เตรียมเพิ่ม ภาษีคาร์บอน ไม่ลดภาษีน้ำมัน หวั่นรถสันดาปราคาแพง
กรมสรรพสามิต เตรียมใช้โครงสร้างภาษีคาร์บอน พร้อมปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวร่วมกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน และ ไม่ลดภาษีน้ำมัน ระบุว่า กองทุนน้ำมัน บริหารงานดีอยู่แล้ว ราคาปัจจุบันดีเซลลิตรละ 30 บาท ยังรับได้ (รัฐเก็บภาษี-เงินกองทุน รวมๆ 45% ของราคาน้ำมัน นั้นแสดงว่า น้ำมัน 30 บาท รัฐฯ-กองทุน เก็บไปกว่า 13.5 บาท)
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การก้าวสู่สังคมไร้คาร์บอน ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่อยู่กับตัวเรา และจะบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างไร วันนี้ เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิต เป็นตัวเร่งในกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรมก็เช่นกัน เทคโนโลยีสามารถทำให้ธุรกิจเติบโต เทคโนโลยีสามารถส่งเสริมกระบวนการผลิตให้มีสินค้าหลากหลาย และต้นทุนต่ำลง อีกทั้ง การผลิตสินค้าถึงมือลูกค้าหรือร้านค้าในระยะเวลาสั้นลง ทำให้เติบโตก้าวกระโดด
ทั้งนี้ จะเห็นว่าการประชุม COP26 ผลออกมาเป็นรูปธรรมประเทศใหญ่ๆ ที่เป็นมหาอำนาจยืนยันเพื่อจะดำเนินการลดโลกร้อนไปด้วยกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศโรดแมพประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ช่วง ปี 2030 จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง 40% และ ปี 2050 จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065
ประเทศที่เป็นผู้นำในโลกที่สะอาดการกำหนดราคาคาร์บอนมี 2 วิธี
1. Carbon Tax โดยการระบุ ตรงตัวว่าอนุญาตให้โรงงาน หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งปล่อยคาร์บอนได้เท่าไหร่ และเมื่อมีการปล่อยเกินกว่าที่กำหนดจะต้องเสียภาษีในหน่วยที่คิดเป็นตันคาร์บอน เช่น ประเทศสิงคโปร์ ใช้แล้วปี 2019 ส่วนประเทศญี่ปุ่นใช้ในปี 2015
2.การซื้อขายแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจก (cap and trade) ซึ่งบางอุตสาหกรรมอาจมีการปล่อยคาร์บอนจำนวนมาก จะต้องซื้อคาร์บอนมาจากอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนน้อย ซึ่งจะมีการกำหนดราคาอีกครั้ง โดยประเทศจีน และเยอรมนี เริ่มใช้ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา
หากมีการเก็บภาษีคาร์บอน ภาคอุตสาหกรรมการเก็บภาษีคาร์บอน อาจเพิ่มต้นทุนผู้ประกอบการ แน่นอนว่าผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์น้ำมัน จะมีต้นทุนในการซื้อที่แพงขึ้น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล
หากดูเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว ล่าสุดพึ่งประกาศมาตรการลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV ลดทั้ง VAT สำหรับผู้ขายรถยนต์ไฟฟ้า ภาษีนำเข้าเหลือ 0% รวมทั้งขึ้นภาษีรถยนต์ใช้น้ำมันทุกชนิด
มาตรการ ของประเทศลาว มีดังต่อไปนี้
- ลดภาษีเงินได้สำหรับธุรกิจนำเข้า และจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า จาก 20% เหลือ 10%
- ตั้งแต่ปี 2565-2568 ให้กำหนดสัดส่วนโควต้านำเข้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้สูงสุด 70% อีก 30% ต้องเป็นการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า
- ในปี 2569-2573 ให้ลดการนำเข้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเหลือ 50%
- ตั้งแต่ปี 2574 เป็นต้นไป กำหนดให้รถยนต์ที่จะนำเข้ามา ต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50%
- ให้รัฐบาลสร้างกลไกควบคุมราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไม่ให้สูงจนเกินไป
- ส่งเสริมให้ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ เข้ามาเปิดศูนย์บริการในลาว
- ขึ้นภาษีน้ำเข้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จากเดิม 35-40% เป็น 70%
- เพิ่มภาษีการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่ละประเภทขึ้นมาอีกประเภทละ 5%
- ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จากเดิม 10% เป็น 20%