Advertisement

Advertisement

ทดสอบวิ่งในไทย NETA V ไมเนอร์เช้นจ์ 318 – 401 กม./ชาร์จ CLTC ก่อนเปิดตัว พร้อมสร้างในไทยต้นปี 2567

ทดสอบวิ่งในไทย NETA V ไมเนอร์เช้นจ์ 318 – 401 กม./ชาร์จ CLTC ก่อนเปิดตัว พร้อมสร้างในไทยต้นปี 2567
Spread the love

Advertisement

Advertisement

เครดิตภาพ ArtMedia Return

 

มร.เป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่ามาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมาตรการดังกล่าวนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนภาคการลงทุนที่ทำให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น

ในขณะที่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้สามารถพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบกับเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ให้ระยะทางในการขับขี่ที่รองรับกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และเห็นถึงความคุ้มค่าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม

จึงสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ยอดจดทะเบียนรวมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2565 ที่ผ่านมามีเพียง 9,580 คัน ในขณะยอดจดทะเบียนรวม ณ ปัจจุบันของปีนี้สูงถึง 49,997 คัน (มกราคม – กันยายน 2566) โดย NETA ตั้งเป้าการขายปีนี้ไว้ที่ 13,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด 20% จากภาพรวมของตลาดที่คาดว่าน่าจะสูงกว่า 60,000 คัน

มร.เป่า กล่าวเสริมถึงความคืบหน้าแผนงานตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA ในประเทศไทยเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเมืองไทยและอาเซียนว่ามีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% ทั้งในด้านโครงสร้างอาคาร เครื่องจักรสำหรับการไลน์การผลิต รวมไปถึงบุคลากร ในขณะที่ชิ้นส่วนการผลิตที่สำคัญของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแบตเตอรี่ ได้รับการรับรองคุณภาพและผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะสามารถเริ่มการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ NETA เริ่มจากรุ่น NETA V เป็นรุ่นแรกได้ในภายในต้นปี 2567 นี้

“การสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ NETA ในประเทศไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแผนงานระดับสากลของ NETA เพื่อเป็นรากฐานที่ต่อยอดไปยังการพัฒนาส่วนงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกของเรา ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนสร้างฐานการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัยของ NETA เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาคอาเซียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างทักษะบุคลากรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และสนับสนุนให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” มร.เป่า จ้วงเฟย กล่าว

มร. เป่า จ้วงเฟย ยังได้กล่าวถึงภาพรวมของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่าเป็นช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดเนื่องจากมาตรการสนับสนุนกำลังจะสิ้นสุดลง ประกอบกับงาน Motor Expo ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายปี ทำให้ผู้ประกอบการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต่างสรรหามาตรการมากระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคออกมาในหลากหลายรูปแบบ

เราคาดว่า NETA ประเทศไทยจะนำ NETA AYA หรือ NETA V เวอร์ชั่นไมเนอร์เช้นจ์ใหม่มาจำหน่าย พร้อมการผลิตในประเทศไทย ปัจจุบัน NETA V MY2023 ปรับลดราคาในไทยเหลือเพียง 499,000 บาทเท่านั้น

NETA AYA ไมเนอร์เช้นจ์ 318 – 401 กม./ชาร์จ CLTC

 

วันที่ 3 สิงหาคม 2023 Nezha AYA หรือ NETA V ไมเนอร์เช้นจ์ ประกาศเปิดตัวพร้อมราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ทั้งหมด 4 รุ่นย่่อย เริม่ต้นที่ 73,800 – 88,800 หยวน หรือประมาณ 356,000 – 428,000 บาท สามารถวิ่งได้ 318 – 401 กม./ชาร์จ CLTC

ผู้ซื้อรถยนต์สามารถรับส่วนลดทางการเงินหรือเงินช่วยเหลือทดแทน 3,000 หยวน (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) รับประกันไฟฟ้าสามเครื่องฟรีตลอดอายุการใช้งาน บริการช่วยเหลือบนท้องถนนฟรีภายในขอบเขตการรับประกัน อัปเกรด OTA ฟรี ระบบความบันเทิงฟรี 3 ปี ฟรีการชาร์จมาตรฐาน 7KW ภายใน 2 ปีของการซื้อรถ

  • มีการเปลี่ยนแปลงภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ขนาดตัวถังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
  • Neta V เป็นรถ SUV ซับคอมแพคท์ ไฟฟ้า ที่ผลิตโดย Hozon Auto ภายใต้แบรนด์ Neta (Nezha) Neta V เปิดตัวในปี 2020 บนแพลตฟอร์ม HPC ซึ่งใช้ร่วมกับ Neta U

เมื่อมองดูภายนอก มีการปรับเปลี่ยนพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณกันชนหน้า และช่องดักอากาศที่ชิ้นใหญ่ขึ้น พร้อมเพิ่มช่องระบายอากาศทั้งสองด้าน ช่วยเพิ่มความรู้สึก ของการเคลื่อนไหว ตัวถังไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่น่าสนใจคือไฟท้ายแบบ LED ลากเชื่อมทั้งสองฝั่ง ซึ่งเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากหากเทียบกับโฉมปัจจุบัน กันชนหลังออกแบบใหม่ พร้อมโลโก้ AYA ใหม่ พร้อมหลังคาสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ขนาดตัวถัง Nezha AYA

  • ยาว 4,070 มม.
  • กว้าง 1,690 มม.
  • สูง 1,540 มม.
  • ฐานล้อ 2,420 มม.
  • ระยะต่ำสุดจากพื้น 130 มม.
  • ความจุสัมภาระท้าย 335 ลิตร พับเบาะหลังขยายได้ถึง 588 ลิตร
  • รองรับ 5 ที่นั่ง

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมคอนโซลหน้าสีขาว-ดำ นอกจากนั้นไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด มีเพียงการตกแต่งแถบสีแดงเล็กน้อยบริเวณพวงมาลัย และ อัพเดทชิป MT8675 เกรดรถยนต์ 8 คอร์ 7 นาโนเมตร ซึ่งเพิ่มพลังการประมวลผลมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับ 8666 และปรับปรุงความสามารถในการประมวลผลกราฟิก มีความจุ 8+64G

Nezha AYA ยังรองรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ L2 ซึ่งติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะชั้นนำในระดับเดียวกัน และเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรระยะไกล 1 ตัว กล้องตรวจจับสูง 1 ตัว และเรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ติดตั้งระบบโต้ตอบด้วยเสียงในห้องนักบินอัจฉริยะ AI ซึ่งตระหนักถึงความสามารถในการพูดคุย การสนทนาอย่างต่อเนื่อง

  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังระดับพรีเมียม
  • เบาะหนังระดับพรีเมี่ยม
  • เบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้
  • เกียร์อิเล็กทรอนิกส์
  • เบาะนั่งคนขับปรับมือ 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารหน้าปรับมือ 4 ทิศทางแบบ Co-pilot
  • ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย
  • แผงหน้าปัดดิจิตอล 12 นิ้ว
  • หน้าจอขนาดใหญ่ควบคุมกลางอัจฉริยะขนาด 14.6 นิ้ว
  • ชิป MT8675
  • หน่วยความจำออนบอร์ด 8+64G
  • Nezha AI ผู้ช่วยเสียง
  • รองรับอัพเกรด OTA
  • ลำโพง 4 ตำแหน่ง

มอเตอร์ไฟฟ้า

  • มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 101 กม./ชม.
    • แบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ 401 กม./ชาร์จ CLTC
  • มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 53 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 101 กม./ชม.
    • แบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ 318 กม./ชาร์จ CLTC
  • ชาร์จ AC 3.3kW 0-100% ภายใน 10 – 12 ชม.
  • ชาร์จ AC 6.6kW 0-100% ภายใน 6 – 8 ชม.
  • ชาร์จ DC 30-80% ภายใน 30 นาที
  • ระบบจัดการแบตเตอรี่อุณหภูมิคงที่ HEPT 3.0
  • ฟังก์ชั่นช่องชาร์จภายนอก V2L
  • 2 โหมดการขับขี่
    • Normal
    • SPORT

ระบบช่วงล่าง

  • โครงสร้างนิรภัยตัวถัง HSSSD
  • ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
  • ระบบกันสะเทือนด้านหลัง trailing Arm
  • ดิสก์เบรกหน้า-หลัง
  • ระบบเบรกไฟฟ้าอัจฉริยะ EHB
  • เบรกมือแบบไฟฟ้า EPB
  • ช่วยเบรครถอัตโนมัติชั่วคราว Auto Brake Hold
  • พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS

ระบบความปลอดภัย

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
  • ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
  • ระบบควบคุมการเกาะถนน (TCS)
  • ระบบป้องกันการทรงตัว (ESC)
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC)
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC)
  • เรดาร์จอดรถด้านหลัง
  • กล้องหลัง
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC
  • เครื่องบันทึกการขับขี่ (DVR)
  • ระบบตรวจสอบแรงลมยาง
  • ฟังก์ชั่นการอุ่นกระจกบังลมหลัง
  • ระบบอุ่นแบตเตอรี่ที่อุณหภูมิต่ำ

ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ L2 จาก เรดาร์คลื่นมิลลิเมตรทางไกล 1 ตัว, กล้องความไวสูง 1 ตัว, เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว

  • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (APA)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (TJA)
  • ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
  • ระบบเตือนการชนคนเดินถนน (PCW)
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ (LKA)
  • ระบบเตือนการออกนอกเลน (LDW )
  • ไฟสูง/ต่ำอัจฉริยะ (HBA)
  • ระบบเตือนจุดบอด (BSD)
  • ระบบจดจำป้ายจราจร (TSR)
  • ระบบจดจำสัญญาณไฟจราจร (TLR)
  • ระบบเตือนการสตาร์ทรถด้านหน้า (SGW)
  • ระบบเตือนการขับขี่ขณะง่วง (DDW)

 

 

ลดราคา 50,000 บาท NETA V MY2023 ราคา 499,000 บาทในไทย แถมฟรี Wallbox โปรดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้