Advertisement

Advertisement

Lotus Eletre R+ EV รุ่นสมรรถะนสูง 905 แรงม้า เปิดขาย 5.86 ล้านบาทในยุโรป

Lotus Eletre R+ EV รุ่นสมรรถะนสูง 905 แรงม้า เปิดขาย 5.86 ล้านบาทในยุโรป
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

Lotus Eletre จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์อังกฤษที่จะถึงมือผู้บริโภค พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการสำหรับยุโรปที่Lotus Eletre จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์อังกฤษที่จะถึงมือผู้บริโภEletre ระดับเริ่มต้นจะเริ่มต้นที่ 95,990 ยูโรในยุโรป หรือประมาณ 3.72 ล้านบาท และ รุ่นท๊อป Eletre R รุ่นท๊อปจะมีราคา 150,990 ยูโร หรือประมาณ 5.86 ล้านบาท ในรุ่นสมรรถนะสูง ที่มีกำลัง 905 แรงม้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V

  • Lotus Tech กล่าวว่าได้รับคำสั่งซื้อ Eletre มากกว่า 5,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 มกราคม 2023 การทดสอบเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ในเยอรมนี

ในขณะที่การส่งมอบของลูกค้ากำลังดำเนินการอยู่ในจีน Eletre Electric SUV กำลังทยอยส่งมอบในยุโรป และ สหราชอาณาจักรภายในปีนี้ Lotus กล่าวว่ากำลังวางแผนที่จะขาย Eletre ในสหรัฐอเมริกาและตลาดโลกอื่น ๆ ภายในห้าปี

Lotus Eletre พัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม Pure-EV ใหม่ที่สามารถรองรับการขยายขนาดได้ ทำให้แบรนด์ Lotus ภายใต้ Geely สามารถทำ SUV ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ในราคาต่ำกว่า

Lotus Eletre SUV ไฟฟ้า เน้นกลุ่มรถครอบครัว ในราคาจับต้องได้ ซึ่งมันมีราคาต่ำกว่ารถสปอร์ตมาก เพราะโลตัส มีความจำเป็นต้องขยายผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง และเติบโตได้มากกว่า

Eletre เป็นภาษาฮังการีที่มีความหมายว่า “มีชีวิตขึ้นมา” แสดงถึงการเกิดใหม่ของโลตัส ภายใต้ Geely ตั้งความหวังไว้สูง Lotus Eletre สร้างขึ้นในประเทศจีนที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองหวู่ฮั่น Wuhan Smart Factory และ จะเข้าสู่การผลิตอย่างเป็นทางการช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 5103 มม.
  • กว้าง 2019 มม.
  • สูง 1630 มม.
  • ฐานล้อ 3019 มม.

Lotus Eletre SUV หากเทียบกับ Porsche Cayenne ยาวกว่า 179 มม. แต่ต่ำกว่า Porsche Cayenne 66 มม. วัดจากกันชนหน้าถึงกันชนหลัง 5,103 มม. ฐานล้อ 3,019 มม. และ ความสูง 1,630 มม. ตัวเลขคราวๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า Eletre นั้นใหญ่พอตัว และ มันเป็นครอสโอเวอร์แนวสปอร์ตที่ท้าชน Ferrari Purosangue ได้เลย

Eletre เน้นใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และ อลูมิเนียมนั้นแตกต่างจาก SUV ระดับหรูที่ขับเคลื่อนด้วย V8 ทั่วไป แต่มีการใช้เฉดสีเหลือง อันเป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini Urus ที่มีราคาแพงกว่ามาใช้

Lotus Eletre ติดตั้งกระจกมองข้างแบบใช้กล้อง ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบมาตรฐาน และตัวเลือกบังคับเลี้ยวที่เพลาหลัง เหล็กกันโคลงแบบ Active และ เฟืองท้ายแบบ Active

รุ่น S+ ให้กำลังสูงสุด 603 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที สามารถวิ่งได้ 650 กม./ชาร์จ CLTC ความเร็วสูงสุด 258 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD

รุ่นสมรรถนะสูงสุด R+ ให้กำลังมากกว่า 905 แรงม้า แรงบิด 985 นิวตัน-เมตร  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.95 วินาที สามารถวิ่งได้ 560 กม./ชาร์จ WLTP ความเร็วสูงสุด 265 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ชุดแต่งภายนอกคาร์บอนไฟเบอร์ และยาง Pirelli P Zero

  • สำหรับแพลตฟอร์มไฟฟ้าใหม่ล่าสุดของ Lotus รองรับการชาร์จสูง 800V (Electric Premium Architecture) ซึ่งรับประกันชาร์จเต็มภายใน 18 นาที (Lotus ยังไม่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชาร์จ)
  • ระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์คู่ แบตเตอรี่ขนาด 112kW
  • อัตราชาร์จเร็ว DC 350kW เพียง 20 นาที วิ่งได้ 400 กม. WLTP และ ชาร์จ DC เพียง 5 นาที วิ่งได้ 120 กม. WLTP
  • สามารถรองรับการชาร์จ AC 22kW
  • ขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ที่ใหญ่ ทำให้ Lotus Eletre มีน้ำหนัก 2,268 กก. แต่เราคาดว่ามันจะเบากว่าค่าเฉลี่ย Lotus Eletre

ภายนอกเน้นการออกแบบสปอร์ตคล้ายกับ Emir แต่เป็นรูปทรงครอสโอเวอร์ ไฟหน้าแบบแยกส่วน ไฟวิ่งอยู่ที่ขอบด้านหน้าของฝากระโปรงหน้า แผงหน้าแบบปิดทึบ กระจังหน้าสามารถระบายความร้อนขอมอเตอร์ แบตเตอรี่ และ เบรกได้อย่างดี ติดตั้งเซ็นเซอร์ Lidar 4 ตัวบนหลังคามี 2 อันหนึ่งที่กระจกหน้า อีกอันอยู่เหนือกระจกหลัง ล้ออัลลอย 5 ก้านขนาด 23 นิ้ว คาลิปเปอร์ 10 ลูกสูบขนาดใหญ่ มือจับประตูแบบซ่อน สปอยเลอร์หลังสร้างแรงกด 116 กก. ไฟท้ายแบบ LED ทะลุผ่าน

Lotus อ้างว่า Eletre สามารถ “ขับขี่อัตโนมัติแบบ end-to-end” รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air ภายในตกแต่งหรูหรามาก พวงมาลัยทรงกลมทันสมัย เน้นใช้วัสดุสิ่งที่ทำจากเส้นใยรีไซเคิล ตรงกลางมีหน้าจอแนวนอน OLED ขนาด 15.1 นิ้ว จอสามารถแสดงผลได้ถึง 1 พันล้านสี ระบบการมองเห็น AR HUD ขนาด 29 นิ้ว Eletre มีพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย 400 ลิตร บวกห้องเก็บสัมภาระท้ายรถอีก 77 ลิตร และไม่มีประตูแบบปีกนก แถวหลังมีหน้าจอแบบปรับได้

ระบบเสียงจากแบรนด์ KEF KEF Premium เป็นระบบ 1380 วัตต์พร้อมลำโพง 15 ตัวที่มี Uni-QTM และเทคโนโลยีเสียงเซอร์ราวด์ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกระบบอ้างอิง KEF ที่อัปเกรดแล้วซึ่งมีกำลัง 2160 วัตต์ รวมถึงลำโพง 23 ตัวและการกำหนดค่าทางเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เสียงเซอร์ราวด์ Uni-Q และระบบ 3D

  • KEF Reference ยังใช้เทคโนโลยี Uni-CoreTM กำหนดค่าลำโพง และ ซับวูฟเฟอร์ ตัวขับเสียงแบบ Dual-Cancelling สองตัวถูกจัดเรียงเป็นวงกลมศูนย์กลาง เน้นความสวยงาม และ ระดับเสียงที่พรีเมียม

ติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยในการขับขี่กว่า 34 ตัว นอกเหนือจากฝาปิด 4 อันที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังประกอบด้วยกล้อง SMP 7 ตัว, เรดาร์คลื่น 6 มม., กล้องมองภาพรอบทิศทาง 2MP 4 ตัว, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งประมวลผลผ่านชิป 8155 จำนวน 2 ตัว ได้พลังประมวลผลระดับ 2.2 GFLOPS สามารถสร้างภาพเรนเดอร์ ภาพ 3D และ อื่นๆได้อย่างรวดเร็ว

ในแง่ความปลอดภัย ติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ (ACC)
  • ระบบป้องกันการชนด้านหน้า (CMSF)
  • ระบบจดจำป้ายจราจร (TSI)
  • ระบบเตือนการเปิดประตู (DOW)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ( RCTA)
  • ระบบช่วยเตือนอันตรายด้านหน้า (FCTA)
  • ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA)
  • ระบบช่วยรักษาทางเดินรถ (LKA+)
  • ระบบเบรกฉุกเฉินขณะจอด (PEB)
  • ระบบป้องกันการชนด้านหลัง (CMSR) )
  • เทคโนโลยีฉุกเฉิน เช่น การเรียกกู้ภัย (E-Call)

 

 

 

 

insideevs.com

 

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้