Advertisement

Advertisement

เปิดขายไทย 1,769,000 บาท MG MIFA 7 MPV ไฟฟ้า 570 กม./ชาร์จ NEDC

เปิดขายไทย 1,769,000 บาท MG MIFA 7 MPV ไฟฟ้า 570 กม./ชาร์จ NEDC

Advertisement

Advertisement

 

กรุงเทพฯ – 14 มิถุนายน 2567 – บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ย้ำภาพผู้นำตลาดอีวี เดินหน้านำเสนอประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ให้คนไทย

เผยราคาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ NEW MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นล่าสุดของ เอ็มจี ที่คงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถในตระกูล MG MAXUS กับความโดดเด่นอย่างมีสไตล์ มุ่งตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มครอบครัวสมัยใหม่ ที่มองหารถที่มาพร้อมฟังก์ชั่นรองรับไลฟ์สไตล์ของสมาชิกครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่น แตกต่างด้วยดีไซน์อันล้ำสมัยและมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐานสากลรอบคัน โดยมี

ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ 1,769,000 บาท พิเศษ! กับเอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญ มูลค่ากว่า120,000 บาท พร้อมทยอยส่งมอบรถถึงมือลูกค้าปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

ประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ กับความสุขที่ลงตัวของครอบครัว ด้วย รถ e-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7

เอ็มจี ต่อยอดความสำเร็จของรถตระกูล MG MAXUS สู่ NEW MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง ที่จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบครัวสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทั้งดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นแฝงความเรียบหรูอันมีเอกลักษณ์ ทั้ง

  • กระจังหน้าใหม่ แบบ Grille less Design
  • ประตูสไลด์ด้านข้างด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)
  •  ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
  • หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4,907 มม.
  • กว้าง 1,885 มม.
  • สูง 1,768 มม.
  • ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,975 มม.

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว

  • รองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า
  • เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ
  • เบาะนั่งแถวที่สองเป็นแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนนวล ที่ถูกออกแบบให้โอบรับกระชับทุกสรีระ
  • จอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว
  • รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android และช่องเชื่อมต่อ USB
  • ให้เสียงรอบด้านด้วยลำโพงมากถึง 8 จุด
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง
  • ระบบกรองอากาศ PM 2.5

มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor

  • ให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh
  • ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
  • แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ช่วยในการป้องกันน้ำและฝุ่น
  • พร้อมรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 120 kWh โดยชาร์จไฟจาก 30% – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที
  • การชาร์จแบบธรรมดา รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh โดยชาร์จไฟจาก 5% -100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง
  • สามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ถึงระดับ 6.6 kW โดยสามาถชาร์จรถอีวีคันอื่นได้ในเวลาเดียวกัน
  • ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวมมากถึง 25 ระบบ ได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ทั้ง Euro NCAP และ ANCAP

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
  • กล้องรอบคัน 360 องศา

NEW MG MAXUS 7 นับเป็นรถ e-MPV ไซส์กลาง โดยมีสีตัวถังให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) มาพร้อมสีภายในดูเรียบหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล ทั้งยังมีสีพิเศษอย่าง สีเขียว (Emerald Green) มาพร้อมสีภายในโทนสีขาว จัดจำหน่ายในราคาที่เน้นให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพียง 1,769,000 บาท สีพิเศษทูโทนเทาหลังคาดำ (Grey/Black) เพิ่ม 20,000 บาท มาพร้อมข้อเสนอพิเศษมูลค่ากว่า 120,000 บาท ดังนี้

  • ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด มูลค่า 42,057 บาท
  • ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER มูลค่า 18,692 บาท
  • ฟรี อุปกรณ์จ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จำนวน 1 ชุด มูลค่า 10,000 บาท
  • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
  • พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • พิเศษ! ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการรถ Limousine Service กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอด 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เอ็มจี ได้เล็งเห็นถึงโอกาสผนวกกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เราจึงได้เพิ่ม “ตัวเลือกที่ลงตัว” อย่าง NEW MG MAXUS 7 เข้าสู่ตลาดอีวีไทย โดยได้เผยโฉมสู่สาธารณชนครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีผู้ให้ความสนใจจองรถรุ่นนี้ล่วงหน้ากว่า 300 คัน  โดยเป้าหมายของรถรุ่นนี้ เอ็มจี ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม มากที่สุดกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายเจนเนอเรชั่นเพื่อให้สามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างมีคุณค่าด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดย เอ็มจี มีรถเตรียมส่งมอบ 1,500 คันภายในปีนี้ โดยเริ่มทยอยส่งมอบในปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ไม่เพียงเท่านั้น เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานรถอีวี ด้วยสถานี MG SUPER CHARGE STATION ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วกว่า 147 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงขยายศูนย์บริการ 150 แห่งทั่วประเทศให้สามารถรองรับบริการรถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้า เอ็มจี เพื่อให้คนไทยอุ่นใจในการใช้รถอีวีได้ในทุกพื้นที่”

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้