ราคาเริ่ม 1.19 ล้านบาท (หลังหักเงินหนุนในญี่ปุ่น) Mitsubishi Outlander PHEV วิ่งไฟฟ้า 102 กม. WLTC

ราคาเริ่ม 1.19 ล้านบาท (หลังหักเงินหนุนในญี่ปุ่น) Mitsubishi Outlander PHEV วิ่งไฟฟ้า 102 กม. WLTC
Spread the love

Advertisement

Advertisement

default
default

 

 

 

นอกจากนี้ในประเทศญี่ปุ่นมีเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นสำหรับ Outlander PHEV

ข้อมูลทั้งหมดที่ให้มานั้นคือสิทธิประโยชน์และการลดหย่อนภาษี/เงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหรือปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกรณีของโตเกียว และยกตัวอย่างรถรุ่น Outlander PHEV ที่สามารถได้รับสิทธิประโยชน์รวมสูงสุดถึง 1,327,300 เยน หรือประมาณ  300,819 บาท

ตัวอย่างการคำนวณสำหรับ บุคคลที่อาศัยอยู่ในโตเกียวที่เพิ่งจดทะเบียนรถคันใหม่

สิทธิประโยชน์ด้านภาษี (เมื่อซื้อรถใหม่)

  1. ภาษีน้ำหนักรถยนต์ (เมื่อลงทะเบียนครั้งแรก): ลดหย่อนได้ 37,500 เยน
  2. ภาษีรถยนต์ (หากลงทะเบียนในเดือนเมษายนที่โตเกียว): ลดหย่อนได้ 39,800 เยน
  3. ภาษีการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม: ยกเว้นภาษี

เงินอุดหนุน (Subsidy) จากภาครัฐและท้องถิ่น

  • เงินอุดหนุนจากรัฐบาล กรณีงบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 “เงินอุดหนุนส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด” 550,000เยน
  • เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกรุงโตเกียว (EV/PHEV ปีงบประมาณ 2023): ได้รับสูงสุด 450,000 เยน
  • เงินอุดหนุนเพิ่มเติมจากผู้ผลิตยานยนต์ (โครงการส่งเสริม ZEV): ได้รับเพิ่มอีก 100,000 เยน
  • ในกรณีใช้พลังงานหมุนเวียน (ZEV + Renewable Energy): รับเพิ่มอีก 150,000 เยน

รวมสิทธิพิเศษสำหรับ Outlander PHEV สูงสุดถึง 1,327,300 เยน หรือประมาณ 300,819 บาท

ราคาจำหน่าย Mitsubishi Outlander PHEV ปรับปรุงใหม่ในญี่ปุ่น เริ่มจำหน่าย 31 ตุลาคม 2024

  • รุ่น 5 ที่นั่ง 4WD ราคา 6,594,500 เยน หรือประมาณ 1.49 ล้านบาท
    • หากหักลบเงินหนุนจะเหลือ 5,267,200 เยน หรือประมาณ 1.19 ล้านบาท
  • รุ่น 7 ที่นั่ง 4WD ราคา 6,685,800 เยน หรือประมาณ 1.51 ล้านบาท
    • หากหักลบเงินหนุนจะเหลือ 5,358,500 เยน หรือประมาณ 1.21 ล้านบาท

นอกจากนี้เรายังเริ่มรับการสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนการเปิดตัวและ ณ วันที่ 30 ตุลาคม ได้รับคำสั่งซื้อประมาณ 3,400 คัน ซึ่งแผนการขายเดิมคือ 1,000 คันต่อเดือน

  • สำหรับการสั่งจองล่วงหน้า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อทั้งหมดได้เลือกเกรดสูงสุด นั่นคือ P Executive Package 33% เป็น P, 11% เป็น G และ 4% เป็น M และ 85% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกเกรด P หรือสูงกว่า นอกจากนี้ เบาะหนังกึ่งสวรรค์และระบบเสียง Dynamic Sound Yamaha Ultimate ที่เป็นเอกสิทธิ์ของแพ็คเกจ P Executive ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีเช่นกัน
  • อัตราส่วนส่วนประกอบสีตัวถังคือ White Diamond 30%, White Diamond/Black Mica 17%, Black Diamond 10%, Moonstone Grey Metallic 9% และ Moonstone Grey Metallic/Black Mica 9%

Mitsubishi Outlander PHEV ปี 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 แถวเรียงขนาด 2.4 ลิตรควบคู่ไปกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่

  • DOHC 16 วาล์ว อินไลน์ 4 พร้อมบล็อกอลูมิเนียมและส่วนหัว ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง
  • ขนาด 2.4 ลิตร 2,488 ซีซี
    • ให้กำลัง 138 แรงม้า
    • แรงบิด 203 นิวตัน-เมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า:
    • กำลังสูงสุด: 113 แรงม้า
    • แรงบิดสูงสุด: 255 นิวตันเมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง:
    • กำลังสูงสุด: 136 แรงม้า
    • แรงบิดสูงสุด: 195 นิวตันเมตร
  • ให้กำลังรวม
    • กำลังสูงสุด: 302 แรงม้า
  • แบตเตอรี่ขนาด 22.7kWh สามารถวิ่งไฟฟ้า 102 กม. WLTC
  • ขนาดถังน้ำมัน 53 ลิตร
  • ครอบคลุมการวิ่ง 844 กม./ถังน้ำมัน
  • ปล่อย CO 2 18g/km และ 19g/km
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.9 วินาที
  • โหมดการขับขี่ไฟฟ้า 3 โหมดช่วยให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะสูงสุด ได้แก่ โหมด EV โหมด Series Hybrid และโหมด Parallel Hybrid
  • โหมดการขับขี่ให้เลือก 7 โหมด โดยแต่ละโหมดได้รับการปรับแต่งเพื่อให้มีประสิทธิภาพการขับขี่ที่โดดเด่นบนถนนทุกประเภทและสภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดกำลัง โหมดยางมะตอย โหมดกรวด โหมดหิมะ หรือโหมดโคลน โดยสามารถเลือกโหมดต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและสะดวกโดยใช้ปุ่มควบคุมตรงกลางห้องโดยสาร เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขับขี่ทุกคนจะรู้สึกปลอดภัยแม้ในสภาพที่เลวร้ายที่สุด
  • ระบบส่งกำลัง PHEV ที่ได้รับการปรับปรุงหมายความว่า Outlander ใหม่ยังคงอยู่ในโหมดไฟฟ้าทั้งหมดแม้ว่ารูปแบบการขับขี่จะเร้าใจมากขึ้นที่ความเร็วสูงถึง 135 กม./ชม. และมั่นใจได้ว่าผู้ขับขี่จะมีระยะทางขับขี่ที่เพียงพอแม้ในขณะที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความถี่ในการชาร์จไฟอีกด้วย

ช่วงล่าง (Suspension System)

  • ระบบกันสะเทือนหน้า: อิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบกันสะเทือนหลัง: อิสระแบบปีกนกคู่ (Multi-link) พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (S-AWC): ช่วยกระจายแรงบิดและควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้งหรือในสภาพถนนลื่น

ระบบเบรก (Brake System)

  • ด้านหน้า: ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน (Ventilated Disc Brakes)
  • ด้านหลัง: ดิสก์เบรก (Solid Disc Brakes หรือ Ventilated แล้วแต่รุ่น)
  • ABS (Anti-lock Braking System) – ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกระทันหัน
  • EBD (Electronic Brake-force Distribution) – ระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ
  • Brake Assist – ระบบเสริมแรงเบรกเมื่อผู้ขับเบรกไม่เต็มแรง
  • Auto Hold + Electric Parking Brake – ระบบเบรกมือไฟฟ้าและช่วยหยุดรถในทางชัน

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4,719 มม.
  • กว้าง 1,862 มม.
  • สูง 1,750 มม.
  • ฐานล้อ 2,704 มม.

การออกแบบภายนอก

  • ไฟหน้า Adaptive LED (ALH) – ไฟหน้าปรับตามการขับขี่ พร้อมระบบปรับระดับแสงอัตโนมัติ รุ่น: P, Executive, G
  • ไฟหน้า LED (ปรับระดับแสง) – ใช้ในรุ่น M เท่านั้น
  • ที่ฉีดล้างไฟหน้า – มีใน P, Executive, G
  • ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟตำแหน่งแบบ LED – มีทุกรุ่น
  • ไฟตัดหมอกหน้า LED – มีทุกรุ่น
  • ไฟเลี้ยวหน้าแบบ Sequential (ไล่ระดับ) – มีในรุ่น P, Executive, G
  • กระจกมองข้างพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED – มีในทุกรุ่น พร้อมฟังก์ชันความจำตำแหน่งในบางรุ่น
  • ไฟท้ายแบบ LED – ครบทุกเกรด
  • ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED – ครบทุกเกรด
  • มือจับประตูภายนอกสีเดียวกับตัวรถ – ทุกรุ่น
  • กระจังหน้า Gloss Black + Chrome – ทุกรุ่น
  • ขอบหน้าต่างสีเงิน – ทุกรุ่น
  • เสา B และเสา Quarter Black-out – มีทั้งแบบ Gloss Black และสีดำธรรมดา แล้วแต่รุ่น
  • กันชนหน้า/หลังสี Titanium Grey หรือ Black – ขึ้นกับรุ่น
  • ชุดตกแต่งด้านข้างและกันชนล่าง (Garnish) – แตกต่างกันตามรุ่น (สีเดียวกับตัวรถหรือสีดำ)
  • สปอยเลอร์หลังคา (Roof Spoiler) – มีในทุกรุ่น
  • ซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา – เป็นออปชันเสริมในบางรุ่น
  • ราวหลังคา (Roof Rail) – เป็นออปชันเสริมในทุกรุ่น
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) – ครบทุกรุ่น

ล้อและ ยาง

  • รุ่น P, Executive Package, G ขนาดยาง: 255/45R20 ล้อ: ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์แบบ 2 โทน ตัดเงาแบบพิเศษ (Two-tone cut finish)
  • รุ่น M ขนาดยาง: 235/60R18 ล้อ: ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม
 - ไฟเบรกดวงที่ 3
 - กระจกกรอง UV (ทุกบาน)
 - ที่ปัดน้ำฝนหลัง
 - กระจกไล่ฝ้า

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

  • พวงมาลัยหุ้มหนังแท้พร้อมระบบทำความร้อน
  • หัวเกียร์หุ้มหนัง และแผงคอนโซลกลางตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพ (อะลูมิเนียมหรือ Piano Black ตามรุ่น)
  • เบาะที่นั่งให้เลือกทั้งแบบหนังแท้ เซมิแอนิลีน หนังสังเคราะห์ หรือผ้าคุณภาพสูง
  • เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า พร้อมระบบหน่วยความจำและฟังก์ชันระบายอากาศ (ในบางรุ่น)
  • หลังคาสีดำหรือเทาอ่อน แล้วแต่รุ่นรถ
  • คอนโซลกลางมีที่พักแขน, ช่องเก็บของ และพอร์ตชาร์จ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา หรือแบบ 3 โซนอิสระ (ขึ้นกับรุ่น)
  • เบาะแถวที่ 2 ปรับเอนได้ พับได้แบบ 4:2:4 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
  • ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันแฮนด์ฟรี
  • กระจกหน้าต่างแบบ One-touch พร้อมระบบกันหนีบ (บางรุ่นมีเฉพาะฝั่งคนขับหรือทุกบาน)
  • ระบบกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ท
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, USB Type-C และ HDMI port
  • มีม่านบังแดดที่กระจกประตูหลังในบางรุ่น
  • หน้าจอแสดงผลแบบ Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ให้ข้อมูลครบถ้วนชัดเจน
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับระบบนำทาง, Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto
  • ระบบเสียง Yamaha มีให้เลือก 2 ระดับ:
     - Yamaha Ultimate (12 ลำโพง + แอมป์คู่) – รุ่นบนสุด
     - Yamaha Premium (8 ลำโพง) – สำหรับรุ่นอื่น
  • ช่องเสียบ HDMI, USB Type-C สำหรับความบันเทิงและการชาร์จ
  • ควบคุมระบบเสียงผ่านพวงมาลัยได้ทุกเกรด

ความปลอดภัย เทคโนโลยีช่วยขับขี่

  • ถุงลมนิรภัยครบชุด:
     - ด้านหน้า (คนขับและผู้โดยสาร)
     - ด้านข้าง
     - ม่านนิรภัย
     - หัวเข่าฝั่งคนขับ

  • เข็มขัดนิรภัยแบบ ELR:
     - ด้านหน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติพร้อมตัวลดแรงกระแทก
     - ด้านหลัง 3 จุด ครบ 3 ตำแหน่ง พร้อมกลไกจำกัดแรงและดึงกลับ

  • จุดยึดเบาะเด็ก ISO FIX:
     - ทั้งจุดยึดบนและล่าง บริเวณเบาะหลังด้านซ้าย-ขวา

  • โครงสร้างรองรับการชน และวัสดุบุนุ่มลดการกระแทกภายในห้องโดยสาร

  • ระบบช่วยเบรกและควบคุมตัวรถ:
     - ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
     - ASC (ควบคุมเสถียรภาพ)
     - AYC (ควบคุมแรงบิดในโค้ง)
     - HSA (ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน)
     - HDC (ควบคุมความเร็วลงทางลาดชัน)

เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ (Driver Assist Technologies)

  • e-Assist (ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง) ประกอบด้วย:
     - ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรก (FCM)
     - ระบบเตือนการออกนอกเลน + ช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LDW/LDP)
     - ระบบช่วยเบรกเมื่อเหยียบคันเร่งผิด (EAPM)
     - ระบบเตือนอาการเหนื่อยล้าผู้ขับขี่ (DAA)
     - ระบบเตือนการชนด้านหน้าแบบคาดการณ์ล่วงหน้า (PFCW)
     - ระบบอ่านป้ายจราจร (TSR)
     - ระบบเตือนจุดบอดและช่วยเปลี่ยนเลน (BSW/LCA)
     - ระบบเตือนเมื่อถอยหลังเจอรถตัดผ่าน (RCTA)
     - ระบบช่วยเบรกขณะเปลี่ยนเลนด้านหลัง (ABSA)

  • MI-PILOT

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วต่ำจนถึงหยุดนิ่ง
  • ระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist: LKA) ตรวจจับเส้นแบ่งเลนและช่วยบังคับพวงมาลัยให้อยู่ในเลนเมื่อเปิดใช้งาน
  • ฟังก์ชันเชื่อมต่อกับระบบนำทาง (Navigation Link) ช่วยปรับความเร็วของรถให้เหมาะสมตามโค้ง หรือจุดเปลี่ยนแปลงของถนนที่แสดงในระบบนำทาง เช่น ทางโค้ง ทางออก ทางเวียน ฯลฯ
  • ลดภาระคนขับบนทางด่วนหรือถนนไกลระบบจะควบคุมทั้งพวงมาลัย ความเร็ว และระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ทำให้การเดินทางระยะไกลผ่อนคลายยิ่งขึ้น

ระบบกล้อง และ เซ็นเซอร์

  • กล้องมองภาพรอบคัน (360° Around View Monitor) พร้อมระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบรถ (MOD)
  • เซนเซอร์จอดรถรอบคัน (หน้า-หลัง)
  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ (บางรุ่น) หรือ Digital Rearview Mirror

Mitsubishi Outlander ใหม่จะเริ่มผลิตในช่วงปลายปี 2024 ที่โรงงาน Okazaki ของบริษัท โดยเข้าร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของบริษัท และต่อยอดจากการเปิดตัว ASX ใหม่และ COLT ใหม่ล่าสุด

mitsubishi

Advertisement

Advertisement
Thailand Web Stat

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้