Mercedes ทดสอบต้นแบบใหม่ GLC ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในปี 2026 วิ่งได้กว่า 644 กม./ชาร์จ WLTP
Mercedes กำลังทดสอบต้นแบบใหม่ของ GLC ไฟฟ้าที่จะเปิดตัวในปี 2026
แตกต่างจากรถทดสอบก่อนหน้านี้ ต้นแบบล่าสุดนี้ไม่มีการพรางตัวที่หนาแน่นบริเวณฝากระโปรงหน้าและประตูอีกต่อไป GLC รุ่นปี 2027 จะใช้แพลตฟอร์ม MB.EA และรองรับระบบชาร์จเร็ว 320 kW
Mercedes กำลังเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่จำนวนมากในช่วงสองปีข้างหน้า รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าถึง 17 รุ่น และหนึ่งในรุ่นที่สำคัญที่สุดคือ GLC EV ใหม่หมด รถ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดคันนี้จะเปิดตัวในปี 2026 และต้องเผชิญการแข่งขันโดยตรงกับ BMW iX3 บนแพลตฟอร์ม Neue Klasse ล่าสุดช่างภาพสายสอดแนมสามารถจับภาพรถทดสอบที่มีการพรางตัวน้อยมากเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ ต้นแบบของ EQC รุ่นใหม่เคยถูกปกคลุมด้วยลายพรางขาวดำที่ซับซ้อน พร้อมกับการติดตั้งโครงสร้างปลอมเพื่อบดบังรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตัวรถ ทำให้ยากต่อการจินตนาการว่ารุ่นผลิตจริงจะออกมาเป็นอย่างไร
แต่ภาพล่าสุดเผยให้เห็นต้นแบบที่ใกล้เคียงกับเวอร์ชันผลิตจริงมากขึ้น โดยไม่มีโครงสร้างพรางตัวบนฝากระโปรงหน้าและประตู พร้อมลวดลายพรางที่ดูเรียบหรู คล้ายกระแสน้ำหรือสายลม แปลกตรงที่ดีไซน์ด้านหน้าดูคล้ายกับรถของ Acura อย่างไม่คาดคิด ตามที่ช่างภาพกล่าว รถ SUV คันนี้อาจถูกเตรียมไว้สำหรับการถ่ายภาพทีเซอร์ ซึ่งอาจหมายความว่า Mercedes กำลังจะเริ่มปล่อยข้อมูลออกมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับที่ทำกับ CLA
แม้ว่าเรายังไม่สามารถเห็นเส้นหน้าต่างบริเวณเสา C ได้ชัดเจน แต่รถทดสอบที่ถูกตกแต่งใหม่นี้เผยให้เห็นด้านข้างที่เรียบเนียน ซุ้มล้อที่เด่นชัด และกระจังหน้าขนาดใหญ่สไตล์ดั้งเดิมของ Mercedes ซึ่งนูนสูงกว่าระดับไฟหน้า ทำให้ฝากระโปรงดูมีสันนูนขึ้นมา คล้ายกับการออกแบบของรถยนต์ Mercedes ยุค 1960
2027 Mercedes GLC EV ลดการพรางตัวแบบหนา ใส่ลายพรางใหม่ที่ดูเพรียวบาง
ไฟเดย์ไลท์แบบรูปดาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของแบรนด์สามารถมองเห็นได้ที่ด้านหน้า และแม้ว่าด้านหลังจะยังไม่เปิดเผย แต่คาดว่ามันจะถูกติดตั้งเช่นเดียวกันกับรถยนต์ Mercedes รุ่นใหม่หรือรุ่นปรับโฉมทั้งหมด 19 คันที่จะเปิดตัวก่อนปี 2027
ต่างจาก GLE รุ่นปรับปรุงที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป GLC EV รุ่นใหม่นี้ใช้แพลตฟอร์ม MB.EA ที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมเดียวกับ C-Class ไฟฟ้ารุ่นใหม่ อย่างไรก็ตาม CLA รุ่นเล็กกว่าที่จะเปิดตัวในปีนี้ใช้แพลตฟอร์ม MMA แทน
แม้จะแตกต่างกันในโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทั้งสองแพลตฟอร์มคาดว่าจะมีเทคโนโลยีร่วมกัน เช่น ระบบไฟฟ้า 800 โวลต์ และรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 320 kW ทำให้สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาไม่ถึง 18 นาที นอกจากนี้ รุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคาดว่าจะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 400 ไมล์ (644 กม.) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง คาดว่าเป็นไปตามมาตรฐาน WLTP
