เปิดขายไทย 4.18 ล้านบาท Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ปลั๊กอินไฮบริด วิ่งไฟฟ้า 120 กม. WLTP
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) โชว์ตัวเลขยอดขายและการเติบโตในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2023 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดครึ่งปีหลัง เริ่มด้วยการเผยโฉม The new GLC เอสยูวียอดนิยมของแบรนด์ที่เดินทางมาถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ขึ้นไลน์ผลิตทำตลาดในประเทศแบบ Local production นำเสนอคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” ชูภาพยนตรกรรมเหนือระดับที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดดเด่นด้วยขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดที่พัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นทั้งในด้านของสมรรถนะและระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้า สามารถทำระยะทางได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากมาย เสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัยต่อยอดจุดแข็งด้านการเป็นยนตรกรรมรูปแบบเอสยูวีที่เหมาะกับการใช้งานและการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 2.6 ล้านคัน นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก
มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2023 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายรวมทั้งสิ้น 1,019,200 คันทั่วโลก มีอัตราการเติบโตที่ 5% โดยส่วนหนึ่งคือยอดขายในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตัวเลขสูงถึง 102,600 คัน เติบโตกว่า 121% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสำหรับยอดขายในประเทศไทย มีการเติบโตกว่า 6% ปิดยอดจดทะเบียนครึ่งปีแรกได้กว่า 7,700 คัน เป็นผลมาจากการนำเสนอยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ ลงตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการเดินหน้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการเติมเต็ม EV Portfolio ในประเทศไทย ต่อเนื่องจาก 2 รุ่นแรกอย่าง EQS และ EQB เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมกัน 2 รุ่น ในอีก 6 สัปดาห์นับจากนี้ และในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดให้เครือข่ายผู้จำหน่ายฯ สามารถจำหน่ายและให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครอบคลุมมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ ยกระดับความสะดวกสบายให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและเข้ารับบริการแบบครบวงจรได้ในทุกพื้นที่
นอกจากการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังให้ความสำคัญกับรถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% โดยรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำตลาดในประเทศไทย สามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทย และสำหรับผู้ที่ขับขี่ระยะทางไกลก็ยังสามารถขับขี่ต่อเนื่องได้ด้วยเครื่องยนต์สันดาปโดยไม่ต้องกังวลในเรื่องระยะทางและการหาจุดชาร์จไฟฟ้าระหว่างทาง เช่นเดียวกับ The new GLC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้”
The new GLC เป็นอีกขั้นของยนตรกรรมเอสยูวีที่สืบทอดดีเอ็นเอมาจาก Mercedes-Benz GLK ที่เปิดตัวในปี 2008 ซึ่งถือเป็นเจเนอเรชั่นแรกของรถเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ก่อนที่จะต่อยอดมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ในปี 2015 ภายใต้ชื่อ Mercedes-Benz GLC เอสยูวีที่ถูกพัฒนาและปรับโฉมให้มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จนทำให้ GLC ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายรวมกว่า 2,600,000 คันทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในปีนี้ The new GLC เจเนอเรชั่นที่ 3 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด โดยขึ้นไลน์ผลิตในชื่อรุ่น “GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic”
มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “The new GLC โมเดลปี 2023 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ในตระกูลเอสยูวีขนาดกลางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “READY FOR IT” วางกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทัลที่มองหารถเอสยูวีระดับลักชัวรี่ พร้อมนำเสนอยนตรกรรมที่มีความเพียบพร้อมและสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือการขับขี่ระยะทางไกล ครอบคลุมทั้งรูปแบบ On-Road และ Off-Road โดยเปิดตัวในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ตามปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว ติดตั้งเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ยกระดับการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีสมรรถนะที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 31.2 kWh ซึ่งสามารถมอบระยะทางการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้มากถึง 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP โดยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนเรชั่นล่าสุดจะรองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบ DC Charge สูงสุด 60 kWh และ AC Charge สูงสุด 11 kWh นอกจากนี้ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic ยังเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยทั้งในด้านของฟังก์ชันอำนวยความสะดวก ระบบการเชื่อมต่อและการสื่อสารที่เหนือระดับ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง ที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครัน พร้อมให้ทุกคนเป็นเจ้าของหนึ่งในยนตรกรรมเอสยูวีที่ดีที่สุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ”
Mercedes-Benz GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 4,180,000 บาท
- GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic เป็นหนึ่งในรุ่นที่เข้าร่วมโปรแกรมการขยายระยะเวลาการรับประกันคุณภาพของแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery) ที่ติดตั้งในรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยรับประกันคุณภาพเป็นระยะเวลา 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง (Unlimited mileage 10-year warranty for HV Battery)
- GLC 350 e 4 MATIC AMG Dynamic มาพร้อมสีตัวถัง 6 สี ได้แก่ สีขาว (Polar White) สีน้ำเงิน (Nautic Blue) สีเทา (Graphite Grey) สีเงิน (Mojave Silver) สีเงิน (High-tech Silver) และสีดำ (Obsidian Black)
GLC 350 e Plug-in Hybrid 4MATIC
- เครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4 สูบ 4 วาล์วต่อสูบ เทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์
- ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี) 1,999 หรือ 2.0 ลิตร
- ให้กำลัง 204 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที
- แรงบิด 320 นิวตัน – เมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบต่อนาที
- กําลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตัน-เมตร
- ให้กำลังรวม 313 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 6.7 วินาที
- ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 218 กม./ชม.
- ความจุถังนํ้ามัน 62 ลิตร
- พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 470-1,530 ลิตร
- ระบบส่งกําลัง 9G-TRONIC
- ขนาดล้อ และยาง-หน้า 255/45 R20
- แบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 31.2 kWh
- วิ่งไฟฟ้า 120 กม. WLTP
- รองรับการชาร์จ DC Charge สูงสุด 60 kWh 0-80% ภายใน 20 นาที
- ชาร์จช้า AC Charge สูงสุด 11 kWh
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,721 มม.
- กว้าง 1,918 มม.
- สูง 1,631 มม.
- ฐานล้อ 2,888 มม.
ภายนอก
- ใบปัดนํ้าฝนทํางานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซ็นเซอร์วัดปริมาณนํ้าฝน
- ไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus)
- ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO
- ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้มือ (HANDS-FREE ACCESS)
- กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
- ไฟส่องทางใต้กระจกมองข้างแสดงผลเป็นตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz
- หลังคาพาโนรามิคชันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- ราวหลังคาอลูมิเนียม
- AMG bodystyling
- ช่วงล่างแบบ Comfort suspension
- ช่วงล่างด้านหลังแบบถุงลมพร้อมระบบ Self–levelling
- กระจกบังลมหน้าและกระจกหน้าต่างบริเวณประตูคู่หน้าแบบ Heat and noise-insulating acoustic glass
- บันไดข้างแบบสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต
- แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง
- ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20″
ภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT
- เบาะนั่งแบบ Sports seats
- เบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจํา
- เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบดันหลัง 4 ทิศทาง แบบ Lumbar support
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง พับได้แบบ 1/3 และ 2/3
- ระบบอุ่นเบาะสําหรับที่นั่งคู่หน้า Heated front seats
- ระบบควบคุมอุณภูมิอัตโนมัติ THERMATIC
- ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL พร้อมระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละอองขนาด PM2.5
- ระบบจดจําโปรไฟล์ผู้ขับขี่ ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint scanner)
- ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless charging) สําหรับที่นั่งด้านหน้า
- ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester@ 3D surround sound system
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Digital ขนาด 12.3″
- หน้าจอแสดงผลบริเวณคอนโซลกลางขนาด 11.9″
- ด้านบนของคอนโซลหน้า (Instrument panel) และด้านบนของแผงประตู หุ้มด้วยหนัง ARTICO ตกแต่งลายแบบ Nappa
- แผงคอนโชลกลางแบบ high-gloss black สีดํา
- วัสดุตกแต่งห้องโดยสารแบบ Metal structure trim element
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต หุ้มหนัง Nappa •
- ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารปรับได้ 64 เฉด (Ambient lighting)
- ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา
- กระเจาะมองหลังสําหรับผู้ขับขี่ปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
- ช่อง USB Type C 6 ตําแหน่ง
- กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แบบเรืองแสง
- แผ่นปิดพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
- ชุดอุปกรณ์ช่วยจัดเก็บสัมภาระ และ ช่องเก็บที่แผ่นหลังเบาะคู่หน้าแบบ Stowage Space Package
- ที่วางแก้วนํ้าบริเวณคอนโซลกลาง
- พรมปูพื้นพร้อมสัญลักษณ์ AMG
ระบบความบันเทิง
- ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlayTM และ Android AutoTM ่
- อุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สําหรับบริการ Mercedes me connect
- ระบบขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- ระบบปรับรูปแบบเครื่องเสียงแบบส่วนตัว (Sound personalisation)
- ระบบมัลติมีเดีย MBUX entertainment พร้อมเชื่อมต่อ music streaming service ่
- ระบบแผนที่นําทางแบบ Hard-disc navigation พร้อมแผนที่แบบ 3 มิติ
- ระบบแผนที่นําทาง พร้อมสภาพการจราจร Live traffic Information
- ระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX
- MBUX augmented reality สําหรับแผนที่นําทาง
- ฟังก์ชันเพิ่มเติมสําหรับการใช้งาน MBUX
ระบบความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า
- ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตําแหน่ง สําหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- ถุงลมนิรภัยบร ิเวณหัวเข่า สําหรับผู้ขับขี่
- เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง
- ระบบแจ้งเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัยตําแหน่งผู้โดยสารตอนหลัง
- โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
- ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist
- ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light)
- ระบบเตือนเพื่อนํารถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
- ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist)
- ระบบแจ้งเตือนระดับแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system)
- ระบบช่วยการนํารถเข้าจอดอัตโนมัติ พร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
- ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร
- ระบบสร้างเสียงจําลอง สําหรับเตือนผู้ใช้ถนน (Acoustic presence indicator)
- กล้องรอบคันแบบ 360° พร้อมการแสดงผลแบบ Transparent bonnet สําหรับการขับขี่แบบ OFF-ROAD
- ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT