ม และ 50.7% ของโครงสร้างตัวถังทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ยังได้รับการเสริ มประสิทธิภาพด้วยเหล็กกล้ากำลั งสูงและวัสดุคอมโพสิตน้ำหนั กเบาเพื่อเพิ่ มความทนทานและความยืดหยุ่ นหากเกิดการชน ผลลัพธ์ที่ได้คือรถยนต์ที่เปี่ ยมด้วยสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยที่เป็นเลิศในทุ กสภาวะเหนือระดับทั้งพละกำลัง สมรรถนะ และประสิทธิภาพการขับขี่ Eletre คือไฮเปอร์เอสยูวีที่ ผสานสมรรถนะขั้นสูงเข้ากับประสิ ทธิภาพด้านพลังงานได้อย่างลงตัว เหมาะทั้งสำหรับการขับขี่ ทางไกลและการใช้งานในชีวิ ตประจำวัน แบตเตอรี่ขนาด 800 โวลต์ 112kWh สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ วและเต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังมีระบบจัดการความร้อนที่ ดีเยี่ยมเพื่อมอบประสิทธิ ภาพการขับขี่สูงสุดในทุกสภาวะ รถยนต์รุ่นนี้ยังใช้ระบบขับเคลื่ อนสี่ล้อเป็นรุ่นแรกของโลตัส ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนั กเบาและอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ขั้ นสูง โดย Eletre รุ่นพื้นฐานมีกำลังเครื่อง 603 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที และวิ่งได้ระยะทาง 600 กม. ในขณะที่ Eletre R ให้กำลังสูงสุด 905 แรงม้า และวิ่งได้ระยะทาง 490 กม. โดยมีระบบชาร์จพลังงานกลับคื นในขณะเบรก ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดั บการประจุพลังงานได้ตามต้องการ เอสยูวีรุ่นนี้ยังมีกำลังลากสู งถึง 2,250 กิโลกรัม และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระเพิ่ มเติม มอบสมดุลทั้งความหรูหราสง่ างามและฟังก์ชันการใช้งานที่ สะดวกสบายรูปทรงและฟังก์ชัน เทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์และค็ อกพิตระบบดิจิทัล การออกแบบอันล้ำสมัยของ Eletre เพิ่มสุนทรียศาสตร์ให้กั บไฮเปอร์เอสยูวีที่วางตำแหน่ งเครื่องยนต์กลางตัวรถ ด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูงที่ ได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Evija และ Emira พร้อมค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน 0.26 ผสานการติดตั้งกระจังหน้าแอ็กที ฟแบบปรับแต่งได้เพื่อเพิ่ มการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม ซึ่งจะเปิดขึ้นเมื่อขับขี่แบบ Track Mode เพื่อมอบสมรรถนะสูงสุด กระจกมองหลั งแบบจอแสดงผลระบบไฟฟ้าถูกติดตั้ งแทนที่กระจกแบบเดิมเพื่อเพิ่ มทัศนวิสัยและลดแรงต้านลมได้ 1.5% ทั้งยังเพิ่มระยะการมองเห็นให้ กว้างขึ้น ส่วนเซ็นเซอร์ LIDAR แบบพับเก็บได้และยังมอบระบบช่ วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ในขณะที่สปอยเลอร์หลังจะปรั บเปลี่ยนตำแหน่งไปตามสภาพการขั บขี่โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดแรงต้านได้มากถึง 1.8% ห้องโดยสารที่หรูหราล้ำสมัยของ Eletre นำเสนอ “ค็อกพิตระบบดิจิทัล (Digital Cockpit)” ติดตั้งชิปเซ็ต Qualcomm อันทรงพลังและระบบปฏิบัติการ Lotus Hyper OS พร้อมระบบการเชื่อมต่ออินเตอร์ เน็ตแบบ 5G และการอัปเดตผ่าน OTA นอกจากนี้ ยังมีระบบการสั่งงานด้วยเสี ยงและหน้าจอ OLED ติดตั้งหลายตำแหน่งเพื่อให้ สามารถใช้งานระบบนำทางขั้นสูง การชาร์จไร้สาย และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยได้ อย่างง่ายดาย ห้องโดยสารยังมีระบบเสียง KEF คุณภาพสูงที่มาพร้อม Dolby Atmos และแอปพลิเคชันเพื่อการควบคุ มระยะไกล การออกแบบองค์ประกอบอื่น ๆ ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยื นและประหยัดพลังงาน อาทิ หลังคาพาโนรามาอัจฉริยะ เป็นต้น นอกจากนี้ Eletre ยังติดตั้งระบบความปลอดภั ยและความสะดวกสบายขั้นสูง รวมถึงเซ็นเซอร์ 34 ตำแหน่งและชิปเซ็ต NVIDIA Orin-X จำนวน 2 ตัวเพื่อสนับสนุนการขับขี่อั ตโนมัติแบบ Level 4 ส่วนฟีเจอร์ Highway Assist ทำให้การขับขี่ทางไกลง่ายดายขึ้ น โดยจะช่วยบริหารความเร็วและจั ดตำแหน่งรถยนต์ในช่องทางเมื่อขั บขี่ด้วยความเร็วระหว่าง 30-150 กม./ชม. ระบบ Driver Monitoring System จะแจ้งเตือนหากผู้ขับขี่เกิ ดอาการเหนื่อยล้าหรือเสียสมาธิ ในขณะที่ระบบ Life Detection and Care จะช่วยป้องกันการปล่อยเด็กเล็ กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถเมื่ ออากาศร้อนจัด ไปจนถึงการแจ้งเตือนหน่วยงานฉุ กเฉินหากเกิดเหตุจำเป็น
มอบภาพลักษณ์ที่สง่างาม พร้อมห้องโดยสารที่หรู หราสะดวกสบาย รูปลักษณ์ภายนอกของ Eletre มอบความโดดเด่นด้วยดีไซน์ส่ วนหน้าที่ให้ความรู้สึกพุ่ งทะยาน ระยะฐานล้อยาว และมีชิ้นส่วนยื่นออกนอกตัวรถน้ อยที่สุด เพื่อสร้างภาพลักษณ์รถสปอร์ตน้ำ หนักเบาที่สมบูรณ์แบบ ชูลักษณะเด่นของการออกแบบอย่าง “การสร้างช่องเปิด” เพื่อให้เกิดการไหลเวี ยนของอากาศที่ยอดเยี่ยมและแรงต้ านที่น้อยลง โดยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ช่องระบายอากาศบนฝากระโปรงหน้ าและซุ้มล้อยังช่วยยกระดับทั้ งสมรรถนะและระยะทาง ดีไซน์ด้านหน้าดูสวยโฉบเฉี่ยวด้ วยไฟ LED กระจังหน้าแบบแอ็กทีฟ และระบบเซ็นเซอร์ LIDAR ที่ถูกวางตำแหน่งอย่างประณีตเช่ นเดียวกับรถรุ่นคลาสสิกของโลตั สอย่าง Emira และ Evija ส่วนโปรไฟล์ด้านข้างมีลักษณะโค้ งมนตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมติดตั้งกระจกบังลมสูงและ “air blade” แบบพิเศษบนโครงสร้าง D-pillar ดีไซน์ด้านหลังสวยงามด้ วยแถบไฟที่ยาวตลอดความกว้างซึ่ งจะเปลี่ยนสีเพื่อระบุ สถานะการชาร์จแบตเตอรี่ พร้อมด้วยสปอยเลอร์หลังคาคาร์ บอนไฟเบอร์ที่มีรูปทรงโดดเด่ นเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นจุดติดตั้งเซ็นเซอร์ LIDAR อีกตัวหนึ่งด้วย ห้องโดยสารภายในของ Eletre มีการออกแบบที่นั่งคนขับให้เป็ นศูนย์กลางการควบคุมพร้ อมคอนโซลทรงสูง โดยใช้วัสดุเกรดพรีเมี ยมและนำเสนอ Option layout แบบ 4 ที่นั่ง ส่วนหลังคาพาโนรามาช่วยให้ห้ องโดยสารแลดูสว่างขึ้น รวมถึงมีการนำดีไซน์รูปสามเหลี่ ยมมาใช้ในองค์ประกอบต่าง ๆ ได้อย่างสวยงามล้ำสมัย ภายในยังมีฟีเจอร์สุดล้ำอี กมากมาย อาทิ ระบบชาร์จไร้สาย ที่วางแก้วแบบพับซ่อนได้ และช่องเก็บสัมภาระข้างประตู ขนาดใหญ่ และเนื่องจากโลตัสกำหนดให้ ความยั่งยืนเป็นกุญแจสำคั ญของยานยนต์รุ่นนี้ จึงนำเสนอ Option เบาะที่นั่งทั้งแบบเส้นใย Re-Fibre ที่รีไซเคิลจากขยะแฟชั่น และพรม Econyl ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%
เมื่อโลตัสประกาศให้รุ่น Emira เป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์สั นดาปรุ่นสุดท้ายของแบรนด์ จึงทำให้ Eletre ในฐานะไฮเปอร์เอสยูวีระบบไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นแห่ งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสู่ยุ คยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง เพราะโลตัสยืนหนึ่งมาตลอดในด้ านนวัตกรรมเทคนิค เทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง และระบบยานยนต์น้ำหนั กเบาในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในด้ านสมรรถนะ การขับขี่ และการควบคุมที่เป็นเลิศ ซึ่ง Lotus Eletre คืออีกหนึ่งความภาคภูมิ ใจในการสืบทอด DNA จากสนามแข่งสู่ท้องถนน พร้อมการพัฒนาไปอีกขั้นในด้ านความอเนกประสงค์และการใช้งาน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าแบรนด์ โลตัสจะสามารถดึงดูดนักขับทั่ วโลกอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่ อน
Eletre เป็นภาษาฮังการีที่มีความหมายว่า “มีชีวิตขึ้นมา” แสดงถึงการเกิดใหม่ของโลตัส ภายใต้ Geely ตั้งความหวังไว้สูง Lotus Eletre จะสร้างขึ้นในประเทศจีนที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองหวู่ฮั่น Wuhan Smart Factory และ จะเข้าสู่การผลิตอย่างเป็นทางการช่วงปลายปีนี้ประเทศจีน
ขนาดตัวถัง
ยาว 5,103 มม.
กว้าง 2,019 มม.
สูง 1,630 มม.
ฐานล้อ 3,019 มม.
Lotus Eletre SUV หากเทียบกับ Porsche Cayenne ยาวกว่า 179 มม. แต่ต่ำกว่า Porsche Cayenne 66 มม. วัดจากกันชนหน้าถึงกันชนหลัง 5,103 มม. ฐานล้อ 3,019 มม. และ ความสูง 1,630 มม. ตัวเลขคราวๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Eletre นั้นใหญ่พอตัว และ มันเป็นครอสโอเวอร์แนวสปอร์ตที่ท้าชน Ferrari Purosangue ได้เลย
Eletre เน้นใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และ อลูมิเนียมนั้นแตกต่างจาก SUV ระดับหรูที่ขับเคลื่อนด้วย V8 ทั่วไป แต่มีการใช้เฉดสีเหลือง อันเป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini Urus ที่มีราคาแพงกว่ามาใช้
Lotus Eletre ติดตั้งกระจกมองข้างแบบใช้กล้อง ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบมาตรฐาน และตัวเลือกบังคับเลี้ยวที่เพลาหลัง เหล็กกันโคลงแบบ Active และ เฟืองท้ายแบบ Active
ELETRE S
ให้กำลังสูงสุด 603 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตัน-เมตร
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที
แบตเตอรี่ขนาด 112kWh
สามารถวิ่งได้ 600 กม./ชาร์จ WLTC
ความเร็วสูงสุด 258 กม./ชม.
เกียร์ 1-Speed ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
ELETRE R
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว
ให้กำลัง 918 แรงม้า
แรงบิด 985 นิวตัน-เมตร
แบตเตอรี่ขนาด 112kWh
สามารถวิ่งได้ 480 กม./ชาร์จ WLTC
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.95 วินาที
ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม.
เกียร์ 2-Speed ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
สำหรับแพลตฟอร์มไฟฟ้าใหม่ล่าสุดของ Lotus รองรับการชาร์จสูง 800V (Electric Premium Architecture) ซึ่งรับประกันชาร์จเต็มภายใน 18 นาที (Lotus ยังไม่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชาร์จ)
ระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์คู่ แบตเตอรี่ขนาด 112kW อัตราชาร์จเร็ว DC 350kW เพียง 20 นาที วิ่งได้ 400 กม. WLTP และ 5 นาที วิ่งได้ 120 กม. WLTP
ด้วยขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ที่ใหญ่ ทำให้ Lotus Eletre มีน้ำหนัก 2,268 กก. แต่เราคาดว่ามันจะเบากว่าค่าเฉลี่ย Lotus Eletre ภายนอกเน้นการออกแบบสปอร์ตคล้ายกับ Emir แต่เป็นรูปทรงครอสโอเวอร์ ไฟหน้าแบบแยกส่วน ไฟวิ่งอยู่ที่ขอบด้านหน้าของฝากระโปรงหน้า แผงหน้าแบบปิดทึบ กระจังหน้าสามารถระบายความร้อนขอมอเตอร์ แบตเตอรี่ และ เบรกได้อย่างดี ติดตั้งเซ็นเซอร์ Lidar 4 ตัวบนหลังคามี 2 อันหนึ่งที่กระจกหน้า อีกอันอยู่เหนือกระจกหลัง
ล้ออัลลอย 5 ก้านขนาด 23 นิ้ว คาลิปเปอร์ 10 ลูกสูบขนาดใหญ่ มือจับประตูแบบซ่อน สปอยเลอร์หลังสร้างแรงกด 116 กก. ไฟท้ายแบบ LED ทะลุผ่าน
Lotus อ้างว่า Eletre สามารถ “ขับขี่อัตโนมัติแบบ end-to-end” รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air ภายในตกแต่งหรูหรามาก พวงมาลัยทรงกลมทันสมัย เน้นใช้วัสดุสิ่งที่ทำจากเส้นใยรีไซเคิล ตรงกลางมีหน้าจอแนวนอน OLED ขนาด 15.1 นิ้ว จอสามารถแสดงผลได้ถึง 1 พันล้านสี ระบบการมองเห็น AR HUD ขนาด 29 นิ้ว Eletre มีพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย 400 ลิตร บวกห้องเก็บสัมภาระท้ายรถอีก 77 ลิตร และไม่มีประตูแบบปีกนก แถวหลังมีหน้าจอแบบปรับได้
ระบบเสียงจากแบรนด์ KEF KEF Premium เป็นระบบ 1380 วัตต์พร้อมลำโพง 15 ตัวที่มี Uni-QTM และเทคโนโลยีเสียงเซอร์ราวด์ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกระบบอ้างอิง KEF ที่อัปเกรดแล้วซึ่งมีกำลัง 2160 วัตต์ รวมถึงลำโพง 23 ตัวและการกำหนดค่าทางเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เสียงเซอร์ราวด์ Uni-Q และระบบ 3D
KEF Reference ยังใช้เทคโนโลยี Uni-CoreTM กำหนดค่าลำโพง และ ซับวูฟเฟอร์ ตัวขับเสียงแบบ Dual-Cancelling สองตัวถูกจัดเรียงเป็นวงกลมศูนย์กลาง เน้นความสวยงาม และ ระดับเสียงที่พรีเมียม
ติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยในการขับขี่กว่า 34 ตัว นอกเหนือจากฝาปิด 4 อันที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังประกอบด้วยกล้อง SMP 7 ตัว, เรดาร์คลื่น 6 มม., กล้องมองภาพรอบทิศทาง 2MP 4 ตัว, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งประมวลผลผ่านชิป 8155 จำนวน 2 ตัว ได้พลังประมวลผลระดับ 2.2 GFLOPS สามารถสร้างภาพเรนเดอร์ ภาพ 3D และ อื่นๆได้อย่างรวดเร็ว
ในแง่ความปลอดภัย ติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (ACC)
ระบบป้องกันการชนด้านหน้า (CMSF)
ระบบจดจำป้ายจราจร (TSI)
ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ( RCTA)
ระบบช่วยเตือนอันตรายด้านหน้า (FCTA)
ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA)
ระบบช่วยรักษาทางเดินรถ (LKA+)
ระบบเบรกฉุกเฉินขณะจอด (PEB)
ระบบป้องกันการชนด้านหลัง (CMSR) )
เทคโนโลยีฉุกเฉิน เช่น การเรียกกู้ภัย (E-Call)
Advertisement
Advertisement