Advertisement

Advertisement

ฟอร์ด ขาดทุนรถยนต์ไฟฟ้าคันละ 2 ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 2023

ฟอร์ด ขาดทุนรถยนต์ไฟฟ้าคันละ 2 ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 2023
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

ในไตรมาสแรกปี 2023 หรือ Q1 ระหว่าง มกราคม – มีนาคม 2023 ฟอร์ดออกมาแถลงยอดขายอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยว่าพวกเขาขาดทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Ford Model e Electric หรือรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในกลุ่ม Ford Motor Company ประกาศขาดทุนกว่า 722 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,459 ล้านบาท ฟอร์ดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 12,000 คันในไตรมาสแรก ทำให้ฟอร์ดขาดทุนรถยนต์ไฟฟ้าทุกคนที่ขายออกไปกว่า 60,000 ดอลลาร์ หรือ 2.03 ล้านบาทต่อคัน

นี้คือจุดเริ่มต้นของการขาดทุนขนาดใหญ่ ฟอร์ดยังคงคาดการณ์ว่าพวกเขาจะขาดทุนในธุรกิจ Model e EV เกือบ 50% กลายเป็น 3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 101,580 ล้านบาท ภายในปี 2023

Ford Motor Company เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม โดยมีรายได้สุทธิ 1.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 60,948 ล้านบาท) เพื่อชดเชยการขาดทุน 3.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 104,966 ล้านบาท) ในปีก่อนหน้า

รายรับในไตรมาสแรกอยู่ที่ 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,405,190 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากยอดจัดส่งที่ใกล้จะถึง 1.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ ฟอร์ดสิ้นสุดไตรมาสด้วยอัตรากำไร 8.1 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 1.4 เปอร์เซ็นต์

จิม ฟาร์ลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารตั้งข้อสังเกตว่าไตรมาสแรกของการจัดระเบียบและบริหารบริษัทในนามของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ได้แก่ Ford Blue, Ford Model e  (รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด) และ FORD Pro (ธุรกิจรถขนส่งเชิงพาณิชย์) ได้ให้ผลการดำเนินงานที่มั่นคง และ ภาพรวมยังเป็นการเติบโตในด้านบวก

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าแผนกใหม่ของ Ford ทั้งหมดจะเจ๊งในไตรมาสที่ 1 ปี 2023 หน่วยธุรกิจ Model e EV ซึ่ง Ford กล่าวว่าดำเนินการเหมือนบริษัทสตาร์ทอัพ มีผลขาดทุน 722 ล้านดอลลาร์ หากเทียบกับธุรกิจสันดาปของฟอร์ดที่มีกำไร 2.6 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่หน่วยรถเพื่อการพาณิชย์ของ Ford Pro ทำเงินได้ 1.36 พันล้านดอลลาร์

ฟอร์ดยืนยันคำแนะนำทั้งปีอีกครั้งในขณะที่ฟื้นตัวจากการขาดแคลนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก โดยคาดว่าการขาดทุนจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model e จะเพิ่มขึ้นเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์เป็น 3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ การขาดทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ายังคงดำเนินต่อไป

ก่อนหน้านี้ Ford กล่าวว่ากำลังลงทุนอย่างหนักใน Model e เพื่อพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกับความสามารถทางดิจิทัลที่ก้าวล้ำสำหรับการใช้งานทั่วทั้งสายผลิตภัณฑ์ของบริษัท ดังนั้นการขาดทุนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกในธุรกิจใหม่นี้

แน่นอนสำหรับการหยุดผลิต Mustang Mach E และ F-150 Lightning ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2023 มีส่วนทำให้ฟอร์ดขาดทุน เพราะทางฟอร์ดต้องทำการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมที่โรงงานในเม็กซิโกซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิต Mach-E เกือบสองเท่า และต้องแยกและแก้ไขปัญหาแบตเตอรี่สำหรับ Lightning ก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาสำหรับลูกค้า

นอกจากการเพิ่มขีดความสามารถของ Mustang Mach-E และ F-150 Lightning แล้ว ฟอร์ดกำลังสร้างกระบะไฟฟ้าโฉมใหม่ ที BlueOval City โดยก่อสร้างใน Stanton รัฐเทนเนสซี

ปัจจุบันบริษัทกำลังดำเนินเปลี่ยนโรงงานในโอกวิลล์ รัฐออนแทรีโอ เพื่อผลิตแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไป รวมทั้งจัดหาพนักงานในโรงงานแบตเตอรี่ LFP ในเมืองมาร์แชล รัฐมิชิแกน

ฟอร์ด วางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกว่า 600,000 คันภายในสิ้นปี 2023 และมากกว่า 2 ล้านคันภายในสิ้นปี 2026 รถครอสโอเวอร์ Explorer ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่จะผลิตและขายในยุโรป

เครดิตจาก FORD

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้